ข่าวไลฟ์สไตล์

ดื่มแค่ไหน เป่าไม่ขึ้น ถ้าเป่าขึ้นจะโดนอะไรบ้าง

หลายคนคงเคยได้ยินได้ฟังวิธิการหลีกเลี่ยงการโดนจับแอลกอฮอล์เกินปริมาณ ไม่ว่าจะเป้นการกินมเปรี่ยว ที่มีการพิสูจน์มาแล้วว่าลดจริง แต่ไม่มาก หรือการบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก การดื่มน้ำเปล่า กินข้าวผัด กินผัดกระเพราะหรืออะไรต่างๆมากมาย แล้วเราต้องดื่มเท่าไหร่ถึงจะเป่าขึ้น แล้วกฏหมายใหม่ที่ออกมาว่าด้วยการเมาแล้วขับมีว่าอย่างไร วันนี้เรามีข้อมูลที่จะเป้ฯประโยชน์ต่อท่านมาฝากสำหรับใครที่เป็นพวกปฏิเสธเพื่อนไม่ได้ ขอจิบสักนิดก็ยังดี แบบนี้ลองมาดูว่าดื่มแค่ไหน ถึงจะไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ตามกฎหมาย

1.สุรา ประมาณ 90 ซีซี ไม่ผสม หรือผสมในปริมาณ 1 ฝาต่อแก้ว จำนวนไม่เกิน 6 แก้ว

2.เบียร์ ประมาณ 2 กระป๋อง หรือ 2 ขวดเล็ก

3.เบียร์ไลท์ ประมาณ 4 ประป๋อง หรือ 4 ขวดเล็ก

4.ไวน์ ปริมาณต่อแก้ว 80 ซีซี ไม่เกิน 2 แก้ว

ซึ่งปริมาณแอลกอฮอล์เหล่านี้ หากขับรถภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากดื่ม ปริมาณแอลกอฮอล์จะไม่อยู่ในระดับที่เกินกฎหมายกำหนด แต่ทางที่ดีควรหยุดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อยประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงก่อนขับรถ พร้อมทั้งดื่มน้ำในปริมาณมากๆ เพื่อให้แอลกอฮอล์ถูกขับถ่ายมาทางปัสสาวะ อีกทั้งไม่ควรดื่มเครื่องดื่มหลายชนิดผสมกัน เพราะอาจทำให้เกิดความสับสนจนทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกำหนดได้

ในส่วนของข้อกฏหมายนั้นได้มีการปรับแก้ไขกฎหมายเรื่องเมาแล้วขับเมื่อปี 2560ให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ดังนี้

  • เมาแล้วขับจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับขั้นต่ำ 10,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังถูกศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ มีกำหนดไม่น้อยกว่า 6 เดือนหรือเพิกถอนใบอนุญาต จนถึงการยึดรถที่ใช้ไม่เกิน 7 วัน
  • เมาแล้วขับจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ มีโทษจำคุก 1-5 ปี ถูกปรับ 20,000 ถึง 100,000 บาท และถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปีหรือเพิกถอนใบอนุญาต
  • เมาแล้วขับจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายอย่างสาหัส มีโทษจำคุก 2-6 ปี ปรับขั้นต่ำ 40,000 ถึง 120,000 บาท ถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาต
  • สุดท้ายในกรณีเมาแล้วขับจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่กรรม มีโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับเป็นเงิน 60,000 ถึง 200,000 บาทรวมถึงถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ทันที

เมาแล้วขับ กฎหมายใหม่ มีกำหนดว่าโดยระดับแอลกอฮอล์ที่กฎหมายกำหนดคือ ต้องไม่เกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ในร่างกาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้เครื่องเป่าแอลกอฮอล์ตรวจถ้าไม่ยอมให้ตรวจหรือเจตนาหลบหนีก็จะมีโทษทางกฎหมายด้วยเช่นกัน ซึ่งแอลกอฮอล์ในปริมาณดังกล่าวถือว่าเป็นปริมาณที่ต่ำมาก เพราะการดื่มเบียร์ 1 กระป๋องร่างกายจะมีปริมาณแอลกอฮอล์ถึง 330 มิลลิกรัม ดังนั้นในความเป็นจริงแล้วถ้าดื่มก็ไม่ควรขับเด็ดขาดเพราะเพียงแค่เริ่มดื่มปริมาณแอลกอฮอล์ก็เกินกว่ากฎหมายกำหนดแล้ว อีกทั้งการทีท่านเลี่ยงข้อกฏหมายเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนจับ ไม่ได้เป็นการเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุต่อตัวเองและผู้อื่นเลย ฉนั้น “ดื่ม ไม่ขับ” นะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก : kgroupservice.com

sanook.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button