เอิน กัลยกร ป่วยซึมเศร้ากว่า 20 ปี เคยคิดฆ่าตัวตาย
เอิน กัลยกร ป่วยซึมเศร้ากว่า 20 ปี เคยคิดฆ่าตัวตาย
จากกรณี เอิน กัลยกร อดีตนักร้องโพสต์แสดงความไม่พอใจ ที่สื่อหนึ่งเขียนพาดหัวข่าวใช้ข้อความรุนแรงวิจารณ์รูปร่างของตน และทางสำนักข่าวได้ออกมาขอโทษแล้ว ล่าสุดเอินก็ได้ออกมาเปิดใจ สัมภาษณ์ในรายการ คุยแซ่บ show ทางช่อง one31 ถึงเรื่องดังกล่าวด้วย และเล่าเรื่องราวที่เป็นโรคซึมเศร้า
ล่าสุดมีข่าวป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ยังไม่เศร้าใจเท่าการพาดหัวแรงมาก?
อึ่งอ่างมันก็มีความหมายของมัน แต่เมื่อมาใช้ว่าเอินอ้วนเป็นอึ่งอ่าง มันชัดเจนมากว่ามีการด่าทอกันในการพาดหัวครั้งนี้
ตอนที่เห็นครั้งแรกรู้สึกยังไง
เรางงว่าทำไมพาดหัวแบบนี้ ตอนนั้นเอินออกงานไปพูดเกี่ยวกับผู้ป่วยซึมเศร้า แล้วเขาขอดึงตัวเอินออกมาสัมภาษณ์ ในบทสนทนาที่เราสัมภาษณ์กันมันก็ดีนิ มันไม่มีอะไร รู้สึกว่าที่ผ่านมาตอนที่เราอยู่ในวงการจนเราออกนอกวงการทำธุรกิจ เราก็ไม่เคยทำอะไรใคร ก็รู้สึกว่าทำไมเราถึงโดนแบบนี้ มีโกรธเป็นแว้บๆ แต่ส่วนใหญ่ผิดหวังมากกว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียใจที่สำนักข่าวเขียนแบบนี้ถึงเรา แต่ไม่ได้เสียใจกับสิ่งที่เขาเขียน เพราะรู้สึกว่าเขาก็คงนิสัยไม่ค่อยดี เขาถึงเขียนแบบนี้ เอินขออนุญาตก่อน เอินไม่ใช่ดาราแล้ว เพราะฉะนั้นเอินพูดจาแบบดาราไม่ค่อยเป็นแล้ว ตอนนั้นเราก็เขียนระบายความรู้สึกของเราลงในเฟซบุ๊ก แล้วเราก็รู้สึกว่าเนื้อหาข้างในก็ไม่ได้แย่นิ แต่ทำไมพาดหัวแบบนี้ เรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของจรรยาบรรณ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการเรียกคนเข้ามาอ่าน
ประเด็นที่สอง คนทั่วไปไม่จำเป็นต้องเป็นโรคซึมเศร้าก็สะอึก แล้วยิ่งคนที่เป็นโรคซึมเศร้า วันที่เอินเจอ สมมุติว่าเป็นวันที่เอินดาวน์หนักมาก วันที่เอินอยู่ในภาวะเกลียดตัวเองขึ้นมา สิ่งที่เขาพาดหัวมันทำให้เอินทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายได้เลยนะ เอินถึงได้บอกว่านี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันรุนแรงมาก ถ้าสมมุติว่าวันนี้เอินรักษาอยู่ เอินแข็งแรงประมาณนึงแล้ว แต่เมื่อวานก็แอบร้องไห้อยู่นะ สมมุติว่าคนที่เจอไม่ใช่เอินเป็นคนที่ยังไม่แข็งแรงแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น เราเลยถามหาจรรยาบรรณ รอให้ใครสักคนเสียชีวิตไปก่อนเหรอ ถึงจะทำอะไรสักอย่าง มันก็ไม่ใช่
เห็นว่าเขาโทรมาหา?
เอินรู้ข่าวประมาณ 6 โมง มีเพื่อนแคปมาให้ดู เสร็จแล้วประมาณเที่ยงหรือบ่ายจำไม่ได้ จำได้แค่ว่าประชุมงานอยู่ แล้วนักข่าวคนที่สัมภาษณ์โทรมา เขาบอกว่าขอโทษเป็นการส่วนตัว เขาเป็นคนเขียน แต่เขาไม่ได้เขียนพาดหัวแบบนั้นเขาส่งต่อให้รีไรท์เตอร์ เราก็โอเค เรารับการขอโทษเป็นการส่วนตัว แต่ที่เขาจะขอโทษแทนพี่ๆ เราว่ามันไม่ใช่ เราก็รู้อยู่ว่าข่าวนึงกว่าจะออกมามันต้องผ่านคนเขียน ผ่านคนรีไรท์ ผ่านกอง บก. ผ่านการปรู๊ฟแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของคนหนึ่งคน แต่เป็นเรื่องของทุกคนที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการออกข่าวครั้งนั้น
ตอนค่ำก็มีอีกคนโทรมาบอกว่าเป็นหัวหน้ากองข่าว ไม่มีคำว่าขอโทษเลยตลอดบทสนทนา ช่วงแรกๆ วนไปบอกว่าคนที่ควรจะโทรมา ไม่ควรจะเป็นน้องคนนั้น ควรจะเป็นเขา ก็มีหลุดคำว่าเสียใจออกมา แต่ว่านานมากกว่าจะหลุดคำนี้ แต่ว่าน้ำเสียงตลอดการสนทนาเราไม่รู้สึก แล้วเขาพยายามพูดปัดๆ ให้มันจบ ทีนี้เอินอธิบายให้เขาฟังว่ามันรุนแรงแค่ไหน เอินไม่ใช่คนแรก ไม่ใช่คนสุดท้าย ก่อนหน้านี้ก็เขียนถึงคนนู้น คนนี้ แบบนี้ เอินรู้สึกว่ามันไม่โอเค เขาก็ถามเอินด้วยน้ำเสียงโมโหว่า แล้วเอินจะเอาอะไร เราก็บอกเขาไป 3 สิ่ง คือ
1 ให้เขาเขียนขอโทษอย่างเป็นทางการ
2 ต้องการมาตรการจัดการกับคนที่มีส่วนในการรับผิดชอบครั้งนี้ทุกคน
3 คือมาตรการที่เขาต้องวางเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับคนอื่นด้วยในอนาคต เพราะว่าเอินไม่เชื่อว่าเอินคนเดียวจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ แต่มันต้องเริ่มที่ใครสักคน
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเอินบอกว่า ถ้าเห็นข่าวแบบนี้เอินอาจจะทำร้ายตัวเอง?
ใช่ค่ะ คนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะมีชุดความคิดใกล้ๆ กัน ของเอินจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ตัวเองไม่ดีพอทีนี้พอมันเป็น 2 อย่างนี้ควบคู่กัน อะไรก็ตามที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ดีพอ เราไม่มีคุณค่า มันค่อนข้างรุนแรงแล้วกระตุ้นให้รุนแรงมาก
สาเหตุที่เราน้ำหนักขึ้นเพราะเรากินยารักษาโรคซึมเศร้า?
ใช่ค่ะ แต่ตอนนี้เปลี่ยนยาแล้ว เอินเป็นโรคซึมเศร้ามา 20 กว่าปี ปีแรกที่รักษา ยาที่ทานทำให้น้ำหนักขึ้นมา 40 กิโล ทีนี้เรากับหมอรู้สึกตัวกันช้าไป ถ้าเรารู้ตัวเร็วกว่านี้เราจะเปลี่ยนยาตั้งแต่มันขึ้นมาไม่กี่กิโล แต่พอเรารู้ตัวกันช้ากว่าจะเปลี่ยนน้ำหนักมันก็ขึ้นมาเยอะ แต่พอเปลี่ยนยามันก็หยุดขึ้นแล้ว
จุดเริ่มต้นของโรคซึมเศร้า มันเกิดอะไรขึ้น
หลายๆ คนจะมีสาเหตุที่แตกต่างกันไป ของเอินจะโตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างรุนแรงมาก พ่อแม่ทะเลาะกัน เรียกลูกไปนั่งดู แล้วก็ถามลูกว่าจะอยู่กับใคร ตั้งแต่เอินจำความได้พ่อแม่ก็ทะเลาะกันให้เห็น เอินมีพี่น้อง 3 คน ก็รักษากันทั้ง 3 คน คือเราไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร เอินเพิ่งรู้ว่านั่นน่าจะเป็นสาเหตุตอนที่เอินมารักษากับนักจิตบำบัติ เขานั่งย้อนเหตุการณ์ไป เราถึงได้อ๋อ นี่คือสาเหตุที่ทำให้เราเป็น
ตอนเด็กๆ ที่เราเห็นภาพแบบนั้น มันส่งผลให้เราเป็นคนนิสัยยังไง
เอินเป็นคนเซนซิทีฟจัด เวลาร้องไห้เราหยุดร้องไห้ไม่ได้ แต่ว่ามันมาหนักจริงๆ ตอนที่เอินอยู่มหาวิทยาลัย ตอนนั้นมีปัญหาหนักหนาหลายอย่าง แล้วก็มีปัญหากับครอบครัวครั้งใหญ่ ทำให้อยากฆ่าตัวตายเป็นครั้งแรก แต่ก่อนหน้านั้นวันดีคืนดีเราก็ร้องไห้ เราไม่รู้ว่าเราเกิดมาทำไม เราไม่รู้ว่าเราจะอยู่ไปเพื่ออะไร เอินเป็นตั้งแต่ก่อนเข้าวงการแล้วตอนที่เข้าวงการก็ยังเป็นอยู่ แล้วเป็นโรคอื่นควบคู่ด้วย คือเป็นโรคภาวะการทานอาหารผิดปกติ คนในวงการจะต้องถูกjudgeในเรื่องรูปร่างหน้าตาตลอด เสร็จแล้วก็ถึงจุดหนึ่งที่เรากินแล้วเรารู้สึกผิด ล้วงคออ้วก แล้วมันก็เป็นคู่กับอีกอาการหนึ่งคือทานแล้วหยุดไม่ได้ อิ่มแล้วไม่อร่อย อยากหยุดก็หยุดไม่ได้ อันนี้เป็นคู่กัน
จุดไหนที่ทำให้ไปหาหมอ
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว คนเป็นโรคซึมเศร้าโดยเฉพาะเอินที่เป็น ไม่มีใครพูดถึงเรื่องโรคซึมเศร้า เอินไม่รู้ว่ามันมีโรคนี้อยู่ในโลกใบนี้ แล้วอยู่มาวันหนึ่งเราเพิ่งไปได้ยินข่าวว่าโรคซึมเศร้า เป็นโรคเฝ้าระวัง มีอาการดังนี้ เราฟังเราก็เห้ยมันตรงกับเราค่อนข้างเยอะ ก็เลยสงสัย แต่ถึงวันนั้นจนไปหาหมอ ใช้เวลา 10 กว่าปี ซึ่งเป็นระยะทางปกติของผู้ป่วยทั่วไป เอินไม่กล้ากินยานอนหลับ แต่บางวันก็นอนไม่ได้ บางวันก็อยากนอนไม่อยากตื่น วันดีคืนดีจะรู้สึกว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ก็จะอยากกระโดดตึก อยากไปให้รถชน แต่ว่าการทำร้ายตัวเอง เช่น การเอาหัวโขกข้างฝา การตบหน้าตัวเองมีเป็นประจำอยู่แล้ว
ก่อนที่เจอหมอตอนนั้นเขาดูแลเรายังไง
เขาก็รักเรา เขาไม่ใช่คนดูแลเก่ง แต่สิ่งที่เขาทำให้ เป็นสิ่งที่เราไม่ได้รับเลย มันคือความมั่นคงในความรัก เขาทำให้เรารู้ว่าเรามีค่า เขาทำให้เรารู้จักคำว่ารักแบบไร้เงื่อนไข ตอนที่คบกันใหม่ๆ เขาเข้ามาในห้อง เขาเห็นเอินเอาหัวโขกข้างฝา เขาก็ตกใจรีบวิ่งเอามือมารองหัวเราแล้วกอดเรา มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเจอ ไม่เคยมีใครทำให้มาก่อน
จะหายไหม
หมอกับเอินมีเป้าหมายว่าจะหาย แต่ว่าวันนี้มันลดโดสไม่ได้ เราก็ทานยาอยู่
มีอยู่ครั้งหนึ่งนั่งรถไปกับพ่อแม่ แล้วพ่อแม่ทะเลาะกัน เกือบกระโดดลงจากรถ?
จริงๆ คุณพ่อไม่ได้อยู่แค่แม่กับเรา เรามีปัญหาเรื่องอื่นกันมา แล้วมันถึงจุดที่เรารู้สึกว่าไม่ไหว เราไม่ได้อยากฆ่าตัวตาย เราไม่ได้ต้องการอะไรเลย เราต้องการให้ทุกอย่างมันหยุด มีทางเดียวที่หยุดได้คือเราต้องออกจากรถคันนี้ แล้วรถมันก็วิ่งอยู่บนถนน เราก็เปิดประตูจะออกไป ตอนนั้นอยู่ในวงการด้วย จำได้เลยเพิ่งไปออกงานที่เซนทรัลชิดลม เสร็จแล้วแม่ก็ยื่นมือมาปิด แล้วบอกว่าจะตายใช่ไหม ตายด้วยกันเลยไหม อันนั้นเป็นหนึ่งในโมเมนต์ที่ผ่านมายากสุด ต้องทำงานกับนักจิตบำบัติหนักมากเพื่อจะผ่านมันไป