ข่าวข่าวการเมือง

‘หมอชลน่าน’ ชี้นโยบาย ยาบ้า 5 เม็ด ได้ผลแน่นอน ย้ำถ้าขายเม็ดเดียวก็โดน

หมอชลน่าน ชี้นโยบาย ยาบ้า 5 เม็ด ได้ผลแน่นอน เป็นการสกัดผู้ค้ารายย่อย เตือนหากมีพฤติกรรมซื้อขาย ต่อให้เม็ดเดียว ติดคุกหัวโต

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการล่ารายชื่อเพื่อให้ยกเลิกประกาศครอบครองปริมาณยาเสพติด หลังมีการกำหนดปริมาณครอบครองยาบ้า 5 เม็ด สันนิษฐานเป็นผู้เสพ เป็นเรื่องไม่เหมาะสม ในประเด็นนี้ หมอชลน่าน กล่าวว่าเราต้องไปดูว่าเหตุผลที่เขาให้มาคืออะไร เพราะประกาศฉบับนี้ออกตามกฎหมาย เราต้องทำตามกฎหมาย

ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นคืออะไร ผลเสียหากไม่มีประกาศนี้คืออะไร ซึ่งหากไม่มีการกำหนดปริมาณไว้ จะเป็นช่องว่าง แต่ถ้ากำหนดปริมาณไว้ เพื่อแยกคนเสพออกจากคนค้า แล้วเอาเข้าสู่การบำบัดและคืนสู่สังคมจะแก้ปัญหาได้

ปัจจุบัน คนกลุ่มนี้มี 1,900,000 คน จะจัดการอย่างไรถ้าหากไม่เอาไปบำบัด จึงเป็นเหตุผลสำคัญกฎหมายให้ไปกำหนดในกฎกระทรวงเพื่อนำคนเหล่านี้เข้าสู่การบำบัด เดิมมีเรื่องครอบครองยาบ้า 15 เม็ด ตอนนี้เราปรับลดมาในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อคืนโอกาสคนที่ติดแล้วไม่ให้กลับไปติดใหม่ได้

ส่วนพฤติกรรมการขายนั้น ไม่จำเป็นต้องกำหนด 5 เม็ดด้วยซ้ำ แค่ถือ 1 เม็ด เพื่อขายก็ถือว่าผิดแล้ว ยืนยันว่ากฎหมายนี้ออกมาแล้วได้ผลแน่นอน เรามั่นใจว่า มาตรการ หลักของกฎหมายที่เขียนไว้ และเป็นนโยบายรัฐบาลที่จะเปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย เพื่อสกัดผู้ค้ารายย่อย

เพราะส่วนใหญ่ผู้ค้ารายย่อยจะเกิดจากผู้เสพ แล้วการกำหนดที่ 5 เม็ด นั้นผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ และผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ผ่านความเห็นชอบของกฤษฎีกา ถือว่ารอบคอบรอบด้าน ตนไม่ได้กำหนดเอง

เมื่อถามว่า มีการเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียล้อว่า ประกาศดังกล่าวทำให้การซื้อขายคึกคัก คนเสพครึกครื้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า นั่นเป็นเพียงคำพูด หากมีพฤติการณ์ พฤติกรรมซื้อขายติดคุกแน่นอน เจ้าของร้านที่อยู่ในคลิปที่ปรากฎนั้น ติดคุกหัวโต แน่นอนเพราะเป็นคนขาย ส่วนที่บอกว่าครึกครื้นนั้นเพียงเพื่อกลบเกลื่อน

ส่วนคนที่ไปซื้อนั้นเราให้โอกาสคุณแล้ว หากไม่สมัครใจบำบัดต้องมีโทษตามกฎหมาย ต้องติดคุก แต่หากสมัครใจต้องเข้ารับการบำบัด เมื่อครบเกณฑ์การบำบัดแล้วก็ไม่ต้องรับโทษ ลึกๆเราต้องการตัดผู้ค้ารายย่อย ซึ่งผู้ค้ารายย่อยนั้นจะเริ่มจากการเสพ 1 เม็ด 3 เม็ดไปเรื่อยๆ จนมากขึ้นไม่มีเงินซื้อเลยแปลงเป็นผู้ค้ารายย่อย ดังนั้นเราจึงตัดวงจรแต่แรก

เมื่อถามว่า สรุปการบำบัดสามารถทำได้กี่ครั้ง เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า สามารถบำบัดได้เพียง 1 ครั้ง หากกลับไปเสพซ้ำต้องรับโทษตามกฎหมาย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า กฎหมายไม่ได้ระบุว่า บำบัดได้กี่ครั้ง อยู่ที่ดุลยพินิจ หากเขาตั้งใจสมัครใจบำบัดครั้งเดียวก็น่าจะสำเร็จ แต่พฤติกรรมต่างๆบางครั้งก็ต้องอาศัยสิ่งแวดล้อมด้วย

หากกลับไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เปลี่ยนเราก็ต้องตามไปดูว่า เกิดจากอะไร สมควรให้โอกาสคนนั้นหรือไม่ เพราะตามกฎหมาย หากเขาสมัครใจเข้ารับการบำบัดอยู่ก็ยังได้สิทธินั้น แต่หากมีความตั้งใจที่จะกลับไปเสพซ้ำก็มีความผิด

 

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button