บันเทิงผู้ชายผู้หญิงไลฟ์สไตล์

‘Happy Digital Workplace’ สไตล์ LINE ประเทศไทย เวิร์คฟอร์มโฮมได้สนุกและมีประสิทธิภาพ

“Happy Digital Workplace” สไตล์ LINE ประเทศไทย เวิร์คฟอร์มโฮมได้สนุกและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะกลายเป็นไลฟ์สไตล์การทำงานแห่งอนาคตต่อไป

เมื่อ “สถานที่ทำงาน” ไม่ได้หมายถึงตึกออฟฟิศอีกต่อไป แต่หมายถึง “พนักงาน” และ “วัฒนธรรมองค์กร” ที่แข็งแกร่ง การสร้าง Happy Digital Workplace หรือ สถานที่ทำงานแบบดิจิทัลอย่างเป็นสุข คือความท้าทายครั้งใหญ่ของหลายองค์กรที่ต้องดูแลความเป็นอยู่ของเหล่ามนุษย์ออฟฟิศที่ต่างกำลังประสบภาวะ Burn Out ในช่วงเวิร์คฟอร์มโฮมที่ไม่รู้จะจบลงเมื่อไหร่

Advertisements

เช่นเดียวกันกับ LINE ประเทศไทย ที่มีแนวทางการพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรแบบ LINER-Centric โดยมีหัวใจสำคัญคือ การรับฟังความต้องการของชาว “ไลน์เนอร์” และการให้ความสำคัญกับสุขภาวะ (Wellbeing) ของพนักงานทั้งด้านร่างกายและจิตใจ LINE จึงได้เดินหน้าปรับกลยุทธ์ดูแลพนักงานให้เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม เพื่อสร้าง Happy Digital Workplace ที่ยั่งยืนและคงไว้ซึ่งความใส่ใจ (Human Touch) บนโลกออนไลน์ ซึ่งจะกลายเป็นไลฟ์สไตล์และวิถีการทำงานแห่งอนาคตต่อไป

 

ถอด 5 กลยุทธ์ สร้าง Happy Digital Workplace สไตล์ LINE ประเทศไทย

  1. ระบบรองรับคล่องตัว สื่อสารทั่วถึง – อุปกรณ์การทำงาน เป็นสิ่งสำคัญสิ่งแรกของการปรับเข้าสู่นโยบาย Work from Home พนักงานสามารถยืมอุปกรณ์ออฟฟิศทุกชิ้นไปใช้ที่บ้านได้ ทั้งโน้ตบุ๊ค จอมอนิเตอร์ เก้าอี้ทำงาน พร้อมระบบอินทราเนตที่อนุญาตให้ล็อกอินเข้าถึงข้อมูลงานต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย และมีการเพิ่มช่องทางการสื่อสาร Employee Communication ที่ทั่วถึงและสม่ำเสมอผ่าน LINE Official Account ของบริษัทฯ สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่สะดวกไม่สะดุดแม้อยู่บ้าน
  2. ดูแลกายและใจ การมีสุขภาพกายและใจดี คือจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์งานดีๆ ได้ ดังนั้นนอกจากระบบประกันสุขภาพที่เพิ่มขึ้นให้ครอบคลุมถึงการรักษา “โควิด-19” LINE ยังจัดหาวัคซีนซิโนฟาร์มให้แก่พนักงานที่ต้องการรับ และให้คำแนะนำและข้อมูลที่เกี่ยวกับโควิด-19 อาทิ การทำ Home Isolation, การบริการโทรเวชกรรม (Telemedicine) พบแพทย์ออนไลน์ได้ทั้งโรคทั่วไปและโรคเรื้อรัง และการจัดคลาสออกกำลังกายออนไลน์ทุกสัปดาห์ ในด้าน “จิตใจ” พนักงานสามารถใช้บริการ OOCA เพื่อปรึกษาสุขภาพจิตกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะอาการเครียดและอาการ Burn Out จากการทำงาน
  1. ความสัมพันธ์ต้องไม่แผ่ว – เป็นเรื่องยากที่ท้าทายไม่น้อยสำหรับแผนกทรัพยากรบุคคลในการรักษาและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานและองค์กรในช่วง WFH ไม่เพียงแต่กิจกรรมออนไลน์ที่ถูกจัดขึ้นเป็นประจำให้พนักงานได้ร่วมสนุกและมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างสนุกสนาน ยังมีกิจกรรมออฟไลน์ต่างๆ ที่ถูกเลือกสรรและจัดส่งเป็นของขวัญในคอนเซ็ปต์ต่างๆ ไปให้พนักงานถึงบ้านอย่างสม่ำเสมอ อาทิ ชุดปลูกต้นไม้ ชุดทำแพนเค้ก ฯลฯ เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของความ “ใส่ใจ” ที่จะยึดโยงพนักงานกับองค์กรเข้าด้วยกัน

Advertisements
  1. ประเมินและพูดคุย สม่ำเสมอ – แม้จะไม่ได้พบเจอกันในการทำงาน การฟีดแบกและประเมินผลงาน เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาประสิทธิภาพการทำงาน LINE ได้เพิ่มระบบ “p-talk” ในส่วนของ LINER’s Continuous Performance Management ให้พนักงานสามารถอัปเดตผลงานและได้รับฟีดแบ็คการทำงานจากเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างานแบบเรียลไทม์และต่อเนื่อง โดยไม่ต้องกลัวว่าจะตกหล่นตอนสิ้นปี นอกจากนี้ ยังมีการทำแบบประเมิน Employee Engagement Survey เพื่อวัดความสัมพันธ์และพึงพอใจในงาน เพื่อนร่วมงาน เจ้านายและองค์กรทุกไตรมาสเพื่อประเมินดัชนีความสัมพันธ์อยู่เสมออีกด้วย
  2. การเสริมทักษะ ต้องไม่ให้ขาด – อีกหนึ่งวัฒนธรรมสำคัญของ LINE ประเทศไทย คือ WOW Sharing ซึ่งเป็นคลาสออนไลน์ในการเสริมทักษะการทำงานในด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้าน Soft Skill ซึ่งมีการปรับและเพิ่มหัวข้อให้เหมาะกับสถานการณ์และความต้องการของพนักงานยิ่งขึ้นในช่วง WFH อาทิ การสื่อสารเพื่อสร้างความประทับใจในที่ทำงาน, การดำเนินชีวิตด้วยแนวคิดอิคิไก, การป้องกันพฤติกรรมที่เป็นพิษในที่ทำงาน, วิธีการเอาชนะอาการ Burn Out ฯลฯ รวมถึงคลาสเรียนภาษาที่สามที่พนักงานสามารถเลือกเรียนได้ตามความสนใจอีกด้วย

การสร้าง Happy Digital Workplace สไตล์ LINE ประเทศไทย จึงไม่ใช่เป็นเพียงการพัฒนาระบบออนไลน์เพื่อเอื้อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการคำนึงถึง Wellbeing ของพนักงานเป็นสำคัญ ซึ่งยืดหยุ่นและสอดรับกับสถานการณ์จริงที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ตลอดเวลา

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Math Navanarisa

หญิงสาวผู้สนใจคอนเทนต์สายบันเทิง ดารา หนัง ซีรีส์ ไลฟ์สไตล์ ผู้หญิง อัปเดตเทรนด์ที่เป็นกระแสขณะนี้ด้วยเนื้อหาน่าสนใจ เข้าใจง่าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button