‘โรคดึงผม’ ภัยร้ายที่ไม่ควรปล่อยผ่าน แพทย์แนะควรไปรักษา
สมาคมจิตแพทย์ เผย ‘โรคดึงผม’ ภัยร้ายที่ไม่ควรปล่อยผ่าน พบในผู้หญิง แนะควรไปรักษา หากปล่อยไว้อาจเป็นเรื้อรัง
สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ได้โพสต์เฟสบุ๊ก ถึง โรคดึงผม ว่า เป็นโรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อย โดยอาจจะพบร่วมโรคอื่นๆ อย่างเช่น โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า ซึ่งโรคดึงผม จะตอบสนองดีกับยากลุ่ม (SSRI)
โดยโพสต์ว่า โรคดึงผม หรือในภาษาอังกฤษคือ trichotillomania หรือ hair-pulling disorder เป็นภาวะที่ผู้ป่วยจะมีพฤติกรรมถอนผม (หรือขน) ของตัวเองซ้ำๆ จนทำให้ผมแหว่งหรือล้านเป็นหย่อมๆ โรคนี้พบได้พอสมควร เพียงแต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในบ้านเรา ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากไม่ได้มาพบแพทย์
โรคดึงผมตัวเอง พบได้ประมาณ 1-2% ในประชากรทั่วไป ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงวัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่ และผู้หญิงเป็นมากกว่าผู้ชาย อาการหลักของโรคนี้ก็เป็นไปตามชื่อโรค นั่นคือผู้ป่วยจะมีพฤติกรรมการดึงผม (หรืออาจจะเป็นขนก็ได้) ตัวเองซ้ำๆ โดยการดึงแต่ละครั้งมักทำไม่นาน ไม่ได้ดึงติดต่อกันเป็นชั่วโมง แต่ทำบ่อยๆ เป็นพักๆ ไปเรื่อยๆ ทั้งวัน
ซึ่งผลของการดึงผมตัวเองนี้ทำให้เกิดผมแหว่งหายไปเป็นหย่อมๆ ในรายที่อาการเป็นมากและทำมานานบริเวณผมที่หายไปอาจจะใหญ่มากจนเหมือนหัวล้านได้ ลักษณะของการดึงผมของผู้ป่วยนั้นสามารถแบ่งได้เป็นสองแบบคือ
1 ดึงโดยรู้ตัว ในกรณีนี้ผู้ป่วยจะรู้ตัวและจดจ่อกับการดึงผมตัวเอง โดยก่อนที่จะดึงอาจมีความเครียดหรือกังวลนำมาก่อน และเมื่อดึงแล้วก็จะรู้สึกผ่อนคลายหรือฟิน อะไรทำนองนั้น ในบางคนสิ่งกระตุ้นอาจเป็นความรู้สึกคัน หรือแปล๊บๆ บริเวณนั้น ทำให้อยากจะถอนผม ซึ่งเมื่อถอนแล้วก็รู้สึกดีขึ้น
2 ดึงโดยไม่รู้ตัว ซึ่งกรณีนี้การดึงเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เช่น ดูทีวีอยู่แล้วก็เผลอเอามือไปดึงออกเอง โดยส่วนใหญ่แล้วพบว่าผู้ป่วยมักจะมีพฤติกรรมการดึงทั้งสองแบบผสมกัน
อาการมักเริ่มเป็นในช่วงวัยรุ่น และเป็นเรื้อรังต่อเนื่องไปเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการรักษา โดยอาการมักเป็นๆ หายๆ เป็นพักๆ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความเครียด ความกังวล หรือในผู้หญิงอาการอาจเป็นเยอะขึ้นช่วงมีประจำเดือน เป็นต้น
ปัญหาสำคัญอย่างแรกสำหรับในบ้านเราน่าจะเป็นการที่ผู้ป่วยไม่มารับการรักษา ซึ่งคาดว่าเกิดจากความไม่รู้ว่ามีโรคแบบนี้อยู่และสามารถรักษาได้ ผู้ป่วยที่มารักษาส่วนใหญ่มักไปพบกับแพทย์ทางด้านโรคผิวหนังมากกว่า จากนั้นจึงถูกส่งต่อมารักษากับจิตแพทย์อีกที ผู้ป่วยที่มาพบจิตแพทย์เองโดยตรงแต่แรกมีน้อยมาก
การรักษาโรคนี้ถือว่าได้ผลดีพอสมควร โดยพฤติกรรมการดึงผมส่วนใหญ่จะลดลงและทำให้รอยโรคกลับมาใกล้เคียงปกติได้การรักษาด้วยยาพบว่ายาในกลุ่มยา selective serotonin reuptake inhibitor (SSRI) และ clomipramine สามารถช่วยให้อาการดึงผมลดลงได้ นอกจากนี้การรักษาด้วยการพฤติกรรมบำบัดพบว่าได้ผลดีเช่นกัน และการใช้ทั้งสองวิธีร่วมกันจะได้ผลดีที่สุด ดังนั้นใครเป็นอยู่ (หลายคนมีโรคอื่นร่วมด้วย เช่น โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า) ก็ให้รีบมารักษา
ขอบคุณข้อมูลจาก : สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย