ดูชัดๆ ดื่มกาแฟแทนน้ำเปล่า 30 วัน เกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย?
ในยุคปัจจุบัน คนนิยมดื่มกาแฟพุ่งสูงขึ้นมา เพื่อความกระปรี้กระเปร่าให้ร่างกายตื่นตัวพร้อมทำงาน จนหลายครั้งลืมดื่มน้ำเปล่าอย่างเพียงพอ วันนี้มาลองดูกันว่า ถ้าดื่มกาแฟโดยไม่ดื่มน้ำเปล่าเลยติดต่อกันเป็นเวลา 30 วันส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อร่างกายแค่ไหน
1. ภาวะขาดน้ำ
กาแฟมีคุณสมบัติเป็นสารขับปัสสาวะ (diuretic) ที่ช่วยกระตุ้นการขับน้ำออกจากร่างกาย ดังนั้นการดื่มกาแฟมากไปยิ่งทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรงตามมา
สัญญาณของภาวะขาดน้ำ ได้แก่ ปากแห้งและลิ้นแห้ง ปัสสาวะเข้มสีและน้อยลง ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้าและหมดแรง เมื่อร่างกายขาดน้ำ การทำงานของอวัยวะหลายส่วนก็จะมีปัญหา ตั้งแต่ไต สมอง ไปจนถึงระบบย่อยอาหาร
2. ผลกระทบต่อไตและการขับของเสีย
ไตมีหน้าที่ขับของเสียออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ เมื่อเราได้รับคาเฟอีนจากกาแฟอย่างต่อเนื่อง ไตจะทำงานหนักขึ้นเพราะคาเฟอีนมีฤทธิ์กระตุ้นการขับน้ำออก ทำให้ต้องขับปัสสาวะบ่อย เสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต เนื่องจากการขาดน้ำจะทำให้ปัสสาวะมีความเข้มข้นสูง เสี่ยงต่อการตกตะกอนเป็นนิ่ว
3. ปัญหาทางระบบย่อยอาหาร
การดื่มกาแฟเป็นประจำโดยไม่ดื่มน้ำเปล่าอาจกระตุ้นให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น ทำให้เป็นกรดไหลย้อนและอาการแสบร้อนกลางอก เมื่อไม่มีน้ำเปล่าช่วยลดความเป็นกรดในระบบย่อยอาหาร การดื่มกาแฟบ่อย ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
4. ปัญหาการนอนและระบบประสาท
คาเฟอีนในกาแฟจะกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ตื่นตัวและเพิ่มสมาธิได้ในช่วงสั้น ๆ แต่หากดื่มกาแฟอย่างต่อเนื่อง คาเฟอีนที่คั่งค้างในร่างกายอาจส่งผล ให้นอนไม่หลับเรื้อรัง มีอาการกระสับกระส่าย วิตกกังวล และหัวใจเต้นเร็ว
หากการนอนหลับถูกกระทบ ร่างกายจะขาดช่วงเวลาพักฟื้นและฟื้นฟู ส่งผลให้รู้สึกเหนื่อยล้าและเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพในระยะยาว
5. ผลกระทบต่อผิวหนังและสุขภาพภายนอก
การขาดน้ำส่งผลต่อผิวหนังที่แห้งกร้าน ขาดความยืดหยุ่น และอาจทำให้ริ้วรอยเกิดเร็วขึ้นได้ ผิวหนังที่ไม่ได้รับน้ำเพียงพออาจสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้ดูหมองคล้ำและอ่อนแอต่อการเกิดปัญหาผิวหนังต่าง ๆ เช่น สิวและการระคายเคือง หน้าดูแก่ขึ้น
6. เสี่ยงติดคาเฟอีน
เมื่อดื่มกาแฟแทนน้ำเปล่าอย่างต่อเนื่อง ร่างกายจะเคยชินกับคาเฟอีน ซึ่งนำไปสู่การติดคาเฟอีน หากหยุดหรือดื่มน้อยลง อาจเกิดอาการถอนคาเฟอีน เช่น ปวดศีรษะ อารมณ์แปรปรวน และความเมื่อยล้า
7. ภาวะความดันโลหิตสูง
คาเฟอีนในกาแฟสามารถทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นชั่วคราว หากดื่มกาแฟปริมาณมากโดยไม่มีน้ำเข้ามาสมดุล การขาดน้ำร่วมกับคาเฟอีนอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูง และเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาว
คำแนะนำการดื่มกาแฟ
หากคุณชอบดื่มกาแฟ ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม และดื่มน้ำเปล่าเพียงพอในแต่ละวันเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ ร่างกายของเราต้องการน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วเพื่อรักษาสมดุลในการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการดื่มกาแฟเกินปริมาณ
นอกจากนี้ ห้ามลืมดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอเด็ดขาด เพราะ น้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกายมากถึง 60-80% ช่วยการทำงานของระบบต่าง ๆ ให้เป็นไปอย่างราบรื่น น้ำช่วยในการขับของเสียออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะและเหงื่อ ขับสารพิษที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญภายใน ทำให้ไตสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย โดยการระบายความร้อนผ่านเหงื่อ หากร่างกายขาดน้ำ จะเสี่ยงต่อภาวะฮีทสโตรกและการสะสมของสารพิษที่อาจส่งผลให้เกิดโรคไตได้
น้ำยังเป็นส่วนประกอบสำคัญในน้ำลายและน้ำย่อยต่าง ๆ ช่วยในการย่อยและดูดซึมสารอาหารในลำไส้ ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารเต็มที่ นอกจากนี้ น้ำยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการหล่อลื่นข้อต่อ ลดการเสียดสีและบาดเจ็บของข้อต่อและอวัยวะภายใน ร่างกายที่ขาดน้ำจะสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้ผิวหนังแห้งและเกิดริ้วรอยได้เร็วขึ้น
สมองมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก การดื่มน้ำเพียงพอช่วยให้สมองทำงานได้เต็มที่ ลดอาการปวดหัวและความเครียด รวมถึงช่วยรักษาสมดุลของเกลือแร่ เช่น โซเดียมและโพแทสเซียม ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของเซลล์และกล้ามเนื้อ หากร่างกายขาดน้ำ เกลือแร่ในร่างกายจะไม่สมดุล ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือช็อก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- หมอเตือน ดื่มกาแฟซองทุกวัน เสี่ยงเส้นเลือดอุดตัน-สมองตาย
- หมอหมู มีคำตอบ ดื่มกาแฟบ่อย ลดความเสี่ยงเป็นนิ้วในไตหรือไม่?
- อ.เจษฎา ชี้ ดื่มน้ำขวดพลาสติกใส ไม่เสี่ยงเป็นเบาหวาน แนะอย่าตื่นตระหนก