ONE OK ROCK ชำแหละ 5 เพลงโปรดมหาชนคนพันธุ์ร็อก !
ONE OK “ROCK” is coming back พาฟัง (อ่าน) 5 เพลงโปรดมหาชนคนพันธุ์ร็อก Luxury Disease ผลงานอัลบั้มลำดับ 10 การันตีความหนักหน่วงด้วยการพุ่งทะยานสู่อันดับ 1 อัลบั้มยอดจำหน่ายสูงสุดประจำสัปดาห์บนบิลบอร์ดชาร์ตแดนปลาดิบ
หลังปล่อยให้สาวกคนพันธุ์ร็อกต้องรอนานกว่า 3 ปี ในที่สุด “วัน โอเค ร็อก” (ONE OK ROCK) วงดนตรีสายหนักสัญชาติญี่ปุ่น ก็กลับมาพร้อมกับผลงานอัลบั้มลำดับที่ 10 Luxury Disease ที่หลังจากปล่อยให้สตรีมมิ่งอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565
ปรากฏ อัลบั้มชุดใหม่ล่าสุดที่ให้ความหมายในภาษาไทยได้ว่า “โรคฟุ่มเฟือย” (Luxury Disease) ก็พุ่งทะยานอันดับ 1 อัลบั้มที่ทำยอดขายประจำสัปดาห์ได้สูงที่สุดบน Billboard Japan
โดยอัลบั้ม “Luxury Disease” ของ ONE OK ROCK มียอดจำหน่ายไปแล้ว 69,820 ก๊อปปี้ (ระยะเวลานับตั้งแต่ 5 – 11 ก.ย. 2022)
แทร็กทั้งหมด 15 และ 13 ลำนำ ตามลำดับที่ทำมาเป็น 2 เวอร์ชั่น ญี่ปุ่น – สากล เอาใจแฟนคลับเลือดร็อกโดยเฉพาะ ซึ่งจากเสียงวิจารณ์ต่องานเอี่ยมอ่องอรทัยของ 4 หนุ่ม ทากะ (Taka), โทรุ (Toru), เรียวตะ (Ryota) และ โทโมยะ (Tomoya) ก็ถูกหลายคนกระแทกมือ ทำนองคาราวะเป็นเสียงเดียวกัน ว่า
“ กลิ่นอายความเป็นร็อกอันหนักหน่วง กระแทกกระทั้นที่แสนคุ้นเคย ได้กลับมาแล้ว ”
โอกาสนี้ The Thaiger จึงขออาสา พาไปนำเสนอ 5 บทเพลง จากอัลบั้ม Luxury Disease มาพูดถึง เพื่อตอกย้ำประโยคสัมภาษณ์ที่ “ทากะ” หรือชื่อเต็ม ทากาฮิโระ โมริอูจิ (Takahiro Moriuchi) ฟรอนต์แมนผู้มากพรสวรรค์ เคยหล่นนิยามการกลับคืนสู่รากเหง้าครั้งนี้ไว้แบบตีแสกหน้าว่า ONE OK “ROCK” is coming back
ชำแหละ 5 เพลงโปรด ONE OK ROCK
‘So Far Gone’
สำหรับสายร็อคที่แอบซอฟต์และเคยประทับใจกับท่วงทำนองของบทเพลง “Wherever You Are” หนึ่งในซิงเกิลที่ปล่อยออกมาเมื่อปี 2010 ก็น่าจะประทับใจกับเนื้อหาของ ‘So Far Gone’ หนึ่งในซิงเกิลที่คล้ายจะถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของบรรยากาศหม่นเศร้า แต่เปี่ยมด้วยความหวังนี้ได้ไม่ยาก
เนื้อหาที่ดูจะหวานอมขมกลืน แตกร้าว แต่ทรงพลังในห้วงจังหวะเดียวกันของความสัมพันธ์ที่จบลงไปนานแล้ว
แต่ก็อยากตะโกนให้ลั่นว่า “กลับมาก่อน” อาจเป็นเพลงที่นุ่มนวล มีจังหวะจะโคนที่ค่อนไปทางอัตราเร่งอันเนิบช้า แต่เนื้อหาที่ถูกส่งผ่านกลับทำให้มันทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ
เมื่อประกอบกับเสียงร้องบาดลึกของ ทากะ Taka ก็ยิ่งทำให้หนึ่งในซิงเกิลล่าสุดนี้ของกลุ่มร็อคซามูไร ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงน่าหยิบจับใส่ไว้ในเพลย์ลิสต์โปรดที่อาจต้องเปิดฟังทุกครั้งยาม รู้สึกเป็นโรคฟุ่มเฟือยอะไรสักอย่าง
และหากให้กล่าวลึก ลงเฉพาะเจาะจงไปในแง่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากข้างใน มันอาจเหมือนหรือคล้ายมีบางอย่างคอยตะโกนกรอกข้างใบหูของคุณทุกเมื่อ เชื่อวันว่า มันผ่านไปนานแล้ว นะ ! พอได้แล้ว
‘When They Turn the Lights On’
อ้างอิงคำวิจารณ์ถึงบทเพลงที่เมื่อแสงสว่างพาดผ่านนี้มาถึง จาก เว็บไซต์ TheHoneyPop.com ทำนองแรกเมื่อกระแทกเข้าโสตประสาท
ปฏิเสธได้ยากว่า มีความ Queen ผสานกับเมโลดี้หนักหน่วงที่ให้กลิ่นอายแบบ The Black Parade หนึ่งในอัลบั้มทรงอิทธิพลของ My Chemical Romance ซึ่งคงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่
เพราะโปรดิวเซอร์ของสี่หนุ่มอัลเทอร์เนทีฟร็อกเที่ยวนี้ คือ ร็อบ คาวัลโญ (Rob Cavallo) โปรดิวเซอร์ที่เคยร่วมงานผลิตให้ MCR และคอยควบคุมผลงานบันทึกเสียงให้กับอีกหลายวงระดับชั้นนำ อาทิ Linkin Park, Paramore, Goo Goo Doll’s และวงคู่บุญระดับตำนาน Green Day
อย่างไรก็ตามกับซิงเกิลนี้ของวันโอเคร็อก ONE OK ROCK พวกเขาได้ใส่เอกลักษณ์ตามแบบฉบับมนเสน่ห์ที่หาตัวจับยาก
ท่วงทำนองแรกที่คล้ายกลิ่นอายดนตรีตะวันตก แทบมลายสิ้น เมื่อคุณลักษณะเฉพาะอันโดดเด่นของกลุ่มคนดนตรีที่ซึ่งนิยมมาซ้อมจังหวะหนักกันตอนตี 1 ค่อย ๆ แทรกซึมผ่านรูปแบบการพรรณาที่ลงตัว
ชนิดถ้าฟังจนจบแทร็กก็ขอแค่แสงรำไรนั้นสาดมาในความมืด ตอนที่มีคนเดินมาเปิดไฟ ทุกอย่างก็จะไม่รู้สึกว่า มันเหมือนกับรสชาติดนตรีเปื้อนเนยอีกต่อไป
และแม้ความคาดหวังของแฟนเพลงหลาย ๆ คน จะไม่จุดติดเร็ว เจิดจ้า ดั่งความหมายที่ส่งผ่านสำเนียงขับร้อง แต่ฟรอนต์แมนคนตะโกนนำเมืองโตเกียวก็ยอมรับโดยดุษฎีในด้านเนื้อหาเพลงโดยตรงแต่แรก ว่า
“ตอนความแตกร้าว เริ่มกระจัดกระจาย ความรู้สึกนั้นถูกจับได้ตั้งแต่แรกเริ่ม ก่อนเศษซากชิ้นส่วนดังกล่าวจะกระเด็นออก โดยทันท่วงที”
‘Gravity’ ft. Satoshi Fujihara
ความพิเศษของชื่อเรียกเพลงที่แปลความหมายตรงตัวได้ว่า “แรงโน้มถ่วง” คือ การที่ซิงเกิลนี้ถูกบรรจุไว้แค่ใน Japanese Version เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เสียงร้องที่สลับไปมาระหว่าง สำเนียงที่ใช้สากล กับ ถ้อยขับร้องเฉพาะถิ่นปลาดิบ ก็ยังเป็นกลิ่นอายอันชวนหลงใหลอยู่เสมอ สำหรับราชาขาร็อกอาทิตย์อุทัย
โดยซิงเกิลที่มีการผสานน้ำเสียงช่วยส่งของ ซาโตชิ ฟูจิฮาระ ( Satoshi Fujihara ) ฟรอนต์แมนวง HIGE DANdism ยิ่งส่งแรงกระทำระหว่างมวลแสนแปรผันนี้ ดึงดูดวัตถุการถ่ายทอดระดับจิตใต้สำนึกรอบข้าง เข้าสู่จุดศูนย์กลางจักรวาลแห่งตัวตนที่กำลังตั้งคำถาม กับตัวเองว่า
ระหว่างที่ “รอ” การกลับมาของคุณ ผมกำลังรออะไรอยู่ ?
‘Your Tears Are Mine’
“I’d give you all my soul Just for you to know” ผู้เขียนขออนุญาตแปลแบบจับฉ่ายว่า “ทั้งจิตวิญญาณนี้ เพียงเพื่อคุณได้รู้ว่า …”
ซิงเกิลนี้เริ่มต้นเข่นฆ่ากันด้วยทำนองแบบซอฟต์ร็อก แต่พอรู้สึกตัวอีกที ความเปราะบางก็สร้างอิมแพคให้อย่างไม่น่าเชื่อ กับการอธิบายภาพรวมของเนื้อหาที่อาจพอจะกล่าวอ้างได้ว่า
คล้ายเป็นดั่งจุดจบที่นำมาซึ่งความอันสมบูรณ์แบบของอัลบั้มบ้าคลั่งความฟุ่มเฟือยแบบเกินตัวนี้
“ใช่ ตอนนี้คุณอาจกำลังก่อร่าง สร้างกำแพงเงียบงันแห่งความคาดหวังอันแสนสงบ แต่ฉันก็ได้ยินและรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว” ดั่งเช่นผลงานชิ้นเอกที่ถึงแม้ มันอาจไม่ได้โอบกอด รัด ฟัดคุณคุณไว้
แต่อัตลักษณ์ความเป็นโบว์แดงนั้น จะยังคงสะกิดและย้ำเตือนให้ทุกคนทราบดีว่า กับบางอย่าง กระทั่ง “น้ำตา” หรือ “เสียงหัวเราะ” ก็อาจไม่ได้เป็นความรู้สึกของคุณ แค่คนเดียว
‘Let Me Let You Go’
“มันกำลังทำลายผม”
“ไม่ไช่แค่การเสียคุณไป แต่ผมสูญเสียสิ่งที่คุณเคยมองเห็นในตัวผมไปด้วย”
” It’s breakin’ me, I’m not just losin’ you I’m losin’ what you saw in me “
การบอกเล่าถึงความหมายตลอดจนเนื้อหาของเพลงนี้ ตามจริงแล้ว สามารถสรุปได้ตั้งแต่เนื้อหาคำร้องบางท่อนที่ผู้เขียนเว็บไซต์นี้ (The Thaiger) ขออนุญาตแบบฉาบฉวย
ยกขึ้นมาเป็นตอนเริ่ม อ้างอิงก่อนการบรรยายถึงบทเพลงที่มีเนื้อหาจริงใจเข้าถึงง่าย แต่ซ่อนความกลมกล่อมตามสไตล์ Pop-Rock ที่พอเปิดฟังครั้งแรก การวนซ้ำหรือแช่ปุ่ม Repeat จะต้องตามมาดั่งอุปทานหมู่
สุดท้ายตอนจบของการพูดและบรรยายถึงซิงเกิลนี้ ความสงสัยทั้งหมด ไม่ได้อยูที่ว่า เพลงนี้ยอดเยี่ยมหรือไม่ ? (เพราะหากได้ฟังจนสิ้น ความยาว Track 03.01 นาที คำตอบได้เฉลยหมดไปแล้ว)
แต่ข้อสงสัยเดียวที่จะเหลือและค้างคาอยู่ก็คือ Why’d you let me let you ?
Go Oh Oh Oh !!!
สิ่งที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับอัลบั้ม Luxury Disease ?
ความพิเศษของอัลบั้ม Luxury Disease ผลงานใหม่ลำดับที่ 10 นี้ ชื่อภาษาอังกฤษยังถอดความ สื่อความหมายได้เช่นเดียวกับ ชื่อชุดอัลบั้มแรก ゼイタクビョウ (Zeitakubyō) ซึ่งเป็นการเล่นกับความสวยงามของภาษา
หยิบจับคำแปลถ้อยตัวอักษรคันจิที่ใช้สื่อสาร มาเป็นสำนวนอั้งม้อที่ถ่ายทอดนัยยะได้เฉกเช่นเดียวกันกับคำว่า “โรคฟุ่มเฟือย” ที่ใกล้จะบ้าคลั่งนี้เอง
รายชื่อเพลง อัลบั้ม Luxury Disease 2 เวอร์ชั่น ญี่ปุ่น-สากล
Luxury Disease (Japanese Version)
- Save Yourself
- Neon
- Vandalize
- When They Turn the Lights On
- Let Me Let You Go
- So Far Gone
- Prove
- Mad World
- Free Them feat. Teddy Swims
- Renegades
- Outta Sight
- Your Tears are Mine
- Wonder
- Broken Heart of Gold
- Gravity
Luxury Disease (International Version)
- Save Yourself
- Neon
- Vandalize
- When They Turn the Lights On
- Let Me Let You Go
- So Far Gone
- Prove
- Mad World
- Free Them feat. Teddy Swims
- Renegades
- Outta Sight
- Your Tears are Mine
- Wonder(BONUS TRACK)
ก่อนจะลากันไป ขอทิ้งท้ายด้วยโปรแกรมทัวร์ 23 เวที ที่แก๊ง 4 หนุ่ม วัน โอเค ร็อก ONE OK ROCK จะตะลอนแสดงสดยังดินแดนอเมริกาเหนือ สหรัฐ-แคนาดา ตั้งแต่ ออสติน จนไปจบที่ ลอสแอนเจลิส ซึ่งแฟนคลับชาวร็อกสายกระแทกแต่แอบเจ็บ สามารถติดตามเช็กตารางเวลาลงโชว์ ได้ที่โปรแกรมเช็กลิสต์ด้านล่างนี้ กันเลย
ภาพบรรยากาศโชว์สด ดัลลัส , ฮูสตัน และ ออสติน ONE OK ROCK
อ้างอิงข้อมูล : billboard-japan.com , TheHoneyPop
ขอบคุณคลิป : ONE OK ROCK