ยัน ไม่เปลี่ยนตำรวจนามสกุลเดียวกับคดีครู 5 คนข่มขืนนักเรียนวัย 14
ยัน ไม่เปลี่ยนหนึ่งตำรวจนามสกุลเดียวกับคดีครู 5 คนข่มขืนนักเรียนวัย 14
ครู 5 คนข่มขืนนักเรียน – จากกรณีฉาวโฉ่สะเทือนวงการศึกษา ครูชาย 5 คน ร่วมกับศิษย์เก่าอีก 2 คน ข่มขืนลูกศิษย์หญิงวัยเพียง 14 ปี มิหนำซ้ำยังถ่ายคลิปขู่เก็บไว้ เหตุเกิด ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหาร
แรงเด็กหญิงถูกครู 5 คน และศิษย์เก่า 2 คนข่มขืนกระทำชำเรามาแดงเมื่อยายทราบความจริงจากหลานและไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเมื่อวันที่ 4 พ.ค. ที่ผ่านมา จนเป็นข่าวคึกโครมทั้งประเทศ
นำไปสู่การจับตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน เบื้องต้นถูกแจ้งข้อหากระทำชำเราเด็กอายุ ไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามอันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็ก และเป็นการกระทำแก่ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง ทั้งนี้ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
แต่ที่เป็นประเด็นหนึ่งขึ้นมาคือหนึ่งตำรวจสอบสวนคดีครู 5 คนข่มขืนนักเรียน มีนามสกุลเดียวกับผู้ต้องหา
เรื่องดังกล่าว พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เท่าที่ทราบไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ไม่ได้เป็นญาติ ไม่ได้เป็นเพื่อน แล้วก็ถึงแม้บังเอิญ นามสกุลตรงกัน ไม่ว่าคดีไหน ก็ต้องดำเนินการให้ความยุติธรรมทางอาญาให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ไม่เลือกปฏิบัติ แม้ว่าคนละนามสกุล แต่เอื้อประโยชน์กัน ก็ถือว่าใช้ไม่ได้ ถ้ามีนะครับ
ให้ประชาชนเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของตำรวจ เพราะสังคมจับตาอยู่ เราได้แจ้งข้อกล่าวหาไปทั้ง 7 รายแล้ว มีอัตราโทษสูงเกิน 10 ปีขึ้นไปในหลายข้อหา เรามีเวลาทำสำนวนประมาณ 84 วัน
เรื่องการเปลี่ยนแปลงพนักงานสอบสวนที่มีนามสกุลเดียวกับผู้ต้องหา พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่าคงต้องดู ไม่คิดว่านามสกุลเหมือนกันแล้วทำให้คดีพลิกคนละแบบ ความเคลื่อนไหวของคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็แจ้งความเคลื่อนไหวให้ทราบตลอดอยู่แล้ว เปิดเผยความเคลื่อนไหวผ่านสื่อมวลชนที่มีคำถามเข้ามา แต่รูปคดีไม่ได้เสียไป
ประการที่ 2 ทั้งผู้ถูกกล่าวหา หรือพยาน ก็ทราบสถานะของตน การประสานมาก็เป็นเรื่องปกติ มีการดำเนินการตามขั้นตอน
เรื่องการเอื้อประโยชน์ อย่าไปมุ่งคดีนี้คดีเดียว ให้ดูคดีอื่นด้วย ท่านจักรทิพย์ก็ได้กำชับโดยตลอดว่าไม่เลือกปฏิบัติ ให้ความเป็นธรรม หากใครไม่ได้รับความเป็นธรรม มีช่องทางให้ร้องเรียนตรวจสอบ
ยืนยันไม่มีการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน