หมอปลาย พรายกระซิบ ไหว้สวยขอโทษ! เปิดใจปมดราม่าทำนาย ไทย-กัมพูชา ทำเครียดจนป่วย SLE วอนสังคมขอโอกาสแก้ตัว จะระวังปากให้มากขึ้น
หายหน้าหายตาไปพักใหญ่สำหรับ “หมอปลาย พรายกระซิบ” หรือ ณวรชา พินิจโรคากร นักพยากรณ์ชื่อดัง ที่ก่อนหน้านี้เจอกระแสดราม่าถาโถมอย่างหนัก จากกรณีคำทำนายเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน “ไทย-กัมพูชา” ที่ทำนายไว้ว่า ภายใน 1–2 วัน จะเกิดเหตุใหญ่และความไม่สงบชุดใหญ่ไฟกระพริบ จนสร้างความสะเทือนใจและตื่นตระหนกให้กับสังคม ล่าสุดเจ้าตัวได้ปรากฏตัวอีกครั้งในงานกาล่าพรีเมียร์ภาพยนตร์ “หอแต๋วแตก แหกหลีหู” ณ สยามพารากอน พร้อมเปิดใจแบบหมดเปลือก
ไหว้ขอโทษสังคม รับบทเรียนราคาแพง
หมอปลาย เริ่มต้นอัปเดตชีวิตหลังจากหายหน้าไปนานว่า ตอนนี้เริ่มกลับมาแล้ว สุขภาพแข็งแรงดี ทั้งหัวใจและร่างกายดีขึ้นเยอะมาก แต่ยอมรับว่าช่วงที่เจอดราม่าหนัก ๆ มีผลต่อสภาพจิตใจพอสมควร โดยเฉพาะวันที่เกิดเรื่องซึ่งตรงกับคิวถ่ายภาพยนตร์หอแต๋วแตกพอดี ทำให้เกิดความเครียด จนมีอาการทั้งแพนิกและซึมเศร้า แต่ก็สามารถฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็ว
ส่วนกระแสข่าวที่ว่าเครียดจนต้องเข้าโรงพยาบาลนั้น หมอปลายชี้แจงว่า ความจริงตนมีนัดตรวจโรค SLE (โรคแพ้ภูมิตัวเอง) อยู่แล้ว แพทย์เกรงว่าอาการจะกำเริบจึงต้องเจาะเลือดเพิ่ม ประกอบกับสภาวะจิตใจ ณ เวลานั้น แต่ยืนยันว่าไม่ได้เครียดเพราะข่าวจนล้มหมอนนอนเสื่อขนาดนั้น
เมื่อถามว่ากลับมาเต็มร้อยหรือยัง หมอปลายตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ต้องขอโอกาสทุกคนให้ปลายกลับมา 100 ดีกว่าค่ะ” เพราะอาชีพนี้และคำทำนายต้องอาศัยโอกาสจากทุกคน ไม่ใช่แค่พลังใจของตัวเองอย่างเดียว ยอมรับตรงๆ ว่าความมั่นใจในการพูดหรือตอบคำถามลดลงกว่าแต่ก่อนพอสมควร ทุกวันนี้จะทำนายอะไรต้องคิดเยอะมากๆ และระวังตัวมากขึ้น
สำหรับบทเรียนจากเหตุการณ์ดราม่าคำทำนายเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา หมอปลาย ได้ยกมือไหว้ขอโทษกลางวงสัมภาษณ์ โดยกล่าวว่า “ได้บทเรียนด้วย และให้ความระวังมากๆ แต่ปลายก็ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะ ที่วันนั้นปลายก็พูดอะไรที่ทำให้หลายๆ คนสะเทือนใจนะคะ ก็จะไม่ทำอีกค่ะ จะระวังคำพูด จะพูดแต่เรื่องดี ๆ ค่ะ”
หมอปลายยืนยันว่า ต่อไปนี้หากเรื่องไหนที่เป็นประโยชน์กับคนหมู่มากและไม่ทำร้ายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็ยังคงทำหน้าที่นักทำนายตามปกติ แต่จะไม่ทำนายอะไรที่เจาะจงรายบุคคลอีกแล้ว
เคลียร์ชัด! ข่าวโดนจับฟอกเงินคือ “Fake News”
ในส่วนของประเด็นข่าวลือต่างๆ หมอปลายเผยว่า เรื่องคำทำนายไทย-กัมพูชา ยังไม่กระทบจิตใจเท่ากับข่าวปลอมที่เกิดจาก AI ซึ่งสร้างเรื่องว่าเธอไปฟอกเงินและถูกตำรวจจับ “อันนั้นกระทบที่สุดและทำร้ายจิตใจมากที่สุด ทำให้ชื่อเสียงค่อนข้างเสียหาย” หมอปลายระบุ
อย่างไรก็ตาม เธอได้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว และตำรวจไซเบอร์กำลังเร่งจัดการจับกุมผู้กระทำผิด ยืนยันว่ามีใบแจ้งความครบถ้วน และข่าวลือเรื่องฟอกเงินกับดราม่าคำทำนายเป็นคนละเรื่องกัน ส่วนกระแสข่าวว่ามีหลายองค์กรแจ้งความเอาผิดเธอนั้น หมอปลายยืนยันว่า “ยังไม่ได้รับหมายอะไรใดๆ ทั้งสิ้นนะคะ ไม่มีค่ะ”
สำหรับทิศทางในอนาคต หมอปลายเผยว่าจะปรับปรุงความแม่นยำให้มากขึ้น อาจจะปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้น และพยายามหาธุรกิจหรืออะไรที่หลากหลายทำดู ส่วนความคิดที่จะเลิกอาชีพหมอดูนั้นมีเข้ามาตลอด ยิ่งคิดจะเลิก งานยิ่งเข้าเยอะ แต่สุดท้ายก็เลิกไม่ได้เพราะถือเป็นหน้าที่ที่เกิดมาต้องทำ แต่อาจจะเน้นไปที่เรื่องการจับผีหรือการตั้งศาลมากขึ้น ซึ่งจริงๆ เป็นงานหลักของเธออยู่แล้ว แต่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าดูดวงเป็นหลัก
ปัจจุบันหมอปลายกลับมารับงานปกติ เริ่มออกสื่อบ้างแล้ว และมีคำทำนายช่วงปีใหม่ เตือนให้ระวังช่วงต้นปี กลางปี และปลายปี ตามปกติของหมอดูทั่วไป
พร้อมกันนี้ หมอปลาย ยังฝากข้อคิดถึงเรื่องความงมงายว่า ทุกครั้งที่พูดจะย้ำเสมอว่าโปรดใช้วิจารณญาณ ศาสตร์การดูดวงต้องคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ไม่ใช่ฟังแล้วเชื่อ 100% เพราะเป็นการพูดโดยรวม ไม่ได้เจาะจงใคร ขอให้ทุกคนไตร่ตรองก่อนตื่นตระหนก และมองว่าคำทำนายเป็นเพียงตัวช่วยหรือทางลัดเท่านั้น
“คือปลายไม่ใช่ผู้วิเศษ ปลายก็ยังเป็นหมอปลายปกติ ปลายไม่เคยบอกว่าปลายเป็นอะไรแบบนั้น ทางรายการเขาก็ทราบอยู่แล้วว่าหมอปลายไม่ได้อยู่ในหมวดของผู้วิเศษค่ะ” หมอปลายกล่าวทิ้งท้าย
ในช่วงท้าย หมอปลาย ได้ยกมือไหว้ขอโทษอีกครั้ง โดยฝากถึงคนที่ยังค้างคาใจว่า “ก็ขอโทษอีกครั้งนะคะ ขอโทษผ่านทางนี้เลย ขอโทษทุกๆ คนด้วยสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันนี้ไม่ว่าอะไรจะเป็นยังไงก็ตามขอให้ทุกคนมีความสุข และแฮปปี้ไปกับปีใหม่ และฝากหอแต๋วแตกด้วยนะคะ”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- วงในเผย “หมอปลาย” เข้ารพ.ด่วน มีภาวะเครียด หลังกระแสคำทำนายตีกลับ
- ทนายเกิดผล เตือน หมอปลาย ทำนายซี้ซั้ว ไม่รู้กาลเทศะ ลั่น ขู่แจ้งความหากทำอีก
- โหรดังชี้ชะตา! ดวงเมืองกัมพูชา แพ้ไทยตั้งแต่ต้น เผยตำนานการแก้เคล็ด
- ย้อนคำ หมอปลาย ลั่นไว้ปี 68 พระดังวัดใหญ่ฉาวสนั่น ศรัทธาคนพังยับ
ภาพจาก
ข้อมูลจาก
ติดตาม The Thaiger บน Google News:
ข่าวล่าสุด
