ตอบให้ “ตะวันฉาย ขาหัก” สาเหตุหลักเพราะแบบนี้ คาดหัก 2 ท่อนโชคดีในโชคร้าย
“อาสาสมัคร นักวิทย์กีฬา” เพจเปิดเบื้องลึกข้อมูลกีฬาตามฉบับนักวิทยาศาสตร์ เผยเหตุผล ทำไมแค่เตะตัดขา ตะวันฉายถึงขั้นขาหักได้ขนาดนั้น
วันนี้ (20 ธ.ค.68) เฟซบุ๊กแฟนเพจอาสาสมัคร นักวิทย์กีฬา ได้ออกมาให้ข้อมูลมุมมองเชิงวิทยาศาสตร์การกีฬาและวัสดุศาสตร์ หลังเกิดกรณีการหักของกระดูกในลักษณะนี้เรียกว่า “Fatigue Failure” (ความเสียหายจากการล้า) ผสมกับ “Shear Force” (แรงเฉือน) โดยอาการบาดเจ็บข้างต้นสืบเนื่องจากกระแสควันหลงหลังผลรมวยวัน (One) ลุมพินี 137 ที่ล่าสุดศึกใหญ่ส่งท้ายปีเล่นเอา “ซ้ายดารา” เจอเตะพับใน 52 วินาที เมื่อค่ำวานนี้
ทั้งนี้ ทางเพจอาสาวิเคราะห์เจาะลึกถึง 4 ปัจจัย ที่ทำให้การเตะซึ่งดูเหมือนไม่แรง แต่บ่อย ! กลายเป็น “หายนะ” ดังนี้
1. ทฤษฎี “รอยร้าวที่มองไม่เห็น” (Micro-trauma Propagation)
นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้การเตะครั้งที่ 2 และ 3 ดูไม่แรงแต่ส่งผลรุนแรงที่สุด โดนเตะครั้งที่ 1 (จังหวะบวก/ขาตาย): จังหวะนี้สำคัญที่สุด เป็นตัวเริ่มของการร้าวและหักครับ แม้ตะวันฉายจะดูเหมือนไม่เจ็บ แต่แรงปะทะตอนที่ขายืนรับน้ำหนัก (Compression)
อาจทำให้เกิด “Micro-fracture” (รอยร้าวเล็กระดับไมโคร) ที่เนื้อกระดูก หรือเกิดรอยร้าวที่ผิวชั้นนอก (Periosteum) แล้ว
เปรียบเทียบเหมือนเราเอาค้อนทุบ “กระเบื้อง” ครั้งแรกมันอาจจะไม่แตกแยกชิ้น แต่มันเกิดรอยร้าวภายในแล้ว โครงสร้างความแข็งแรงอาจลดลงจาก 100% เหลือ 50% ได้ทันที
โดนเตะครั้งที่ 2 : เป็นเวลาที่ติดๆ กันกับครั้งแรกมาก นี่คือการขยายผลให้เกิดรอยร้าวจากครั้งแรก และลดความแข็งแรงของโครงสร้างลงอย่างมาก
โดนเตะครั้งที่ 3 : เมื่อโครงสร้างมีรอยร้าว การเตะซ้ำที่เดิม (แม้จะเบากว่า) คือการ “ขยายปากแผล” แรงสั่นสะเทือนจะวิ่งไปรวมที่จุดร้าว (Stress Concentration) ทำให้รอยร้าววิ่งลามจนกระดูกแยกออกจากกันในที่สุด


2. ปรากฏการณ์ “แรงเฉือน” ในอากาศ (Shear Force & Bending Moment)
จาการสังเกตจะเห็นว่าครั้งหลังๆ ตะวันฉายยกขายกบัง (Check) แต่ทำไมยังหัก? คำตอบอยู่ที่ “มุมที่โดน” และ “ฟิสิกส์ของการดัด”
กระดูกแข็งแรงในแนวตั้ง แต่อ่อนแอในแนวนอน
- กระดูกหน้าแข้ง (Tibia) ถูกออกแบบมารับน้ำหนักตัวในแนวดิ่ง (Compression) ได้ดีมหาศาล แต่จะเปราะบางเมื่อโดนแรงกระทำทางด้านข้าง (Tension/Shear)
การหักเหมือน “หักไม้แห้ง”
- เมื่อตะวันฉายยกขาขึ้น ขาของเขากลายเป็นคานงัด (Lever) ที่มีจุดหมุนอยู่ที่หัวเข่า
- การเตะของคู่ต่อสู้เข้าที่ “กึ่งกลางหน้าแข้งด้านใน” ในขณะที่ปลายเท้าลอยอยู่
- แรงเตะทำให้เกิด Bending Moment (โมเมนต์การดัด) คือ ส่วนบน (เข่า) และส่วนล่าง (ข้อเท้า) พยายามจะอยู่นิ่งด้วยความเฉื่อย แต่ตรงกลางถูกแรงกระแทกเข้าไป ทำให้กระดูกเกิดการ “งอ” (Bending) จนเกินจุด Elastic Limit และหักกลาง (เหมือนเราหักไม้ฟืนด้วยการจับสองข้างแล้วเอาเข่ากระแทกตรงกลาง
- เมื่อส่วนนั้นมีรอยร้าวภายในที่พร้อมจะหัก แม้มีแรงมากระแทกเบากว่าครั้งแรกๆ ก็ทำให้หักได้
3. จุดปะทะคือ “ด้านใน” ไม่ใช่ “สันแข้ง”
นี่คือจุดตายครับ ในคลิป การเตะ Kickboxing ลูกเตะนั้นเข้าที่ “หน้าแข้งด้านใน” (Medial Surface of Tibia) ของตะวันฉาย ในทางกายวิภาคศาสตร์ หน้าแข้งด้านในเป็นส่วนที่กระดูกแบนและ “ไม่มีกล้ามเนื้อหุ้ม” (ลองจับขาตัวเองดูครับ ด้านในจะเป็นหนังติดกระดูกเลย) เมื่อบริเวณนั้น ไม่มีกล้ามเนื้อมาช่วยซับแรง (Shock Absorption) แรงทั้งหมด 100% ถูกส่งเข้าสู่เนื้อกระดูกโดยตรง
ยิ่งโดนซ้ำที่เดิม 3 ครั้ง กระดูกบริเวณนั้นจึงรับภาระเกินขีดจำกัด (Overload) ผลลัพธ์จึงทำให้เกิดรอยร้าวและหักได้จากการปะทะโดยตรง
4. ภาวะสะสมจากการฝึกซ้อม (Stress Fracture History)
นักมวยระดับแชมป์มักจะมี Stress Fracture (กระดูกล้า) สะสมอยู่แล้วจากการซ้อมหนัก กระดูกนักมวยจะมีความหนาแน่นสูง (ตามหลักของ Wolff’s Law กระดูกยิ่งมีแรงกดมากยิ่งแข็งแรงขึ้น แรงกดลดลงอ่อนแอลง) แต่ก็มีความกรอบ (Brittle) ในบางจุดจากการกระแทกซ้ำๆ ได้เช่นกัน มีความเป็นไปได้ที่ตะวันฉายอาจจะมีอาการเจ็บเล็กๆ น้อยๆ
หรือ “รอยช้ำในกระดูก” (Bone Bruise) อยู่บ้างแล้วในตำแหน่งนั้น เมื่อโดนกระตุ้นซ้ำในการชกจริง จึงทำให้จุดที่เปราะบางที่สุดแตกหักง่ายกว่าคนปกติ
สรุปภาพรวม
การหักครั้งนี้เกิดจาก “จังหวะแรกเปิดแผล (สร้างรอยร้าว) + จังหวะสองและสามคือการหักไม้ (แรงดัดในขณะที่ขายกลอย)” มันคือโศกนาฏกรรมทางจังหวะที่ลงล็อกพอดีเป๊ะ (Perfect Storm) คู่ต่อสู้เตะเข้า “จุดโฟกัสเดิม” (Sweet Spot) ทั้ง 3 ครั้ง ซึ่งในทางฟิสิกส์ การกระแทกจุดเดิมซ้ำๆ จะทำให้ค่าความทนทานของวัสดุลบฮวบลงแบบ Exponential (ทวีคูณ)
ในทางวิทยาศาสตร์การกีฬาและศัลยกรรมกระดูก ลักษณะที่ตะวันฉายประสบอยู่เรียกว่า “Stable Fracture” หรือ “Non-displaced Fracture” (การหักแบบกระดูกไม่เคลื่อน)
แม้พี่ชายของเขาจะใช้คำว่า “หัก 2 ท่อน” แต่ในแง่ของภาพที่ปรากฏในคลิปมันมีเหตุผลรองรับครับว่า ทำไมขาถึงยังอยู่ในแนวตรงและไม่ผิดรูปพับไปพับมา เหมือนที่เราเคยเห็นในเคสอื่นก่อนหน้านั้น

สาเหตุอันดับแรกเพราะมีกระดูก “คู่ขนาน” ช่วยพยุง (Tibia & Fibula)
ปกติขาท่อนล่างของคนเรามีกระดูก 2 แท่ง
Tibia (กระดูกหน้าแข้ง) – แท่งใหญ่ที่รับน้ำหนัก 90% (นี่คือแท่งที่หัก)
Fibula (กระดูกน่อง) – แท่งเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้าง ในกรณีที่หักเพียงแท่งเดียว (ส่วนใหญ่คือ Tibia) กระดูก Fibula ที่ยังไม่หักจะทำหน้าที่เป็น “ไม้ค้ำยันธรรมชาติ” ช่วยรักษาโครงสร้างขาให้ยังคงรูปทรงตรงอยู่ได้ ไม่พับห้อยลงมา
แรงตึงของ “เยื่อหุ้มกระดูกและกล้ามเนื้อ” (Soft Tissue Integrity)
แม้กระดูกจะขาดออกจากกันเป็น 2 ท่อน (Complete Fracture) แต่สิ่งที่รัดมันไว้ให้ยังเรียงตัวตรง คือ Periosteum (เยื่อหุ้มกระดูก) หากเยื่อนี้ยังไม่ฉีกขาดออกจากกันทั้งหมด มันจะทำหน้าที่เหมือนเทปกาวที่พันท่อนไม้ที่หักไว้ไม่ให้แยกออกจากกัน
Compartment Muscles – กล้ามเนื้อรอบๆ ขาของนักมวยมีความแข็งแรงและตึงมาก แรงตึงนี้ช่วยประคอง (Splinting) กระดูกที่หักให้ยังอยู่ในแนวเดิม

ทำไมถึงยืนไม่ได้? (Loss of Structural Integrity)
สาเหตุที่ตะวันฉายลุกขึ้นไม่ได้ ทั้งที่ขาดูตรง เป็นเพราะ “กระดูกไม่สามารถรับแรงอัด (Compression) ได้อีกต่อไป”
เมื่อเขามีความพยายามจะลงน้ำหนัก แรงกดจากน้ำหนักตัวจะทำให้ปลายกระดูกที่หัก “เกย” หรือ “ทิ่ม” เข้าใส่กันและกดทับเส้นประสาทรอบๆ อย่างรุนแรง สมองจะสั่งการให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงทันที (Inhibition) เพื่อป้องกันความเสียหายที่มากกว่าเดิม
หักแบบ “กิ่งไม้สด” หรือ “รอยร้าวรุนแรง”
มีลักษณะหนึ่งที่เรียกว่า Hairline Fracture หรือ Stress Fracture ที่รุนแรงจนกลายเป็น Transverse Fracture (หักขวาง) หากเป็นการหักขวางที่เรียบสวยงาม กระดูกจะยังวางซ้อนกันอยู่ได้ในแนวเดิมเป๊ะๆ ทำให้มองจากภายนอกไม่รู้เลยว่าหัก จนกว่าจะเข้าเครื่องเอ็กซเรย์ (X-ray)
วิเคราะห์กรณีของตะวันฉาย น่าจะเป็นการหักแบบ กระดูกหักโดยสมบูรณ์ (Complete Fracture) หรือหักขาดเป็นสองท่อน ตามข่าว แต่เป็นแบบ Non-displaced (ไม่เคลื่อนที่) คือ กระดูกยังเรียงตัวตรงกันอยู่ ซึ่งถือเป็นโชคดีในโชคร้าย เพราะ
- รักษาทิศทางง่าย – หมอไม่ต้อง “ดึงกระดูก” ให้เข้าที่มากนัก
- เส้นเลือดไม่เสียหาย – ปลายกระดูกที่แหลมคมไม่ได้เคลื่อนไปตัดเส้นเลือดใหญ่หรือเส้นประสาท
- ฟื้นตัวเร็วกว่า – การเชื่อมต่อของแคลเซียมจะทำได้เร็วกว่าการหักแบบผิดรูป (Displaced)
การที่ขาดูตรงแต่เจ้าตัวรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดและยืนไม่ได้ นั่นคือสัญญาณเตือนของร่างกายที่ชัดเจนที่สุดแล้วครับว่าโครงสร้างหลัก “หัก” ออกจากกันแล้ว
ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะตะวันฉายไม่เก่ง แต่เกิดจาก “อุบัติเหตุในเกมกีฬา” ผสมกับ “แท็กติกที่โหดแม่นและเหนือชั้นของคู่แข่ง” ที่เจาะจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ที่ต้องเปลี่ยนกติกาจากมวยไทยเป็นคิกบ็อกซิ่งได้ถูกจุด.
อ่านข่าวทั่วไป-สำรวจประเด็นเด่นในรอสัปาดห์และประจำวันนี้สด ๆ ร้อนๆ เสิร์ฟดราม่าส่งตรงถึงหน้าจอที่นี่
- ตะวันฉาย ขาหัก หลังแพ้น็อกยกแรก มวย ONE ลุมพินี 137 แฟนมวยแห่ส่งกำลังใจ
- ตะวันฉาย แต่งงานหวาน ฟีม สาวิตา เซอร์ไพรส์ เปิดตัวลูกชาย น้องคิริน
- รถถังวิเคราะห์หลังเกม สาเหตุ ตะวันฉาย พ่ายน็อก โนอิริ ชี้จุดยก 3
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





