ฉีดวิตามินผิว เปิดเคล็ดลับผิวกระจ่างใส สุขภาพดีจากภายใน

ฉีดวิตามินผิว ฟื้นบำรุงผิวพรรณ
หลายคนที่ต้องการดูแลผิว และสุขภาพจากภายใน การฉีดวิตามินผิว ถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันค่ะ เพราะนอกจากช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสและชุ่มชื้นขึ้นแล้ว ยังเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้รู้สึกสดชื่นและมีพลังมากขึ้นด้วย
ในบทความนี้จะพารู้เคล็ดลับผิวกระจ่างใส ดูสุขภาพดีด้วยการฉีดวิตามิน คืออะไร ? มีข้อดีอย่างไรบ้าง ? ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล ? ราคาค่าใช้จ่ายเท่าไร ? ตลอดจนวิธีดูแลหลังฉีดให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานค่ะ
ฉีดวิตามินผิวคืออะไร ? ช่วยเรื่องผิวใสได้อย่างไร ?
การฉีดวิตามินผิว คือ การฉีดวิตามินเข้าสู่เส้นเลือดดำ (IV Drip) โดยตรง ทำให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ได้ทันที โดยวิตามินหลักที่ใช้มักเป็นวิตามินซี (Vitamin C) เข้มข้น ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นในการเสริมภูมิต้านทาน ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน และช่วยให้ผิวดูสว่างกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ

ประโยชน์ของวิตามินซีที่เด่นชัดคือช่วยฟื้นฟูผิวหมองคล้ำจากแดด มลภาวะ และความเครียด ทั้งยังช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีจากภายใน เพราะวิตามินซีมีส่วนสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วยค่ะ จึงทำให้หลายคนรู้สึกสดชื่นขึ้นหลังฉีดไม่นาน
รวม 6 ข้อดีการฉีดวิตามินผิวใส

การฉีดวิตามินผิวเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในได้อย่างรวดเร็ว โดยมีข้อดีหลายประการดังนี้
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่น กระชับ และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว
- ผิวกระจ่างใสขึ้น สีผิวดูสม่ำเสมอ ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ลดความหมองคล้ำ
- ต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องผิวจากมลภาวะ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ไม่โทรมง่าย
- เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยเสริมความแข็งแรงของร่างกาย ไม่ป่วยง่าย
- ช่วยให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น ลดอาการอ่อนเพลีย
- ผิวดูชุ่มชื้น สดใส และเปล่งปลั่งขึ้น ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรง
รีวิวผลลัพธ์การฉีดวิตามินผิวที่ V Square Clinic
หลังฉีดวิตามินผิวจะรู้สึกว่าผิวดูนุ่มลื่นขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกค่ะ แนะนำให้ทำต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น โดยผิวจะเริ่มใสขึ้น ความหมองคล้ำและรอยดำดูจางลง สีผิวสม่ำเสมอและสุขภาพผิวโดยรวมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า และภูมิคุ้มกันดีไม่ป่วยง่ายค่ะ
ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้แต่ละคนจะไม่เหมือนกันค่ะ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวเดิม การใช้ชีวิต และการดูแลตัวเองหลังทำร่วมด้วย



เช็กก่อนฉีด! ใครเหมาะ-ไม่เหมาะกับการฉีดวิตามินผิว ?
ก่อนตัดสินใจฉีดวิตามินผิว ควรเช็กกันก่อนว่ากลุ่มไหนเหมาะสม และกลุ่มไหนควรหลีกเลี่ยง เพื่อความปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ดีที่สุดค่ะ
ฉีดวิตามินผิวเหมาะกับใคร ?
กลุ่มคนที่เหมาะกับการฉีดวิตามินผิว ได้แก่
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูร่างกาย และสภาพผิวอย่างเร่งด่วน
- ผู้ที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย นอนดึก หน้าโทรม
- ผู้ที่ต้องการฟื้นบำรุงผิวอย่างเร่งด่วน ไม่มีเวลาทาครีมหรือทาสกินแคร์หลายขั้นตอน
- ผู้ที่มีปัญหาผิวคล้ำเสีย ผิวแห้งกร้านขาดน้ำ รวมไปถึงผิวแพ้ง่าย
- ผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้ เป็นหวัดบ่อย หรือภูมิต้านทานทำงานบกพร่อง
ฉีดวิตามินผิวไม่เหมาะกับใคร ?
กลุ่มคนที่ไม่เหมาะกับการฉีดวิตามินผิว ได้แก่
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตต่ำ โรคตับ หรือโรคหัวใจ
- ผู้ที่มีความผิดปกติของเม็ดเลือด เช่น โรคธาลัสซีเมีย โรคมะเร็ง
- ผู้ที่มีประวัติแพ้วิตามินหรือยาบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับบริการทุกครั้ง
ฉีดวิตามินผิว VS กินวิตามิน ต่างกันอย่างไร ? แบบไหนดีกว่า ?
ทั้งการฉีดวิตามินผิวและการกินวิตามิน ล้วนมีจุดประสงค์เดียวกันคือ การเติมสารอาหาร ให้กับร่างกายค่ะ แต่ประสิทธิภาพการดูดซึม และความเร็วในการเห็นผล มีความแตกต่างกัน ดังนี้

การฉีดวิตามินผิว
- เป็นการฉีดวิตามินเข้าสู่เส้นเลือดดำโดยตรง ทำให้ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที
- เห็นผลเร็วแบบ Booster เช่น ผิวดูใสขึ้น รู้สึกกระปรี้กระเปร่า
- วิตามินส่วนเกินจะถูกขับออกทางปัสสาวะและอุจจาระ ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวและร่างกายอย่างเร่งด่วน
กินวิตามิน
- ตัวยาวิตามินต้องผ่านกระบวนการย่อย และผ่านการดูดซึมจากตับก่อน จึงทำให้ร่างกายได้รับวิตามินประมาณ 20–50%
- ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล โดยทั่วไปต้องทานต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือน
- หากต้องการบำรุงหลายด้านอาจต้องทานหลายเม็ดในแต่ละวัน
แบบไหนดีกว่ากัน ?
- หากต้องการผลลัพธ์เร็ว บูสต์พลัง ฟื้นฟูผิวเร่งด่วน → ฉีดวิตามินผิว
- หากต้องการดูแลร่างกายแบบค่อยเป็นค่อยไปในระยะยาว → กินวิตามิน
- และถ้าอยากได้ผลลัพธ์ทั้งเร็วและยั่งยืน → สามารถฉีดวิตามินผิวควบคู่กับการกินวิตามินได้ เพื่อเสริมประสิทธิภาพของกันและกันค่ะ
ฉีดวิตามินผิวปลอดภัยไหม ?

หากฉีดวิตามินผิวกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ภายใต้การดูแลของแพทย์ การฉีดวิตามินผิวถือว่าปลอดภัยค่ะ หากไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เพราะตัวยาวิตามินที่ใช้ เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ มีความจำเป็นต่อร่างกายอยู่แล้ว เพียงแต่ได้รับในปริมาณที่เข้มข้นและดูดซึมเร็วกว่าแบบกินค่ะ
ที่ต้องระวังคือ
- คลินิกฉีดวิตามินผิวที่ไม่ได้มาตรฐาน
- ใช้วิตามินที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบ จัดเก็บไม่ดี ทำให้ตัวยาเสื่อมสภาพ
สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียงได้ค่ะ จึงควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความโปร่งใส และเชื่อถือได้เสมอ
ฉีดวิตามินผิวราคาเท่าไหร่ ?
ราคาฉีดวิตามินผิวโดยทั่วไปจะเริ่มต้นประมาณ 1,500.-/1 ครั้ง ทั้งนี้ราคาจะแตกต่างกันตามสูตรวิตามินที่ใช้ ความเข้มข้นของสารบำรุง และโปรโมชันของแต่ละคลินิกค่ะ คลินิกบางแห่งมีสูตรเฉพาะที่ช่วยบำรุงผิว ฟื้นฟูร่างกาย หรือเสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจมีราคาสูงขึ้นตามปริมาณวิตามินที่ใช้ในแต่ละครั้ง
หากต้องการเห็นผลอย่างต่อเนื่อง แนะนำให้เลือกเป็น คอร์สฉีดวิตามินผิว เพราะจะช่วยประหยัดกว่าการซื้อครั้งต่อครั้ง และทำให้การบำรุงเกิดความสม่ำเสมอ ส่งผลให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวได้ชัดเจนและยาวนานกว่าค่ะ
หลังฉีดวิตามินผิวใส กี่วันเห็นผล ?
หลังฉีดวิตามินผิวใสหรือฉีดวิตามินผิว ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงประมาณ 3 วันหลังทำ ผิวจะค่อย ๆ ชุ่มชื้น นุ่มลื่นขึ้นค่ะ โดยผลลัพธ์จะชัดเจนที่สุดในช่วง 7–14 วัน หลังฉีด เนื่องจากร่างกายได้รับวิตามินไปใช้เต็มประสิทธิภาพ
ต้องฉีดวิตามินผิวบ่อยแค่ไหน ?
ความถี่ในการฉีดวิตามินขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย ปัญหาที่ต้องการแก้ไข และเป้าหมายในการดูแลสุขภาพของแต่ละคนค่ะ โดยทั่วไปแนะนำให้ฉีด 1 ครั้ง/สัปดาห์ เมื่อเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนแล้ว สามารถปรับลดความถี่ลงเป็นการดูแลแบบ Maintenance ได้ค่ะ เพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย และคงความใสสุขภาพดีของผิว
หลังฉีดวิตามินผิว ควรดูแลอย่างไรให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ?

การฉีดวิตามินผิว ผลลัพธ์ไม่สามารถอยู่ได้อยู่ถาวรค่ะ เพราะตัวยาวิตามินเป็นอาหารผิวที่สามารถสลายได้หมด โดยไม่ทิ้งสิ่งตกค้างไว้ในร่างกาย แต่สามารถดูแลตัวเองให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้นได้ หากทำตามคำแนะนำหลังทำอย่างถูกต้องค่ะ
ข้อปฏิบัติหลังฉีดวิตามินผิวที่ควรรู้
- หลีกเลี่ยงการนวดหรือขัดถูผิวบริเวณที่ฉีดทันที เพื่อป้องกันการระคายเคือง
- หากมีรอยแดงหรือช้ำเล็กน้อย จากรอยเข็มบริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์ได้
- หากเกิดอาการบวมแดงนานเกิน 1-2 วัน ควรติดต่อคลินิกเพื่อประเมินอาการเพิ่มเติม
- หลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงทุกครั้งก่อนออกแดด
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจลดประสิทธิภาพของวิตามิน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและนำวิตามินไปใช้ได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
- ดื่มน้ำสะอาดปริมาณมาก ๆ เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ดูใสขึ้น และช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย
ฉีดวิตามินผิวที่ไหนดี ? วิธีเลือกคลินิกปลอดภัยที่ควรรู้
การฉีดวิตามินผิวเป็นหัตถการที่ต้องให้สารบำรุงเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรง ดังนั้นการเลือกคลินิกที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ วิธีเลือกคลินิกที่ดีควรพิจารณาจากเกณฑ์ต่อไปนี้ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่คลินิกชั้นนำหลายแห่ง รวมถึง V Square Clinic ที่ใช้ในการดูแลคนไข้ค่ะ
- มีการประเมินสุขภาพเบื้องต้นก่อนฉีด เพื่อเช็กความเหมาะสม ป้องกันความเสี่ยงจากโรคประจำตัว การแพ้วิตามิน หรือภาวะที่ต้องหลีกเลี่ยง
- มีความโปร่งใส เปิดเผยส่วนผสมของวิตามินทุกสูตรอย่างชัดเจน ไม่ปิดบัง และเลือกแนะนำสูตรที่ตรงกับปัญหาผิวหรือสุขภาพของแต่ละคน
- คลินิกต้องได้มาตรฐาน ตรวจสอบได้ มีใบอนุญาต 11 หลักถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมพื้นที่ให้บริการที่สะอาด ปลอดเชื้อ เครื่องมือผ่านการฆ่าเชื้อทุกครั้ง
- มีหลายสาขา เดินทางสะดวก และมีรีวิวจริงจากผู้ใช้บริการจำนวนมาก ช่วยเพิ่มความมั่นใจก่อนตัดสินใจ
- ให้คำแนะนำหลังทำอย่างละเอียด พร้อมติดตามผลเพื่อดูพัฒนาการของผิวและปรับโปรแกรมให้เหมาะสมที่สุด
- มีสูตรวิตามินให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสูตรผิวกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น หรือสูตรฟื้นฟูร่างกายสำหรับคนพักผ่อนน้อย
สรุปฉีดวิตามินผิว ช่วยบำรุงผิวได้จากภายใน
การฉีดวิตามินผิว เป็นอีกหนึ่งวิธีฟื้นฟูผิวจากภายในที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็ว ช่วยให้ผิวดูใส สุขภาพดี และเสริมภูมิคุ้มกันไปพร้อมกันค่ะ แนะนำให้ทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ฉีดวิตามินสม่ำเสมอควบคู่กับการดูแลตัวเอง ผิวจะค่อย ๆ แข็งแรง ชุ่มชื้น และดูใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผิวดูมีออร่า และสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอกค่ะ
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





