ข่าวข่าวต่างประเทศ

งานวิจัยเผย อาการโควิดโอมิครอน ไม่รุนแรง หลังพบผู้ป่วยเข้า รพ. น้อยลง

สำนักข่าวต่างประเทศ ได้เผยแพร่งานวิจัยเกี่ยวกับ อาการโควิดโอมิครอน ซึ่งพบว่ามีอาการเบา แต่ยังหวั่นเนื่องจากโอมิครอนแพร่เชื่อได้เร็ว

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า จากการศึกษาหลักฐานเบื้องต้นพบว่า อาการของผู้ป่วยโควิดโอมิครอน เบากว่าโควิดสายพันธุ์อื่น โดยดูจากจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งลดลงราวๆร้อยละ 30 ถึง 70 เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น

อย่างไรก็ตามแม้ว่าโควิดโอมิครอนอาจจะมีความรุนแรงน้อยกว่าโควิดสายพันธุ์อื่น แต่การแพร่ระบาดที่รวดเร็ว อาจจะทำให้โรงพยาบาลไม่สามารถรองรับผู้ป่วยโควิดได้

ขณะเดียวกันจากผลการศึกษาของประเทศสกอตแลนด์ระบุว่า มีผู้ป่วยโควิดโอมิครอนเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเพียงแค่ 15 ราย ซึ่งหากโควิดโอมิครอนมีพฤติกรรมเหมือนโควิดเดลต้า นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าจะต้องมีผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาล 49 ราย

ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า การแพร่ระบาดที่รวดเร็วของโอมิครอนนั้น อาจจะลบล้างอาการที่เบาของโควิดสายพันธุ์ดังกล่าว พร้อมระบุว่าจากการศึกษายังมีผู้ป่วยจำนวนไม่มากที่เสี่ยงต่อโควิดโอมิครอน

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการรายงานว่าผู้ป่วยโควิดโอมิครอน ไม่แสดงอาการรุนแรง โดย นาย แอนโธนี เฟาซี อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อในสหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดโอมิครอนว่า จากการตรวจสอบรายงานในแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่พบโควิดสายพันธุ์ดังกล่าว ไม่พบว่าจำนวนผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลสูงขึ้นมาก

รวมไปถึง ดร.แอนเจลีเก คูตซี ประธานสมาคมการแพทย์แห่งแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นผู้ค้นพบโควิดโอไมครอน ที่เป็นจับตาอยู่ในขณะนี้เป็นคนแรก โดยแพทย์หญิงคนดังกล่าวระบุว่าผู้ป่วยโควิดโอไมครอนส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรงและสามารถรักษาตัวที่บ้านได้

ทั้งนี้หลายฝ่ายเชื่อว่าโควิดโอมิครอนสามารถแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว โดยดูได้จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ผู้ป่วยโควิดใหม่กว่าร้อยละ 70 ป่วยเป็นโควิดโอมิครอน และกลายเป็นโควิดสายพันธุ์หลัก แม้จะเพิ่งถูกค้นพบได้เพียงสามสัปดาห์ก็ตาม

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button