ไลฟ์สไตล์

ไขคำตอบ ทำไมเด็กจึงควรนั่งคาร์ซีท ป้องกันอุบัติเหตุทางรถยนต์

ไขข้อข้องใจ ทำไมเด็กจึงควรนั่งคาร์ซีท เมื่อเดินทางด้วยรถยนต์ พร้อมพาไปส่องอัตราอุบัติเหตุ และข้อกฎหมายเกี่ยวกับคาร์ซีทในประเทศไทยที่ควรรู้

ปฏิเสธไม่ได้ว่า คาร์ซีท (Car seat) เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเดินทางของเด็ก เนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งในเด็ก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแน่ใจว่าบุตรหลานของเราทุกคนปลอดภัยเมื่อนั่งรถ โดยหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการทำเช่นนี้คือการให้ เด็กนั่งคาร์ซีท ซึ่งวันนี้ไทยเกอร์ไม่รอช้า จะพาทุกท่านไปอ่านเหตุผล ที่บุตรหลานของคุณควรนั่งคาร์ซีท เพื่อลดปัญหาการบาดเจ็บและอันตรายต่อเด็กเมื่อเดินทางด้วยรถยนต์

เปิด 5 เหตุผล ทำไมเด็กควรนั่งคาร์ซีท

รู้กันหรือเปล่าว่า ในประเทศไทยมีกฏหมายเกี่ยวกับคาร์ซีทด้วย? ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลน่ารู้ รวมถึงประโยชน์ของคาร์ซีท มาฝากทุกคนกัน ดังนี้

1. ความปลอดภัย

เหตุผลที่สำคัญที่สุดในการใช้คาร์ซีทคือเพื่อความปลอดภัยของบุตรหลานของคุณ เพราะคาร์ซีทได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องเด็กในกรณีที่เกิดการชน ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยการใช้คาร์ซีทสามารถลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บถึงแก่ชีวิตได้ถึง 71% สำหรับทารก และมากถึง 54% สำหรับเด็กวัยหัดเดิน

2. เด็กไม่เหมาะนั่งบนเบาะแบบผู้ใหญ่

คาร์ซีทได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เด็กอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับวัยของตัวเอง เพราะการนั่งคาร์ซีทจะช่วยให้เข็มขัดนิรภัยอยู่ในตำแหน่งที่พอดี ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้เด็กเคลื่อนตัวไปมา ตลอดจนลดโอกาสในการที่เด็กจะถูกดีดออกจากรถในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ

หากเด็กไม่ได้ใช้คาร์ซีทหรือบูสเตอร์ซีทที่เหมาะสม เด็กอาจไม่ได้รับความปลอดภัยอย่างถูกต้อง และอาจได้รับบาดเจ็บร้ายแรงกว่าผู้ใหญ่ในกรณีที่เกิดการชน เพราะความหลวมของเข็มขัดนิรภัย และมีโอกาสที่เด็กจะถูกดีดให้กระเด็นออกนอกตัวรถเมื่อเกิดการกระแทกอย่างรุนแรงได้

ทำไมเด็กควรนั่งคาร์ซีท

3. เหมาะสมกับวัยของเด็ก ตั้งแต่แรกเกิด – 12 ปี

คาร์ซีทออกแบบมาสำหรับกลุ่มอายุและขนาดเด็กโดยเฉพาะ การเลือกคาร์ซีทให้เหมาะสมกับอายุและน้ำหนักของลูกเป็นสิ่งสำคัญ โดยการใช้คาร์ซีทที่เหมาะสมกับวัยช่วยให้มั่นใจได้ว่าลูกของคุณได้รับการปกป้องและความปลอดภัยอย่างเหมาะสม

สำหรับคำถามที่ว่า คาร์ซีทนั่งได้ถึงอายุเท่าไหร่? ความจริงแล้วคาร์ซีทสามารถนั่งได้ตั้งแต่เด็กเล็กวัยแรกเกิดไปจนถึง 12 ขวบ ซึ่งลักษณะของคาร์ซีทจะมีความแตกต่างกันออกไปตามอายุของเด็ก โดยแบ่งได้ดังนี้

  • คาร์ซีทเด็กแรกเกิด (Baby Car Seats) สำหรับอายุแรกเกิด – 15 เดือน
  • คาร์ซีทเด็กเล็ก (Toddler Car Sears) สำหรับเด็ก 9 เดือน – 4 ขวบ
  • คาร์ซีทเด็กโต บูสเตอร์ซีท (Booster Seats) สำหรับเด็ก อายุไม่เกิน 12 ปี

4. เด็กไม่นั่งคาร์ซีทผิดกฎหมาย

การใช้คาร์ซีทไม่เพียงแต่มีความสำคัญต่อความปลอดภัยของบุตรหลานเท่านั้น แต่ยังเป็นกฎหมายบังคับในประเทศส่วนใหญ่อีกด้วย การไม่ใช้คาร์ซีทอาจส่งผลให้เกิดค่าปรับและผลทางกฎหมาย ดังนั้นจึงควรตรวจสอบกฎหมายในประเทศที่พักอาศัยของตัวเองให้ดี เพื่อให้แน่ใจว่าคุณปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างถูกต้อง

สำหรับประเทศไทย ได้มีการกำหนดในราชกิจจานุเบกษา พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2565 เอาไว้ว่า “คนโดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องจัดให้นั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตราย หรือมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ”

หากกรณีที่ฝ่าฝืน อาจมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท โดยพ.ร.บ.นี้มีผลใช้บังคับใน120 วัน นับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

5. ความสบายใจของผู้ปกครอง

การใช้คาร์ซีทช่วยให้พ่อแม่เกิดสบายใจขณะนั่งรถไปกับลูก โดยการเดินทางที่รู้ว่าลูกถูกจัดให้นั่งในรถอย่างปลอดภัย เหมาะสมกับวัยของตัวเอง สามารถลดความวิตกกังวลและความเครียดในขณะขับรถของผู้ปกครองได้ ทำให้ทุกคนสามารถเดินทางได้อย่างผ่อนคลายและสนุกสนานมากขึ้น

ทำไมเด็กควรนั่งคาร์ซีท


สรุปได้ว่าการใช้คาร์ซีทเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความปลอดภัยและสวัสดิภาพของเด็ก คาร์ซีทของคุณต้องอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อการปกป้องที่เหมาะสมกับวัยของลูก ตลอดจนการปฏิบัติตามกฎหมาย และความอุ่นใจในขณะขับขี่ โดยสิ่งสำคัญคือต้องเลือกคาร์ซีทที่เหมาะสมกับอายุและน้ำหนักของเด็ก และตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ติดตั้งอย่างถูกต้อง ซึ่งการใช้คาร์ซีท คุณสามารถช่วยปกป้องบุตรหลานของคุณและป้องกันการบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตในกรณีที่เกิดการชนได้.

Eye Chanoknun

นักเขียนประจำ Thaiger จบจากคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีประสบการณ์เขียนงานผ่านเว็บไซต์ด้านความงามและแฟชั่นชื่อดังของไทยมากกว่า 3 ปี ปัจจุบันชื่นชอบการเขียนข่าวบันเทิง ภาพยนตร์ ซีรีส์ k-pop และไลฟ์สไตล์ เพื่อนำมาบอกเล่าผ่านตัวอักษร ด้วยมุมมองใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ชวนให้ติดตาม ช่องทางติดต่อ eye@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button