ข่าว

“อนุทิน” ขอโทษสื่อสารผิดพลาด ลั่นไม่มีทางไทยจะเสียดินแดน-อธิปไตย

อนุทิน ขอโทษสื่อสารผิดพลาดเรื่องรุกล้ำเขตแดน ลั่นไม่มีทางไทยจะเสียดินแดน-อธิปไตย ส่วนเรื่องปราสาทตาควาย มีกรอบในการเจรจา

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์บ้านหนองจาน และหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นเมื่อวานนี้ว่า ต้องขอบคุณทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่ลงพื้นที่ไปติดตามดูแลสถานการณ์ ซึ่งถ้าเป็นเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างรัฐต่อรัฐ ยังพอหาทางเจรจากันได้ แต่ถ้าเป็นประชาชนกับประชาชนจะเป็นเรื่องยาก จะทำให้เกิดความสงบ

ซึ่งต้องขอบคุณทุกคนที่คลี่คลายสถานการณ์ และบริหารสถานการณ์ผ่านไปด้วยดี รวมถึงนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ที่ไปแสดงจุดยืนบริเวณพื้นที่ ขอยืนยันว่า เราจะใช้วิธีการทุกอย่าง ทั้งด้านความมั่นคง การเจรจาตามกรอบ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC, คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC ที่จะทำให้ประเทศไทยผ่านพ้น และเกิดสันติสุข สันติภาพในประเทศไทย

นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนที่มีการพูดถึงเรื่องรุกล้ำเขตแดน ตนต้องขออภัยพี่น้องประชาชนจริง ๆ ตนโทษตัวเองว่า มีความผิดพลาด และบกพร่องในเรื่องของการสื่อสารต่อประชาชน และจะระมัดระวังไม่ให้เกิดความบกพร่องในการสื่อสารเกิดขึ้นอีก ในอนาคต

“ผมต้องขออภัยที่ทำให้หลายท่าน เกิดความระแวงสงสัย แต่ขอยืนยันว่า ไม่มีทางที่ประเทศไทยเราจะเสียดินแดน เสียอธิปไตย เสียเกียรติภูมิ เสียศักดิ์ศรี และพี่น้องประชาชนทุกคนต้องมีความปลอดภัย จากข้อพิพาทระหว่าง 2 ประเทศ ผมจะไม่ยอมให้เกิดความสูญเสีย เพิ่มขึ้นอีกเป็นอันขาด” นายกรัฐมนตรี กล่าว

กัมพูชาถอนจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ออกจากพื้นที่ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เราลงนามกับเขา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และทั้ง 2 ประเทศแสดงเจตนารมณ์ต่อกัน โดยถอดรถถังฝ่ายละ 2 คัน ที่ต่างคนต่างปฏิบัติ และฝ่ายกองทัพของทั้ง 2 ประเทศได้มีการเจรจากันอยู่ตลอดเวลา ในการกำหนดมาตรการ และวิธีการ ที่จะถอนอาวุธ รวมถึงการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งมีความอันตราย จึงต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยคำนึงถึงปฏิญญาที่เราลงนามกันไว้ ซึ่งมีทั้งโลกเป็นสักขีพยาน ดังนั้นทุกคนต้องพยายามทำตามข้อกำหนด

เมื่อถามถึงกรณีตอนนี้กองทัพก็ถูกโจมตีโดยเฉพาะจากคณะกรรมาธิการทหาร กรณีจัดซื้อยุทธภัณฑ์เสื้อเกราะ ที่ต้องไปพึ่งมูลนิธิ กันจอมพลัง ช่วยสู้ นายอนุทิน กล่าวว่า งบของกระทรวงกลาโหมในแต่ละปีอยู่ในระดับต้น ๆ แต่นี่คือ รูปแบบของประเทศไทย แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ นี่คือ พลังของคนไทย ที่เรารักษาอธิปไตยมาได้นาน รบกับใครก็ไม่มีทางแพ้ก็มาจากประชาชนของเรา ที่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดข้อพิพาทกับใคร คนไทยจะรวมหัวใจเป็นหนึ่งเดียว ใครมีอะไรพร้อมที่จะนำมาช่วย และไม่เคยได้ยินว่า กองทัพออกไปขอการบริจาคยุทธภัณฑ์ หรืออะไรต่าง ๆ เพราะไม่มีงบประมาณ

เมื่อถามว่า มีความกังวลจากประชาชนว่า ไทยจะเสียปราสาทตาควาย นายอนุทิน กล่าวว่า เรามีกรอบในการเจรจา ซึ่งเป็นวิธีที่มีมาแต่เดิม และการลงนามในปฏิญญาก็ถือเป็นการกำหนด ที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า เราจะกลับมายึดกรอบการเจรจา

เมื่อถามถึง ความชัดเจนเรื่องการเปิดด่านชายแดน หลังมีกระแสข่าวว่า มีความพยายามที่จะเปิดด่าน ซึ่งได้คุยกับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาอย่างไรบ้าง นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้คุย และนายกรัฐมนตรีกัมพูชาก็ไม่ได้ยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมา ขอยืนยันอีกครั้งเรื่องการเปิดด่านว่า ถ้ารัฐบาลจะเปิดด่าน ต้องขอประชาชนก่อน จะได้ไม่ต้องพูดกันอีก และคิดว่า มาถึงจุดที่รัฐบาลต้องฟังประชาชนในเรื่องการเปิดด่าน และเราจะไม่เปิดด่านจนกว่า จะมั่นใจว่า ภัยต่อความมั่นคงลดลงไป จนเราวางใจ และควบคุมได้

ส่วนประเด็นเรื่องของเชลยศึก ที่จะขอลี้ภัยในประเทศไทย นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในปฏิญญา ซึ่งเราเป็นผู้กำหนด โดยจะประเมินว่า ถ้าฝ่ายกัมพูชาให้ความร่วมมือ และมีเจตนารมณ์ที่ดี ก็จะพิจารณาโดยไม่มีการกำหนดเรื่องกรอบระยะเวลา และไม่อยากให้ใช้คำว่า เชลยศึก แต่เอาเป็นว่า เป็นผู้ถูกควบคุมตัวไว้ ส่วนเรื่องของการลี้ภัย ก็มีกฎกติกาสากลกำหนดไว้อยู่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่อยากให้เอาชีวิตคนมาเป็นตัวประกัน โดยเราต้องดู และประเมินสถานการณ์ ก่อนที่จะพิจารณา โดยเราเป็นผู้ตัดสินใจ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Nateetorn S.

ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button