คลิปมวลน้ำคลั่ง! พนังกั้นน้ำวัดปราสาทแตก น้ำท่วมเข้าอำเภออินทร์บุรี 300 หลัง

สิงห์บุรีวิกฤต คันกั้นน้ำที่ อ.อินทร์บุรี พังใกล้ 16.40 น. วานนี้ (12 พ.ย.) น้ำเชี่ยวบ่าเข้าชุมชนกว่า 300 หลัง เจ้าหน้าที่เร่งอพยพด่วน เตือนระวังน้ำมุ่งหน้า สภ.อินทร์บุรี
เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเมื่อเวลาใกล้ 16.40 น. วานนี้ (12 พ.ย. 2568) ที่บริเวณ ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี โดย พนังกั้นน้ำ บริเวณหลังวัดปราสาทเกิดพังทลายลงอย่างกะทันหัน
การพังทลายของพนังกั้นน้ำในจุดที่ถูกเรียกว่า “ช่องฟันหลอ” ทำให้มวลน้ำไหลทะลักเข้าสู่ชุมชนอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบราว 300 หลังคาเรือน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสิงห์บุรีรายงานว่า จุดที่พนังแตกคือบริเวณรอยต่อหมู่ 5 และหมู่ 4 ต.อินทร์บุรี ทำให้มวลน้ำทะลักเข้าสู่พื้นที่ ม.5, ม.4 และ ม.3 ก่อนที่แนวกระแสน้ำจะ พุ่งเข้าสู่ที่ว่าการอำเภออินทร์บุรี และสถานีตำรวจภูธรอินทร์บุรี (สภ.อินทร์บุรี)
สื่อกระแสหลักรายงานภาพสถานการณ์น้ำเชี่ยวที่ไหลเข้าท่วมชุมชนวัดปราสาทอย่างฉับพลัน ทำให้หลายครอบครัวต้องเร่งขนย้ายสิ่งของและยานพาหนะแบบฉุกละหุก ขณะที่หน่วยงานท้องถิ่นเร่งเสริมคันดินกันน้ำเฉพาะหน้า
สาเหตุที่มวลน้ำไหลแรงและรุนแรง เนื่องจากปริมาณน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่สูงต่อเนื่อง ได้กดดันแนวคันดิน จนเกิดรอยแตกเป็นปากเปิด ทำให้มวลน้ำบ่าเข้าพื้นที่เร็วกว่าปกติจนชาวบ้านตั้งตัวไม่ทัน
เจ้าหน้าที่ได้ประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ อ.อินทร์บุรี เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ย้ายคนในบ้าน (เด็ก, ผู้สูงอายุ, ผู้ป่วย) ออกจากโซนลุ่มต่ำใกล้แนวพังทันที พร้อมตัดกระแสไฟบริเวณปลั๊กหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าใกล้พื้นน้ำ เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากไฟฟ้า สุดท้ายคือเก็บเอกสารสำคัญและเครื่องใช้จำเป็นใส่ถุงกันน้ำให้พร้อม
ทางด้านของเพจเฟซบุ๊ก อนุวัต จัดให้ ได้เผยแพร่คลิปนาทีเหตุการณ์น้ำทะลักท่วม ทำกระสอบทรายพังแถววัดปราสาท อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เมื่อเวลา 17:30 น. เผยให้เห็นมวลน้ำพลังทำลายมหาศาลพัดพาทุกสิ่งที่กีดขวางลอยมลายหายไปในพริบตา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- น้ำท่วมอยุธยา-อ่างทอง คนพื้นที่รอเจอ “อนุทิน” เหตุคลานออกบ้านทุกวัน-ลั่นมาเอาน้ำไปบ้าง!
- กรมอุตุฯ แจ้ง หนาวจริง 13 พฤศจิกายน 2568 ยอดดอย อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศา
- คลิปนาทีระทึก เครื่องบินทหารตุรกี C-130 หมุนเกลียวโหม่งโลก ไร้ผู้รอดชีวิต
ข้อมูล/ภาพจาก
ติดตาม The Thaiger บน Google News:



