
เงินดิจิทัลเฟส 3 ยังไม่เข้า ครม. นายกฯ รับฟังความเห็นรอบด้าน ก่อนตัดสินใจเดินหน้า ชะลอ หรือปรับแผน รับมือเศรษฐกิจโลก
วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงความคืบหน้าโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท” เฟส 3 ว่ายังไม่ได้ถูกบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมความคิดเห็นจากหลายหน่วยงานโดยเฉพาะจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เสนอความเห็นเพิ่มเติมตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง
“เรายังไม่ได้มีมติยกเลิกใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่คือการเปิดรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อพิจารณาให้รอบด้านที่สุดว่า เงินก้อนนี้ควรใช้กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด” น.ส.แพทองธาร กล่าว
ท่ามกลางกระแสข่าวว่ารัฐบาลอาจชะลอหรือยกเลิกเฟส 3 เพื่อกันงบประมาณไปรับมือกับ “กำแพงภาษีสหรัฐฯ” ที่อาจกระทบเศรษฐกิจไทย นายกรัฐมนตรีระบุว่า ยังไม่มีข้อสรุปหรือมติใด ๆ ในขณะนี้ โดยทุกอย่างอยู่ระหว่างการประเมินความจำเป็นและผลกระทบทั้งในและต่างประเทศ
“เมื่อมีความเห็นเข้ามาแล้ว ก็ต้องพิจารณาต่อจึงจะกำหนดว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อน แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องรับฟังความคิดเห็นให้ครบก่อนถึงจะแจ้งได้ แต่ถ้าจะให้พูดรับปากพูดตอนนี้ไม่ได้
เพราะขณะนี้กำลังรอความคิดเห็นอยู่ ทั้งนี้ก็ต้องทำความเข้าใจเพราะยังมีปัจจัยที่เข้ามาโดยที่เราไม่ได้คาดหวังหรือคาดหวังเป็นทั่วโลกไม่ใช่แค่ประเทศไทยดังนั้นต้องฟังเหตุและผลด้วยซึ่งไม่ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไรหรือเปลี่ยนแปลงต้องมีคำอธิบายจากรัฐบาล”นายกฯ กล่าว
เงินดิจิทัลเฟส 3 แจกคนกลุ่มอายุ 16-20 ปี
กลุ่มเป้าหมายและคุณสมบัติผู้ได้รับสิทธิ์
- สัญชาติไทย
- อายุระหว่าง 16–20 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ 15 กันยายน 2567 (เกิดระหว่างวันที่ 16 กันยายน 2547 ถึง 15 กันยายน 2551)
- มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
- ไม่เป็นผู้มีรายได้เกิน 840,000 บาทในปีภาษี 2566
- ไม่เป็นผู้มีเงินฝากรวมทุกบัญชีเกิน 500,000 บาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567
- ไม่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุก หรือถูกระงับสิทธิจากโครงการรัฐอื่น ๆ
- คาดว่ามีผู้ได้รับสิทธิ์ประมาณ 2.7 ล้านคน
วิธีการรับ-ใช้จ่าย เงินจะถูกโอนเข้ากระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ผู้ได้รับสิทธิ์สามารถใช้จ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ โดยจะมีเมนูพิเศษสำหรับการใช้จ่ายเงินดิจิทัล
การใช้จ่ายจำกัดเฉพาะร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการภายในเขตหรืออำเภอตามที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ตอนจ่ายเงินต้องเปิดการระบุตำแหน่ง (Location) บนอุปกรณ์มือถือขณะทำการชำระเงิน เพื่อยืนยันตำแหน่งที่ตั้ง
เงินดิจิทัลเฟส 3 ซื้ออะไรได้บ้าง
ผู้ได้รับสิทธิ์สามารถใช้เงินดิจิทัลนี้ซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ได้หลากหลาย เช่น
- อาหารและเครื่องดื่ม (ไม่รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์)
- สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป
- เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- อุปกรณ์การเรียนและหนังสือ
- เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย
- อุปกรณ์กีฬาและการออกกำลังกาย
สินค้าที่ไม่สามารถใช้จ่ายได้
- ร้านขายเพชร ทอง และอัญมณี
- ร้านขายสลากกินแบ่งรัฐบาล
- ร้านขายสุราและบุหรี่
- ร้านขายผลิตภัณฑ์จากกัญชา กระท่อม และสารเสพติดอื่นๆ
- สถานีบริการน้ำมัน (ยกเว้นร้านค้าอื่นๆ ภายในสถานี)
- บริการต่างๆ เช่น เสริมสวย นวด
- การชำระค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ และค่าเทอม
คลังเรียกความเชื่อมั่น ลั่น แจกเงิน 10,000 บาท เฟส 3 ทันไตรมาส 2/2568
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า แม้ยังไม่ได้เสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการ แต่รัฐบาลยังคงยืนยันที่จะเดินหน้าโครงการตามไทม์ไลน์เดิมในไตรมาส 2 ปี 2568 (เมษายน–มิถุนายน)
“ขณะนี้โครงการยังอยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาพัฒน์ฯ และธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลต้องพิจารณารอบด้าน โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวน และความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบต่อไทยโดยตรง” นายเผ่าภูมิกล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลย้ำว่ามีงบประมาณเพียงพอสำหรับดำเนินโครงการเฟส 3 โดยใช้วงเงินประมาณ 27,000 ล้านบาท แต่จะต้องรอการตัดสินใจร่วมกันโดยอิงจากข้อมูลครบถ้วนในทุกมิติ ไม่ใช่เร่งรัดเพื่อหวังผลทางการเมือง
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า กระทรวงการคลังมีความพร้อมทั้งด้านงบประมาณและแผนการดำเนินโครงการ โดยปัจจุบันยังมีงบกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568 คงเหลืออีก 150,000 ล้านบาท ที่ต้องใช้ภายในปีนี้แน่นอน แต่การใช้งบต้องมีลำดับความสำคัญชัดเจนว่า โครงการไหนตอบโจทย์และดำเนินการได้เร็ว
ทั้งนี้ โครงการเงินดิจิทัลเฟส 3 จะใช้หลักเกณฑ์เดียวกับเฟสก่อนหน้า เช่น การลงทะเบียนผ่านแอปฯ ถุงเงิน, การผูกพร้อมเพย์กับบัตรประชาชน และจำกัดพื้นที่ใช้จ่ายในรัศมี 4 กิโลเมตรจากทะเบียนบ้าน โดยรายละเอียดทั้งหมดจะถูกเสนอให้ ครม. พิจารณาภายหลังจากรับฟังความเห็นครบถ้วนแล้ว.
ผลการโอนเงินดิจิทัลเฟส 1-2 มีคนตกค้าง
เฟส 1 กลุ่มเปราะบาง ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ จำนวนผู้ได้รับสิทธิ ประมาณ 14.5 ล้านคน โอนไปแล้วเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน 2567 โอนเงินสำเร็จ 14,450,168 คน (99.19%) โอนไม่สำเร็จ 37,685 คน เนื่องจากปัญหาการผูกบัญชีพร้อมเพย์หรือข้อมูลบัญชีไม่ถูกต้อง
ได้เป็นเงินสด ส่วนใหญ่ใช้จ่ายในครัวเรือน เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ของใช้จำเป็น และค่าสาธารณูปโภค สถานที่ใช้จ่ายหลัก ได้แก่ ร้านค้าในชุมชน หาบเร่ แผงลอย และร้านสะดวกซื้อ
เฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ประมาณ 3,025,596 คน ช่วงเวลาการโอนเงิน: 27 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568 โอนรอบเก็บตกครั้งสุดท้าย 28 เมษายน โอนเงินสำเร็จ 2,825,076 คน (93.37%) โอนไม่สำเร็จ 200,520 คน เนื่องจากปัญหาการผูกบัญชีพร้อมเพย์หรือข้อมูลบัญชีไม่ถูกต้อง คนที่โอนไม่ผ่านรอบเก็บตกถือว่าสละสิทธิ์ เงินกลับเข้ารัฐ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: