เด็ดขาด! โอนคดี “แอม ไซยาไนด์” ทั้งหมดขึ้นตรงกองปราบ
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โอนคดี แอม ไซยาไนด์ ทั้งหมดขึ้นตรงกองปราบ พร้อมนั่งหัวโต๊ะคลี่คลายทุกข้อสงสัยในคดี
พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยความคืบหน้าคดีแอม ไซยาไนด์ ว่าในวันนี้ 3 พฤษภาคม ได้มีการเรียกประชุมคณะทำงานคลี่คลายคดี แอม สรารัตน์ ทั้งหมดในทุกพื้นที่เกิดเหตุ ทั้งจากตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 4 ตำรวจภูธรภาค 7 กองปราบปราม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวช โดยก่อนเที่ยงวันนี้จะให้คณะทำงานแต่ละชุดนำข้อมูลมารายงานตรง เพื่อรับทราบข้อมูลทั้งหมด
ก่อนเริ่มการประชุมในช่วง 13.30 น. ซึ่งจะเป็นการรวมคดีในทุกท้องที่เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและสำนวนมีความแน่นหนา เนื่องจากผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธและขอต่อสู้คดี โดยที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะเป็นประธานการประชุมด้วยตนเอง และมีพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝ่ายสืบสวน ผู้รับผิดชอบคดีในภาพรวมเข้าร่วมการประชุมด้วย
ในวันนี้จะมีคำสั่งให้รวมสำนวนคดีทุกพื้นที่ไว้ที่กองปราบปราม กองบัญชาการสอบสวนกลางด้วย และมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนโดยตำแหน่ง เนื่องจากกองปราบฯ อยู่ในเขตอำนาจสอบสวนของศาลอาญา จะทำให้การทำสำนวนมีความรัดกุมและเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น ส่วนการออกหมายจับคนใกล้ชิดของนางแอมที่เป็นตำรวจนั้น ยืนยันว่าจะมีความชัดเจนในการแถลงข่าวช่วงบ่ายวันนี้
ทั้งนี้ มีรายงานว่าจากการสอบปากคำ ตำรวจอดีตสามีของผู้ต้องหา 2 ครั้งในการยืนยันว่า เข้าใจผิด คิดว่าลูกในท้องของแอมเป็นลูกที่เกิดจากตน ไม่คิดว่าอดีตภรรยาจะสวมเขาให้ และจากแนวทางการสืบสวนจะพบว่าทั้งคู่นอนแยกเตียง และหย่ากันแล้ว ตามนิตินัย แต่คนอยู่บ้านเดียวกัน เพื่อดูแลลูกก็ตาม
สำหรับคดีของ น.ส.มณฑาทิพย์ ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ในปี 2558 นั้น มีความเป็นไปได้ยากที่สุดในการตั้งข้อกล่าวหากับนางสาวแอม เนื่องจากเป็นเพียงคดีชันสูตร แพทย์ไม่ได้ตรวจสารพิษ ทั้งยังไม่มีหลักฐานใดๆ แม้กระทั่งภาพถ่าย ขณะที่แพทย์เฉพาะทาง 2 รายที่ทำหน้าที่ชันสูตรพลิกศพนั้น รายหนึ่งได้เกษียณอายุราชการไปแล้ว ส่วนอีกรายหนึ่งได้ไป เรียนต่อต่างประเทศ ยังไม่สามารถติดต่อได้
ด่วน! ตำรวจขอหมายจับ ‘รองผู้กำกับอดีตสามีแอม’ ตั้ง 4 ข้อหาหนัก