หากเอ่ยถึงชื่อ สรยุทธ สุทัศนะจินดา น้อยคนนักที่จะไม่รู้ว่าเขาคือใคร ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา สรยุทธ ถือได้ว่าเป็นนักเล่าข่าวที่ทรงอิทธิพลมากอันดับต้น ๆ ของวงการข่าว และถือเป็นนักเล่าข่าวอันดับ 1 ของช่อง 3 อีกด้วย
วันนี้ทีมงานไทยเกอร์ขอชวนทุกคนไปย้อนความทรงจำ สมัยอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนและเปิดฟังข่าวรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ที่เล่าโดยสรยุทธ กว่าจะมาถึงจุดนี้ เขาผ่านเรื่องราวชีวิตอะไรมาบ้าง ไปติดตามกันได้เลย ณ บัดนี้
9 เกร็ดประวัติ สรยุทธ สุทัศนะจินดา นักเล่าข่าวแนวหน้าของเมืองไทย
1. เปิดฉายาสรยุทธ
สรยุทธ สุทัศนะจินดา มีชื่อเล่นว่า ยุทธ แม้ว่าปัจจุบันสรยุทธจะมีอายุครบ 57 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงมีคนเรียกว่า พี่สอ หรือ พี่ยุทธ เสมอ นอกจากชื่อที่เราคุ้นหูกันดี สรยุทธ ยังเป็นเจ้าของฉายาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
“กรรมกรข่าว” ฉายานี้สรยุทธนำมาตั้งชื่อเพจเฟซบุ๊กของเขาด้วยว่า สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว มาจากความรักงานข่าวของสรยุทธที่เข้าขั้นบ้างาน โดยคนในวงการเดียวกันมักจะเปรียบเปรยว่าเขาขยันทำหน้าที่คนอ่านข่าวมาก ประหนึ่งแรงงานหรือกรรมกรเลยทีเดียว
“ป๋าเสี้ยม” เป็นฉายาที่สมาคมนักข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทยตั้งให้สรยุทธ เนื่องจากครั้งหนึ่งที่สรยุทธจัดรายการ ถึงลูกถึงคน และผู้ร่วมรายการ 2 ฝ่ายเกิดไม่พอใจกันรุนแรงจนลงมือทำร้ายกัน
“บ่าง” มาจากสำนวน บ่างช่างยุ ที่คนไทยรู้จักกันดี โดยฉายานี้มีแหล่งข้อมูลระบุว่าอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร เป็นคนตั้งให้สรยุทธ
2. อดีตเด็กเกเร
ในช่วงวัยเด็ก สรยุทธ เคยผ่านช่วงคึกคะนองสุด ๆ มาก่อน จนเป็นเรื่องราวถึงขั้นต้องไปใช้ชีวิตที่บ้านเมตตาเป็นเวลากว่า 15 วันเลยทีเดียว
3. สรยุทธ อยู่ช่อง 3 มานานกว่า 20 ปี
จนถึงปัจจุบัน พ.ศ. 2566 เป็นเวลานานกว่า 20 ปีแล้วที่สรยุทธทำหน้าที่อ่านข่าวให้กับช่อง 3 โดยไม่ย้ายหนีไปไหน แม้ว่าช่อง 3 จะไม่ใช่ที่ทำงานที่แรกของเขา แต่ก็เป็นบ้านที่เขาพักพิงอยู่นานที่สุด
สำหรับประวัติการทำงานของสรยุทธ เขาเริ่มต้นทำงานกับหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น เป็นที่แรก โดยทำหน้าที่นักข่าวสายรัฐสภาและทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่รุ่นพี่สายข่าวอย่าง สุทธิชัย หยุ่น จะเห็นแววและหยิบยื่นโอกาสให้สรยุทธไปเล่าข่าวในรายการทีวี จนสรยุทธเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ต่อมาเครือเนชั่นได้ถูกรวมเข้าไปอยู่กับช่องไอทีวี สรยุทธ จึงได้มีโอกาสเล่าข่าวและสร้างรายการดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เวทีไอทีวี, ไอทีวี ทอล์ก, ฟังความรอบข้าง เป็นต้น โดยที่สรยุทธก็ยังคงควบตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประจำในสถานีเนชั่นทีวีไปด้วยในรายการ คม ชัด ลึก, เก็บตกจากเนชั่น เป็นต้น
ต้นไม้ที่โตในกระถางใบเดิมตลอดมา เมื่อถึงจุดหนึ่งก็เริ่มอิ่มตัว แม้ขณะนั้นสรยุทธจะได้นั่งเก้าอี้รองบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่น แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจขอลาออก
หลังออกจากเนชั่น สรยุทธถูกดึงตัวมาอยู่ที่ ช่อง 9 อสมท ซึ่งมี มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นกรรมการผู้จัดการในขณะนั้น ที่ช่อง 9 สรยุทธได้ทำหน้าที่พิธีกรรายการดังอย่าง ถึงลูกถึงคน รวมถึงได้ไปเป็นพิธีกรร่วมในรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ด้วยเช่นกัน จนถึงปัจจุบัน สรยุทธ ได้ชื่อว่าเป็นโลโก้ของรายการเรื่องเล่าเช้านี้ไปแล้วเรียบร้อย
4. ไอดอลเกาหลีมาไทย ต้องไปหาสรยุทธ
มีช่วงหนึ่งที่ศิลปินไอดอลเกาหลีใต้เดินทางมาจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยอย่างคึกคัก และศิลปินทุกคนจะต้องแวะเวียนมาออกรายการเรื่องเล่าเช้านี้ จนแทบจะกลายเป็นธรรมเนียมไปเลยทีเดียว
โดยดาราและศิลปินเกาหลีที่สรยุทธเคยพบมีหลากหลายคน เช่น Super Junior, Girls Generation, WayV, Got7, BTS, มาร์คต้วน เป็นต้น
5. คดีไร่ส้ม ไม่ใช่การถูกขังในเรือนจำครั้งแรกของสรยุทธ
ช่วงปี 2563 สรยุทธมีคดีความบริษัทไร่ส้มยักยอกเงินค่าโฆษณารายการคุยคุ้ยข่าว เป็นเหตุให้ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 6 ปี 24 เดือน แต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษจนโทษลดเหลือ 2 ปี 24 เดือน โดยต้องใส่กำไลอิเล็กทรอนิกส์จนกว่าจะครบกำหนด ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2566
แต่การถูกคุมขังในครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกในชีวิตของสรยุทธ เพราะขณะที่สรยุทธเป็นนักเรียนโรงเรียนอำนวยศิลป์ เขาเคยมีเหตุทะเลาะวิวาท จนถูกนำตัวไปฝากไว้ที่บ้านเมตตานานถึงครึ่งเดือนมาแล้ว ก่อนที่จะกลับใจมาตั้งใจเรียน ศึกษาจบปริญญาตรีและคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 จากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพมาได้
6. เรื่องเล่าชาวเรือนจำ รายการของสรยุทธ คนอ่านข่าวที่ฆ่าไม่เคยตาย
แม้แต่ช่วงที่ถูกคุมขังในเรือนจำ สรยุทธก็ยังคงได้ทำหน้าที่คนเล่าข่าว โดยเขาได้จัดรายการ เรื่องเล่าชาวเรือนจำ ออกอากาศในเรือนจำ 143 แห่งทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม เริ่มมาตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2563
7. สรยุทธถูกบังคับให้เป่านกหวีดร่วมกับกลุ่ม กปปส.
ผ่านไปนานกว่า 9 ปี นับตั้งแต่ปี 2557 ที่ กปปส. นำโดยนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณและ นางทยา ทีปสุวรรณ นำรถปราศรัยพร้อมด้วยกลุ่มมวลชนมาปักหลักชุมนุมที่อาคารมาลีนนท์ ถนนพระราม 4 ซึ่งในตอนนั้นได้มีภาพของ สรยุทธ เป่านกหวีด ถูกเผยแพร่ออกไป
ในที่สุดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 สรยุทธเพิ่งจะมีโอกาสได้อธิบายว่าตนถูกบังคับให้เป่านกหวีด เพราะแกนนำ กปปส. พาพี่น้องประชาชนมาชุมนุม หากสรยุทธไม่ลงไป กลุ่มผู้ชุมนุมก็จะปักหลักที่ช่อง 3 ไม่ไปไหน
โดยสรยุทธได้เล่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่าตนยอมเป่านกหวีดตามคำเรียกร้อง แต่ได้ยืนยันว่าการเป่านกหวีดไม่ได้แปลว่าตนสนับสนุน เพราะการเป็นสื่อต้องอยู่ตรงกลาง
8. สรยุทธเปลี่ยนพิธีกรคู่ เรื่องเล่าเช้านี้ ทั้งหมด 7 ครั้ง
ตั้งแต่สรยุทธจัดรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ เขาเคยเปลี่ยนพิธีกรร่วมมาทั้งหมด 7 ครั้ง ดังนี้
- ปอ ปุณยวีร์ สุขกุลวรเศรษฐ์ (2546, 2547 – 2549, 2550 – 2553)
- ไก่ มีสุข คุณดิลกชัยพัฒน์
- ขวัญ สู่ขวัญ บูลกุล (2546, 2550-2555)
- กุ๊ก กฤติกา ขอไพบูลย์
- หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล
- แบงค์ พชร ปัญญายงค์
- ไบรท์ พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ
9. สรยุทธเป็นทาสหมาและทาสแมว
แม้ว่าจะทำงานข่าวแทบตลอด 24 ชั่วโมง แต่เมื่ออยู่นอกโต๊ะข่าว สรยุทธก็เป็นคนคนหนึ่งที่รักสัตว์ไม่น้อย โดยสรยุทธเลี้ยงหมาไว้ 2 ตัว ชื่อ ลำดวน กับ สมาน และแมวอีก 1 ตัว ชื่อ จอห์น ซึ่งไม่นานมานี้ ลำดวน น้องหมาที่อยู่กับสรยุทธมานานถึง 14 ปีก็เพิ่งลากลับดาวหมาไป ตอนนี้จึงเหลือเพียงน้องจอห์นที่อยู่คลายเหงาให้กรรมกรข่าวท่านนี้นั่นเอง
เรียกได้ว่าการอ่านข่าวไม่ใช่อาชีพสำหรับสรยุทธ แต่มันรวมจิตวิญญาณของเขาไปด้วย และทั้งหมดนี้คือ 9 เรื่องราวมุมอื่น ๆ ของชายผู้มีนามว่า สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวที่ทรงอิทธิพลในวงการสื่อมากที่สุดคนหนึ่งขณะนี้