DES เผย ข่าวปลอมเงินกู้ – ค่าแรง ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
DES ทำการเปิดเผยถึงข้อมูลข่าวปลอมในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพบว่า ข่าวปลอมเงินกู้ และในด้านค่าแรงนั้น ได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก
(17 ม.ค. 2565) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ทำการสรุปสถานการณ์ข่าวปลอมรอบสัปดาห์ โดยพบว่าเฟคนิวส์อ้างชื่อสถาบันการเงินเปิดให้กู้เงินแบบให้เปล่า-ผ่อนต่ำหรือ ข่าวปลอมเงินกู้ และข่าวลวงเรื่องแรงงาน อยู่ในข่ายของ Top 10 ข่าวปลอมคนสนใจสูงสุด
นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ประชาชนให้ความสำคัญกับปัญหาปากท้อง และรายได้ครัวเรือน ส่งผลให้มีการสร้างและเผยแพร่ข่าวปลอม โดยใช้ประโยชน์จากความกังวลของประชาชนในเรื่องดังกล่าว เพื่อดึงดูดความสนใจ และลวงให้มีการส่งต่อข่าวปลอมเพื่อเข้าถึงคนในวงกว้าง
โดยพบว่าเริ่มมีความถี่ของข่าวปลอมที่อ้างชื่อสถาบันการเงินว่ามีโปรแกรมเงินกู้เงื่อนไขพิเศษ ที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในความเป็นจริง และยังพบข่าวปลอมในประเด็นที่เกี่ยวกับแรงงานและค่าแรงอีกด้วย ซึ่งทั้งสองเรื่องติดอันดับข่าวปลอมที่มีคนสนใจจำนวนมาก
ทั้งนี้ ผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 7-13 ม.ค. 65 โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม. พบว่า ข่าวปลอมที่มีคนสนใจสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่
อันดับ 1 มัสยิดกลายเป็นสาขาของธนาคารอิสลาม1,000 แห่งทั่วประเทศ
อันดับ 2 ใช้นิ้วหัวแม่มือจิกร่องระหว่างปากและใต้จมูก ช่วยคนที่วูบหมดสติ ให้ฟื้นคืน
อันดับ 3 มุสลิมไทยได้เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารอิสลามทุกคน สามารถกู้เงินโดยไม่ต้องใช้หนี้คืนได้
อันดับ 4 บขส. หยุดเดินรถทุกเส้นทางทั่วประเทศไทย
อันดับ 5 ธ.ออมสิน ให้กู้ซื้อบ้าน 1 ล้านบาท ผ่อนคืนเดือนละ 10 บาท
อันดับ 6 รักษาอาการเจ็บตาด้วยตนเอง โดยใช้น้ำนมแม่หยอดตา
อันดับ 7 กรมการจัดหางานจัดให้คนว่างงานหรือหารายได้เสริม เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อรับเงินแสน
อันดับ 8 นายกฯ สั่ง ล็อกดาวน์ 5 จังหวัด มีความเสี่ยงสูง
อันดับ9 ไมโครเวฟปล่อยคลื่นวิทยุออกมาขณะอุ่นอาหารทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
อันดับ 10 ลูกจ้างทดลองงานหากใช้สิทธิลาป่วยจะไม่ได้รับเงินค่าจ้างในวันที่ลาป่วย
สำหรับในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม มีข้อความเข้ามาทั้งสิ้น 11,529,633 ข้อความ โดยจากการคัดกรองมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) จำนวน 202 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ 91 เรื่อง ในจำนวนนี้เป็นข่าวเกี่ยวกับโควิด 35 เรื่อง
นางสาวนพวรรณ กล่าวปิดท้ายว่า “อยากขอความร่วมมือจากประชาชน เมื่อได้รับข่าวสารข้อมูลผ่านโซเชียล ควรตรวจสอบให้รอบด้าน เลือกเชื่อเลือกแชร์ และสามารถติดตามและแจ้งเบาะแสข่าวปลอม ได้ผ่านช่องทางต่างๆ ของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ดังนี้ ไลน์@antifakenewscenter เว็บไซต์ – https://www.antifakenewscenter.com/ ทวิตเตอร์ – https://twitter.com/AFNCThailand และช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87”
แหล่งที่มาของข่าว : รัฐบาลไทย
สามารถติดตามข่าวทั่วไปเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ข่าวทั่วไป