ข่าวกีฬา

เปิดประวัติ “ควีวิน เคลเลเฮอร์” จากดาวยิงตัวท็อป สู่ฮีโร่จอมหนึบของ ลิเวอร์พูล

มาเช็คประวัติของ “ควีวิน เคลเลเฮอร์” ฮีโร่ผู้ทำให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ คาราบาว คัพ ในซีซั่นนี้

 

Advertisements

ชื่อของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ (Caoimhín Kelleher) กลายเป็นที่คุ้นหูของแฟนบอล ลิเวอร์พูล หลังจากที่เมือเดือนธันวาคมปี 2020 เจ้าตัวได้รับโอกาสจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้ลงสนามในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ในเกมที่พบกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม แทนที่ของ อลิสซอน เบคเกอร์ ที่ในตอนนั้นมีอาการบาดเจ็บ ซึ่งนั่นคือการลงสนามครั้งแรกในฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่ของ เคลเลเฮอร์

โดยผลการแข่งขันในเกมนั้นเป็นทัพ หงส์แดง ที่เฉือนเอาชนะ อาแจ็กซ์ ไปได้ 1-0 ซึ่งในเกมนี้ เคลเลเฮอร์ ในวัย 21 ปี โชว์เซฟสวยๆได้ถึง 4 ครั้ง และการเก็บคลีนชีทในเกมนี้ได้เปลี่ยนอนาคตขอบเขาในถิ่นแอนฟิลด์ไปตลอดกาล

เพราะหลังจากนั้นกลายเป็นว่า คล็อปป์ ตัดสินใจให้ เคลเลเฮอร์ ขึ้นมาเป็นผู้รักษาประตูมือสองของทีม แทนที่ของ อาเดรียน นายด่านชาวสเปน

 

Advertisements

แต่ถ้าย้อนกลับไปในสมัยเด็ก เคลเลเฮอร์ คือหนึ่งในกองหน้าดาวรุ่งที่น่าจับตามองคนหนึ่งในการแข่งขันฟุตบอลระดับเยาวชนของ ไอร์แลนด์ ซึ่งในตอนนั้นเจ้าตัวเล่นให้กับทีม ริงมาห์น เรนเจอร์ส พร้อมด้วยสถิติการยิงประตูเฉลี่ยมากถึง 20-30 ประตูต่อฤดูกาล ก่อนที่ในวัย 14 ปี เคลเลเฮอร์ จะเจอกับจุดพลิกผัน

เอ็ดดี แฮร์ริงตัน อดีตโค้ชของจอมหนึบลิเวอร์พูลในทีมริงมาห์น เรนเจอร์ส เปิดเผยกับ PunditArena สื่อกีฬาชั้นนำของไอร์แลนด์เมื่อปี 2019 ว่า “ตอนนั้นผู้รักษาประตูของเราตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลด้วยเหตุผลบางอย่าง จากนั้น เรย์ (คุณพ่อของ เคลเลเฮอร์) ก็โทรศัพท์มาหาผมในคืนหนึ่งเพื่อแนะนำว่า ‘คุณเห็นด้วยกับผมไหม ถ้าจะให้ ควีวิน ไปเป็นผู้รักษาประตู’ “

“วันนั้นผมแปลกใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ เพราะตอนแรกผมเองก็เสียดายหากต้องให้ดาวยิงคนสำคัญของเราเปลี่ยนตำแหน่ง แต่พ่อของเขาย้ำนักย้ำหนาว่า ‘ให้โอกาสเขาได้ลองสักหน่อยน่า แล้วเดี๋ยวเรามาดูกัน’ ก่อนที่เราจะส่งเขาลงไปเฝ้าเสาตามคำเรียกร้อง”

“และเพียงแค่เกมแรกที่พบกับ สปริงฟิลด์ แรมเบลอร์ส ในบ้านของเราเอง ควีวิน ก็เจอรับน้องทันทีด้วยการโดนยิงข้ามหัวเข้าประตูไปจากลูกเปิดด้านข้างแบบกึ่งยิงกึ่งผ่าน แต่เขาก็ไม่เสียขวัญก่อนจะค่อยๆ แสดงให้เห็นถึงความฉลาดในการเล่นและยึดตำแหน่งผู้รักษาประตูเรื่อยมา โดยไม่เคยกลับไปเป็นกองหน้าอีกเลย”

จากที่เคยเป็นศูนย์หน้าจอมล่าตาข่ายของ ริงมาห์น เรนเจอร์ส ในศึก “คอร์ก เคนเนดี คัพ” การแข่งขันฟุตบอลนักเรียนที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าดาวรุ่งฝีเท้าจัดจ้านมารวมตัวกันมากที่สุดของไอร์แลนด์ เพียงแค่ 4 เดือนให้หลัง เคลเลเฮอร์ ก็ย้ายพื้นที่ทำการจากที่เคยจบสกอร์อยู่หน้าปากประตูคู่แข่ง มายืนเป็นปราการด่านสุดท้ายที่หน้าปากประตูของทีมตัวเอง

ควีวิน ในวัย 16 ปี พัฒนาอย่างรวดเร็วจนได้เล่นให้กับทีมชาติไอร์แลนด์ รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี เมื่อปี 2015 ในศึกยู-17 ชิงแชมป์ยุโรป ที่บัลแกเรีย ก่อนที่ผลงานจะเข้าตาแมวมองจนได้เซ็นสัญญาเข้าสู่ทีมอะคาเดมีของ ลิเวอร์พูล ในช่วงซัมเมอร์ปีนั้นเอง

ก่อนที่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เคลเลเฮอร์ จะได้รับโอกาสจาก คล็อปป์ ให้ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมฟุตบอลถ้วย ทั้ง เอฟเอ คัพ และ คาราบาว คัพ ซึ่งนายด่านจากแดนยักษ์เขียวก็ทำผลงานได้ดีเกินคาด จนพาทีมทะลุเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ โดยที่พวกเขาต้องเจอกับ เชลซี ทีมคู่ปรับร่วมพรีเมียร์ลีก

โดยในเกมนี้ ทั้งสองทีมผลัดกันบุกใส่อีกฝ่ายอย่างสนุก แตุ่สดท้ายก็ทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกับใน 90 นาที 0-0 โดยที่ เคลเลเฮอร์ ต้องออกแรงเซฟจังหวะสำคัญๆหลายครั้ง และทำให้ทีมไม่เสียประตู จนต้องลากยาวมาสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีฝ่ายไหนทำประตูเพิ่มได้ สุดท้ายต้องติดสินกันด้วยการดวลจุดโทษ

ทั้ง เชลซี และ ลิเวอร์พูล ต่างฝ่ายต่างยิงจุดโทษได้อย่างแม่นยำและยังไม่มีใครพลาดเลยแม้แต่คนเดียว จนลากยาวมาถึงคนที่ 11 ซึ่งนั่นก็คือคิวของ เคลเลเฮอร์ และ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า นายประตูตัวสำรองของ เชลซี ที่ถูกส่งมาเพื่อมาเซฟจุดโทษโดยเฉพาะ โดยที่เป็นฝั่งของ เคลเลเฮอร์ ที่ได้ยิงก่อน

ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ซัดเข้าไปอย่างเฉียบคม สมกับเป็นอดีตกองหน้า ส่วนทางด้าน เกปา กลับยิงเต็มข้อ บอลข้ามคานออกไป พร้อมกับส่งให้ทัพ หงส์แดง คว้าแชมป์ คาราบาว คัพ หรือ ลีก คัพ มาครองได้เป็นสมัยที่ 9 ของสโมสร

โดยนายด่านชาวไอร์แลนด์ได้ให้สัมภาษณ์หลังพาทีมคว้าแชมป์ว่า “มันเป็นเกมที่บ้ามาก ผมเกือบเซฟลูกโทษได้บ้าง แต่ผมไม่คิดว่าจะต้องยิงลูกโทษเอง ผมลืมไปด้วยว่าผมจะยิงเพื่อพาทีมชนะ นักเตะทุกคนเยี่ยมมาก ผมมีความสุขที่ยิงประตูได้”

“มันเป็นเรื่องของโชค ผมเกือบเซฟได้ แต่คนที่ยิงลูกโทษทุกคนมีคุณภาพสูงซึ่งต้องขอบคุณที่เราได้แชมป์”

“ผมคิดว่าเราได้ประตูแล้ว แต่มันถูกปฏิเสธเช่นเดียวกับพวกเขา ดังนั้นผมจึงคิดว่าผลเสมอยุติธรรมดีในภาพรวม”

“เจอร์เก้น คล็อปป์ บอกกับผมว่า “ยิงลูกโทษพาทีมชนะได้เยี่ยมมาก ตอนนี้นายสามารถเข้าไปอยู่ในทำเนียบนายทวารที่พาทีมคว้าแชมป์ได้แล้ว”

Bas

ผู้สื่อข่าวกีฬา จบการศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีประสบการณ์เขียนข่าวกีฬากับ SMMSport กว่า 10 ปี เริ่มทำงานกับ Thaiger เมื่อ 2021 ชอบและติดตามกีฬามาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะฟุตบอลทั้งบอลไทย และต่างประเทศ 5 ลีกดังของโลก พร้อมอัปเดตข่าวสารวงการฟุตบอล แบบเข้าใจง่าย ให้เพื่อนๆและแฟนบอลได้ติดตามกันทุกวัน ช่องทางติดต่อ saral@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button