คลินิกความงามสปอนเซอร์สุขภาพและการแพทย์

โบท็อก คืออะไร ? ฉีดตรงไหนได้บ้าง ? ใช้กี่ยูนิตถึงเห็นผล ?

โบท็อก คำตอบของคนต้องการลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า

ถ้าอยากให้หน้าเรียวขึ้น ผิวตึงขึ้น ดูอ่อนวัยโดยไม่ต้องผ่าตัด โบท็อก คือหนึ่งในหัตถการที่ตอบโจทย์ที่สุดครับ เพราะช่วยลดริ้วรอย ยกกระชับ และปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ เห็นผลไว และปลอดภัยเมื่ออยู่ในการดูแลของแพทย์มากประสบการณ์

บทความนี้ จะพาไปรู้จักว่า โบท็อกคืออะไร ? ทำงานอย่างไร ? ฉีดตรงไหนได้บ้าง ? เหมาะกับใคร ? และควรเตรียมตัวอย่างไรก่อน-หลังฉีด ?

โบท็อก คืออะไร ? และทำงานอย่างไร ?

โบท็อก คืออะไร ? และทำงานอย่างไร ?

โบท็อก (Botox) คือชื่อทางการค้าของสาร โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) ซึ่งเป็นโปรตีนบริสุทธิ์ที่สกัดจากแบคทีเรีย คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ครับ

สารนี้มีคุณสมบัติช่วยคลายการทำงานของกล้ามเนื้อชั่วคราว จึงนิยมนำมาใช้ในด้านความงาม เช่น ลดริ้วรอยบนใบหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น และยกกระชับผิวให้เต่งตึงโดยไม่ต้องผ่าตัด

หลักการทำงานของโบท็อก คือ เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนัง สารจะออกฤทธิ์ยับยั้งการส่งสัญญาณระหว่างเส้นประสาทกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นคลายตัวลง ผิวที่เคยย่นจากการหดตัวของกล้ามเนื้อจึงดูเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นใน 3-7 วัน เห็นชัดเต็มที่ในช่วง 2 สัปดาห์ถึง 3 เดือน และจะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน โดยขึ้นอยู่กับจุดที่ฉีดและยี่ห้อของโบท็อกที่ใช้ครับ

จุดที่นิยมฉีดโบท็อก และจำนวนยูนิตที่ใช้แต่ละจุด

โบท็อก สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งทั่วใบหน้าและร่างกาย ทั้งเพื่อลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า หรือรักษาปัญหาทางการแพทย์บางอย่าง เช่น เหงื่อออกมาก หรือไมเกรนเรื้อรัง โดยแต่ละจุดจะใช้จำนวนยูนิตไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและผลลัพธ์ที่ต้องการครับ

จุดที่นิยมฉีดโบท็อก และจำนวนยูนิต

1. โบท็อกลดริ้วรอยบริเวณใบหน้า

กลุ่มแรกคือ โบท็อกลดริ้วรอยบริเวณใบหน้า ซึ่งถือเป็นจุดยอดนิยม เพราะริ้วรอยมักเกิดจากการแสดงอารมณ์ซ้ำ ๆ เช่น การยิ้ม ขมวดคิ้ว หรือเลิกคิ้วบ่อย ๆ โดยจุดที่มักนิยมฉีดมีดังนี้ครับ

  • ฉีดโบท็อกหน้าผาก ใช้ประมาณ 30 ยูนิต
    ช่วยลดริ้วรอยแนวนอนบริเวณหน้าผาก ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น
  • ฉีดโบท็อกระหว่างคิ้ว ใช้ประมาณ 25 ยูนิต
    ลดรอยลึกจากการขมวดคิ้ว ช่วยให้ใบหน้าดูผ่อนคลาย ไม่ดุหรือเครียด
  • ฉีดโบท็อกหางตา (ตีนกา) ใช้ประมาณ 25 ยูนิต
    ช่วยลดรอยย่นข้างตาเวลายิ้ม ให้ดวงตาดูสดใส อ่อนเยาว์มากขึ้น

2. โบท็อกปรับรูปหน้า

กลุ่มนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการ ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น หรือแก้ปัญหากล้ามเนื้อใหญ่ โดยไม่ต้องผ่าตัด เพราะโบท็อกสามารถช่วยให้กล้ามเนื้อบางส่วนคลายตัวและมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียวและมีมิติขึ้นครับ

  • ฉีดโบท็อกกราม (โบท็อกลดกราม หน้าเรียว) ใช้ประมาณ 50-100 ยูนิต
    ช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อกราม เหมาะกับคนที่ใบหน้าดูเหลี่ยมจากกล้ามเนื้อ ไม่ใช่จากกระดูก
  • ฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า ใช้ประมาณ 30-50 ยูนิต
    ช่วยยกกระชับแนวกรามให้คมชัด ลดความหย่อนคล้อยบริเวณคอและแนวกรอบหน้า
  • โบท็อกลดโหนกแก้ม ใช้ประมาณ 25 ยูนิต
    เหมาะกับผู้ที่มีกล้ามเนื้อบริเวณข้างแก้มเด่นเกินไป ทำให้ใบหน้าดูละมุนขึ้น
  • ฉีดโบท็อกปีกจมูก ใช้ประมาณ 25 ยูนิต
    ช่วยลดการบานของปีกจมูกเวลายิ้มหรือพูด ทำให้จมูกดูเรียวเล็กขึ้น
  • โบท็อกรัดแกนจมูก ใช้ประมาณ 25 ยูนิต
    ช่วยให้สันจมูกดูเรียว กระชับขึ้นโดยไม่ต้องศัลยกรรมครับ

3. โบท็อกเพื่อฟื้นฟูผิวและกระชับรูขุมขน

นอกจากลดริ้วรอยหรือปรับรูปหน้าแล้ว โบท็อกยังช่วยให้ผิวเรียบเนียนและกระชับขึ้น ได้ด้วยเทคนิคการฉีดตื้นในชั้นผิว เพื่อควบคุมการทำงานของต่อมไขมันและรูขุมขน

  • โบท็อกกระชับรูขุมขน ใช้ประมาณ 65 ยูนิต
    ช่วยลดความมันส่วนเกินบนใบหน้า ทำให้ผิวดูละเอียดขึ้น แต่งหน้าติดทนนาน และดูสุขภาพดีมากขึ้นครับ

4. โบท็อกรักษาอาการต่าง ๆ

ในกลุ่มนี้เป็นการใช้ โบท็อกเพื่อรักษาปัญหาทางการแพทย์เฉพาะจุด เช่น เหงื่อออกมาก กล้ามเนื้อเกร็ง หรืออาการไมเกรน ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์ครับ

  • ฉีดโบท็อกรักแร้ ใช้ประมาณ 50-100 ยูนิตต่อข้าง
    ช่วยลดการหลั่งเหงื่อและกลิ่นตัว เหมาะกับผู้ที่มีเหงื่อออกมากผิดปกติ
  • โบท็อกลดเหงื่อบริเวณอื่น ๆ เช่น มือหรือเท้า ใช้ประมาณ 50-100 ยูนิต
    ลดอาการเหงื่อออกมาก (ภาวะ Hyperhidrosis) ช่วยเพิ่มความมั่นใจในชีวิตประจำวัน
  • โบท็อกไมเกรน ใช้ประมาณ 100 ยูนิตขึ้นไป
    ใช้ในทางการแพทย์เพื่อบรรเทาอาการปวดไมเกรนเรื้อรัง โดยฉีดบริเวณรอบศีรษะและลำคอ เพื่อคลายกล้ามเนื้อที่กดทับเส้นประสาทครับ

ทั้งนี้ จำนวนยูนิตที่ใช้ในการฉีดโบท็อก ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ลักษณะปัญหา และความต้องการของแต่ละคนครับ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินอย่างละเอียดก่อนฉีด เพื่อกำหนดปริมาณที่พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ใบหน้าไม่แข็ง และปลอดภัยที่สุด

โบท็อก เหมาะกับใคร ? ฉีดได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ?

โบท็อก เหมาะกับใคร

โบท็อก เหมาะกับคนที่มีปัญหาริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า เช่น หน้าผากย่น หางตาเป็นรอย หรือขมวดคิ้วบ่อย รวมถึงผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียว ลดกราม หรือยกกระชับผิวให้ดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องผ่าตัดครับ

โดยสามารถเริ่มฉีดโบท็อกได้ตั้งแต่อายุประมาณ **20 ปีขึ้นไป** เพราะช่วงอายุนั้นกล้ามเนื้อบนใบหน้าเริ่มทำงานมากขึ้น การเริ่มฉีดตั้งแต่เนิ่น ๆ จะสามารถชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้ แต่ควรฉีดในปริมาณที่พอเหมาะและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัยที่สุดครับ

โบท็อก อันตรายไหม ? ฉีดหลายจุดพร้อมกันได้หรือไม่ ?

โบท็อก อันตรายไหม ? รู้ข้อควรระวังก่อนฉีด

การฉีดโบท็อก **ไม่อันตราย**ครับ หากใช้ตัวยาโบท็อกแท้ ฉีดในปริมาณที่เหมาะสม และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์ การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและตรวจสอบแหล่งที่มาของยาได้ เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวยเป็นธรรมชาติ

สามารถฉีดโบท็อกหลายจุดพร้อมกันได้ เช่น ฉีดกราม ริ้วรอย และรักแร้ในครั้งเดียว โดยปริมาณรวมไม่ควรเกิน 300 ยูนิต ต่อครั้ง แต่หากเป็นจุดที่ใช้ปริมาณมาก เช่น น่องหรือต้นแขน ควรแยกทำคนละช่วงเวลา โดยเว้นระยะห่างการฉีดแต่ละครั้งประมาณ 3 เดือน เพื่อป้องกันภาวะดื้อโบท็อกครับ

รู้จักโบท็อกยี่ห้อต่าง ๆ ก่อนฉีด

ก่อนตัดสินใจฉีด โบท็อก ควรรู้ก่อนว่าในตลาดมีหลายยี่ห้อจากหลายประเทศ แต่ละยี่ห้อให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ทั้งความเร็วในการเห็นผล ระยะเวลาที่อยู่ได้นาน รวมถึงราคา ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้แนะนำยี่ห้อที่เหมาะกับปัญหาและงบประมาณของแต่ละคนครับ

โบท็อกอเมริกา Allergan

โบท็อกอเมริกา Allergan

Allergan เป็นแบรนด์โบท็อกต้นตำรับจากอเมริกา ที่ได้รับความนิยมทั่วโลกมายาวนาน มีงานวิจัยรองรับมากกว่า 3,500 ฉบับ จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

จุดเด่นของโบท็อกอเมริกา Allergan

  • ยากระจายตัวแคบ ทำให้ผลลัพธ์แม่นยำ
  • เหมาะกับจุดที่ต้องการความละเอียด เช่น หน้าผาก ตีนกา
  • ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-6 เดือน
  • ให้ผลเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง

เหมาะสำหรับการฉีด ยกกระชับกรอบหน้าและลดริ้วรอยในจุดเล็ก ๆ แต่ต้องฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เพื่อป้องกันผลข้างเคียง เช่น คิ้วกระดกหรือยิ้มแข็งครับ

โบท็อกอังกฤษ Dysport

โบท็อกอังกฤษ Dysport

Dysport เป็นโบท็อกจากประเทศอังกฤษ จุดเด่นคือ ยากระจายตัวกว้าง เหมาะกับการฉีดบริเวณกว้าง ๆ เช่น หน้าผาก หรือแก้ม ช่วยให้ผิวดูตึงกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ข้อดีของโบท็อกอังกฤษ Dysport

  • เห็นผลไวภายใน 3-5 วัน
  • กระจายตัวดีทั่วถึง ไม่เป็นก้อน
  • เหมาะกับการฉีดลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว และยกกระชับทั่วหน้า

อย่างไรก็ตาม เพราะยากระจายตัวได้กว้าง จึงต้องอาศัยแพทย์ที่ชำนาญ เพื่อเลี่ยงปัญหาฉีดผิดตำแหน่ง เช่น ตาตกหรือปากเบี้ยวครับ

โบท็อกเยอรมัน Xeomin

โบท็อกเยอรมัน Xeomin

Xeomin เป็นโบท็อกจากเยอรมนี จุดเด่นคือ ตัวยาบริสุทธิ์สูงมาก ไม่มีสารโปรตีนส่วนเกินที่อาจทำให้ดื้อยาในอนาคต

ข้อดีของโบท็อกเยอรมัน Xeomin

  • ลดโอกาสดื้อยาในระยะยาว
  • ให้ผลดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง
  • เหมาะกับผู้ที่เคยดื้อโบท็อกยี่ห้ออื่นมาก่อน
  • อยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน

ถือเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์เรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องกลัวหน้าตึงครับ

โบท็อกเกาหลี Nabota / Aestox / Neuronox / Inbo

โบท็อกเกาหลี

โบท็อกจากเกาหลีได้รับความนิยมมากในไทย เพราะราคาย่อมเยา เห็นผลไว และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เหมาะกับทั้งมือใหม่และผู้ที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็วครับ

  • Nabota : โบท็อกเกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านการรับรองจาก U.S. FDA (ปี 2018) จุดเด่นคือเห็นผลไวภายใน 3-5 วัน เหมาะกับคนที่ต้องการผลเร่งด่วนก่อนออกงานครับ
  • Neuronox : ใช้สายพันธุ์เดียวกับโบท็อกอเมริกา ทำให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกันแต่ราคาย่อมเยากว่า เหมาะกับการลดกรามหรือริ้วรอยทั่วหน้า
  • Aestox : ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย ตัวยาบริสุทธิ์ถึง 99.5% ลดโอกาสดื้อยา ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและเรียบเนียนครับ
  • Inbo : ผลิตจากเชื้อ Clostridium Botulinum สายพันธุ์สวีเดน มีจุดเด่นที่ความบริสุทธิ์สูง ออกฤทธิ์ไว และผลลัพธ์ดูนุ่มนวล ไม่แข็งตึง

5 วิธีตรวจสอบโบท็อกแท้ก่อนฉีด

วิธีตรวจสอบโบท็อกแท้

ก่อนฉีดโบท็อกทุกครั้ง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นตัวยาแท้ ได้มาตรฐาน และปลอดภัย เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากยาไม่ได้คุณภาพครับ

  1. เช็กเลขทะเบียน อย. : โบท็อกแท้จะต้องมีการรับรองจาก อย. สามารถตรวจสอบเลขทะเบียนได้ เพื่อยืนยันว่าเป็นของแท้จากผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน
  2. เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตถูกต้อง : คลินิกต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล และมีแพทย์อยู่ประจำ เพื่อความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ
  3. โบท็อกแท้ต้องเก็บในอุณหภูมิ 2-8°C : ตัวยาโบท็อกที่มีคุณภาพจะต้องถูกเก็บไว้ในตู้เย็นอุณหภูมิคงที่ หากเก็บผิดวิธีอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง
  4. ลักษณะของโบท็อกแท้ต้องแห้ง ไม่มีน้ำในขวด : โบท็อกแท้จะอยู่ในรูปผงแห้งสีขาว ต้องให้แพทย์ผสมกับน้ำเกลือก่อนฉีดเท่านั้น
  5. ให้แพทย์เปิดขวดใหม่และผสมต่อหน้าคนไข้ทุกครั้ง : เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นตัวยาแท้ ไม่ผ่านการเปิดใช้ซ้ำ และปลอดภัยตลอดกระบวนการฉีดครับ

ข้อควรรู้และการเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อก

เพื่อให้การฉีดโบท็อกปลอดภัย เห็นผลดี และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง ควรเตรียมตัวล่วงหน้าให้พร้อมก่อนเข้ารับบริการ ดังนี้ครับ

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อก

  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกก่อนตัดสินใจ เพื่อเข้าใจหลักการทำงาน ประโยชน์ และข้อควรระวังอย่างถูกต้อง
  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตประกอบการ และแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดโบท็อกโดยเฉพาะ
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นโบท็อกแท้ ผ่านการรับรองจาก อย. เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
  • ให้แพทย์เปิดขวดใหม่และผสมตัวยาโบท็อกต่อหน้า เพื่อความมั่นใจว่ายาที่ใช้เป็นของแท้และสะอาดปลอดเชื้อ
  • งดยากลุ่มที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน หรือสมุนไพรบางชนิด อย่างน้อย 3 วันก่อนฉีด เพื่อป้องกันรอยช้ำ
  • หลีกเลี่ยงการสครับหรือขัดผิวหน้าก่อนฉีด 2-3 วัน เพื่อลดการระคายเคืองและลดโอกาสเกิดรอยแดงหลังทำ
  • ปรึกษาแพทย์ล่วงหน้าหากมีโรคประจำตัว หรืออยู่ระหว่างการใช้ยา เพื่อให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมและวางแผนการฉีดได้อย่างปลอดภัยครับ

หลังฉีดโบท็อก ดูแลตัวเองอย่างไรให้ผลอยู่ได้นาน ?

หลังฉีดโบท็อก ดูแลตัวเองอย่างไร

หลังฉีดโบท็อกแล้ว การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมากครับ เพราะช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้ดีและผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น มาดูวิธีง่าย ๆ ที่ควรทำและไม่ควรทำหลังฉีดกันครับ

  • ควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเบา ๆ ภายใน 1-2 ชั่วโมงแรก เช่น ขมวดคิ้วหรือยิ้มเบา ๆ เพื่อช่วยให้ตัวยากระจายและออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น
  • ควรรับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี เช่น หอยนางรม ถั่ว หรือธัญพืช เพราะสังกะสีช่วยเสริมให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้เต็มประสิทธิภาพ
  • งดนอนราบ นอนคว่ำ หรือก้มศีรษะต่ำกว่าอกอย่างน้อย 3 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเคลื่อนไปยังตำแหน่งอื่น
  • หลีกเลี่ยงความร้อนและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น การซาวน่า อบไอน้ำ หรือออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังฉีด
  • งดอาหารรสจัดและอาหารหมักดอง เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดอาการบวม หรือระคายเคืองบริเวณที่ฉีด
  • งดสูบบุหรี่และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงแรก เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วและช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้นครับ

สรุปโบท็อก ตัวช่วยหน้าเรียว ลดริ้วรอย ดูอ่อนกว่าวัย

การฉีดโบท็อก (Botox) ถือเป็นหัตถการยอดนิยมสำหรับคนที่อยากลดริ้วรอย ยกกระชับ และปรับหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลเร็ว ปลอดภัย และช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่อยากดูดีขึ้นโดยไม่ต้องพักฟื้น

เพียงเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้โบท็อกแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. และให้แพทย์ที่มีประสบการณ์เป็นผู้ฉีด ก็มั่นใจได้ว่าผลลัพธ์จะออกมาสวย ปลอดภัย และอยู่ได้นาน รวมถึงหากดูแลตัวเองก่อน-หลังฉีดอย่างถูกวิธี โบท็อกสามารถเป็นตัวช่วยให้มีใบหน้าที่ดูอ่อนวัย เรียวกระชับ มั่นใจขึ้น และคุ้มค่าแน่นอนครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.vsquareclinic.com/tips/what-is-botox/

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button