
แรร์เอิร์ธ คืออะไร แร่หายาก ขุมทรัพย์แห่งศตวรรษที่ 21 อาวุธชิ้นใหม่ของประเทศไทย ในสงครามการค้าโลก ของไทย อยู่ที่ไหนบ้าง
ในมือของคุณตอนนี้ อาจมีสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่กุญแจรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อุปกรณ์เหล่านี้ทำงานได้เพราะส่วนผสมลับที่เรียกว่า แรร์เอิร์ธ (Rare-Earth Elements หรือ REE)
นี่คือกลุ่มธาตุ 17 ชนิด ที่เปรียบเหมือนไฟฟ้าสำหรับโลกสมัยใหม่ หากขาดไป เทคโนโลยีที่เราคุ้นเคยอาจหยุดชะงัก แต่แร่เหล่านี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ ปัจจุบันเกือบ 90% ของกระบวนการแปรรูปทั้งหมด ถูกควบคุมโดยประเทศเดียวคือจีน ทำให้แรร์เอิร์ธไม่ได้เป็นเพียงสินแร่ แต่กลายเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ในเกมการเมืองโลก
สิ่งแรกที่ต้องรู้คือชื่อของ แรร์เอิร์ธ เป็นการเรียกชื่อที่ผิด เพราะมันแปลว่า แร่หายาก
แต่ความจริงแล้ว พวกมันไม่ได้ “หายาก” เลย ซีเรียม (Cerium) ซึ่งเป็นหนึ่งในแรร์เอิร์ธ มีปริมาณมากในเปลือกโลกมากกว่าทองแดงเสียอีก แต่ปัญหาคือ พวกมันไม่ได้อยู่รวมกันเป็นก้อนเหมือนแร่ทองคำหรือเหล็ก ธาตุทั้ง 17 ชนิดนี้มักกระจัดกระจายปะปนกันเป็นสิ่งเจือปนเล็กน้อยในแร่ชนิดอื่น
การจะสแร่ออกมาให้บริสุทธิ์ ต้องขุดแร่จำนวนมหาศาลมาผ่านกระบวนการทางเคมีที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง คำว่า “หายาก” ในยุคที่ค้นพบ จึงหมายถึง ยากที่จะแยก ส่วนคำว่า “เอิร์ธ” เป็นคำโบราณที่นักเคมีใช้เรียก “ออกไซด์” ซึ่งเป็นรูปแบบทางเคมีที่มักพบแร่เหล่านี้
17 ธาตุ แรร์เอิร์ธ มหัศจรรย์ มีอะไรบ้าง
กลุ่มแรร์เอิร์ธประกอบด้วยธาตุ 17 ตัว ได้แก่ แลนทาไนด์ 15 ตัว (เลขอะตอม 57-71) บวกกับสแกนเดียม (Scandium) และอิตเทรียม (Yttrium) ซึ่งมักพบในแหล่งแร่เดียวกันและมีคุณสมบัติทางเคมีคล้ายกัน
สิ่งที่ทำให้พวกมันมีค่ามหาศาลคือคุณสมบัติทางเคมีที่แทบจะเหมือนกัน จนแยกไม่ออก แต่ในทางกลับกัน คุณสมบัติทางอิเล็กทรอนิกส์และแม่เหล็กของแต่ละตัวกลับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมาก
- นีโอไดเมียม (Neodymium – Nd) หัวใจของแม่เหล็กถาวรที่ทรงพลังที่สุดในโลก (NdFeB) ใช้ในมอเตอร์รถยนต์ EV, กังหันลม, ฮาร์ดดิสก์ และหูฟัง
- ยูโรเพียม (Europium – Eu) ให้แสงสีแดงสดในจอทีวีและหลอดไฟ LED
- เทอร์เบียม (Terbium – Tb) ให้แสงสีเขียวในจอภาพ
- แลนทานัม (Lanthanum – La) ใช้ในเลนส์กล้องคุณภาพสูงและกล้องส่องทางไกล
- ซีเรียม (Cerium – Ce) ใช้เป็นสารขัดเงากระจก และตัวเร่งปฏิกิริยาในท่อไอเสียรถยนต์

การเดินทาง 100 ปี การค้นพบแรร์เอิร์ธ
เริ่มต้นในปี 1787 ที่หมู่บ้านเล็กๆ ชื่อ อิตเทอร์บี (Ytterby) ในสวีเดน ร้อยโท คาร์ล อาร์เรเนียส พบแร่สีดำประหลาดในเหมืองหิน แร่นี้ถูกส่งต่อไปให้ โยฮัน กาโดลิน นักเคมีชาวฟินแลนด์ เขาค้นพบ “ออกไซด์” ใหม่และตั้งชื่อว่า “อิตเทรีย” (Yttria) ตามชื่อหมู่บ้าน
จากจุดนั้น นักเคมีใช้เวลานานกว่าหนึ่งศตวรรษในการแยกส่วนแร่ที่ดูเหมือนเป็นเนื้อเดียวกันนี้
ยุคแห่งการแยกส่วน (1794–1878) นักเคมีค่อยๆ สกัดธาตุใหม่ๆ ออกมาจากแร่ ซีเรีย และ อิตเทรีย ที่ค้นพบในตอนแรก เช่น แลนทานัม, เออร์เบียม, เทอร์เบียม
ยุคสเปกโตรสโกปี (1879–1930s) ใช้เทคโนโลยีสเปกตรัมแสง ทำให้นักวิทยาศาสตร์เห็น “เส้นสเปกตรัม” ใหม่ๆ นำไปสู่การค้นพบ ยูโรเพียม, กาโดลิเนียม และอื่นๆ
การปฏิวัติ (1940s) จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในโครงการแมนฮัตตัน (โครงการสร้างระเบิดนิวเคลียร์) แฟรงก์ สเปดดิง พัฒนากระบวนการ “แลกเปลี่ยนไอออน” (ion exchange) เพื่อแยกพลูโตเนียมออกจากยูเรเนียม เทคนิคนี้ถูกนำมาใช้กับแรร์เอิร์ธ ทำให้สามารถแยกธาตุทั้ง 17 ชนิดออกจากกันได้อย่างมีประสิทธิภาพในระดับอุตสาหกรรมเป็นครั้งแรก

สมรภูมิแรร์เอิร์ธ ทำไม “จีน” ถึงกุมอำนาจโลก?
ในอดีต สหรัฐอเมริกาเคยเป็นผู้ผลิตแรร์เอิร์ธรายใหญ่ที่สุดในโลกจากเหมืองเมาน์เทนพาส ในแคลิฟอร์เนีย แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปในทศวรรษ 1990
เติ้ง เสี่ยวผิง อดีตผู้นำจีน เคยกล่าวไว้ในปี 1980 ว่า “ตะวันออกกลางมีน้ำมัน จีนมีแรร์เอิร์ธ”
จีนเริ่มทุ่มตลาดด้วยแรร์เอิร์ธราคาถูก ประกอบกับกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่หละหลวม ทำให้เหมืองในประเทศอื่นรวมถึงเมาน์เทนพาส ไม่สามารถแข่งขันได้และต้องปิดตัวลง
ปัจจุบัน สถานการณ์กลับตาลปัตร ข้อมูลปี 2025 จีนผลิตแรร์เอิร์ธประมาณ 70% ของโลก ผูกขาดกระบวนการแปรรูป (การแยกธาตุ) ที่ซับซ้อน ก่อมลพิษสูงไว้เกือบ 90% ของโลก นั่นหมายความว่า แม้แต่แร่ที่ขุดได้ในสหรัฐฯ หรือออสเตรเลีย ก็ยังต้องส่งไปแปรรูปขั้นสุดท้ายที่จีนอยู่ดี
จีนใช้ความได้เปรียบนี้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมืองหลายครั้ง เช่น ปี 2010 จีนระงับการส่งออกแรร์เอิร์ธไปยังญี่ปุ่นชั่วคราว ท่ามกลางข้อพิพาทเรื่องดินแดน ปี 2025 ระหว่างสงครามการค้ากับสหรัฐฯ จีนจำกัดการส่งออกแรร์เอิร์ธชนิดหนัก (HREE) ตอบโต้ที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษี
การกระทำของจีนทำให้โลกตะวันตกตื่นตัว สหรัฐฯ, สหภาพยุโรป, ญี่ปุ่น ต่างพากันฟ้องจีนต่อองค์การการค้าโลก (WTO) และชนะคดีในปี 2014 บีบให้จีนยกเลิกโควตาส่งออก แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว โลกตะวันตกสูญเสียองค์ความรู้และห่วงโซ่อุปทานในการแปรรูปไปเกือบหมด
ขณะนี้ ทั่วโลกกำลังเร่งสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งพาจีน เช่น สหรัฐอเมริกา พยายามฟื้นฟูเหมืองเมาน์เทนพาส และค้นพบแหล่งแร่ใหม่ขนาดมหึมาในไวโอมิง (ปี 2024) ออสเตรเลีย บริษัท Lynas เป็นผู้ผลิตรายใหญ่นอกประเทศจีน ปัจจุบันกำลังสร้างโรงงานแปรรูปในออสเตรเลียและสหรัฐฯ บราซิล มีแหล่งสำรองใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เริ่มมีการลงทุนอย่างจริงจังในปี 2025 สวีเดน ค้นพบแหล่งแรร์เอิร์ธที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เมื่อปี 2023
ในเดือนตุลาคม 2025 สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ได้ลงนามข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ เพื่อทุ่มงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ สร้างโครงการแรร์เอิร์ธและแร่สำคัญอื่นๆ ร่วมกัน
ทรัมป์ ขู่กำแพงภาษี 100% ตอบโต้จีนคุม แรร์เอิร์ธ-ชะตาโลกแขวนบนเส้นด้าย
ไทยลงนาม MOU แรร์เอิร์ธกับสหรัฐฯ
เรื่องใหญ่ที่สุดคือ รัฐบาลไทย โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามใน “บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญของโลก” กับ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ท่ามกลางการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สหรัฐฯ พยายามลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานแรร์เอิร์ธจากจีน
ทันทีที่มีข่าว MOU นี้ ได้เกิดข้อถกเถียงและเสียงวิจารณ์อย่างหนัก ฝ่ายค้านและนักวิชาการแสดงความกังวลว่าไทย “ยังไม่พร้อม” สำหรับการให้สัมปทานเหมืองแรร์เอิร์ธ เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายเฉพาะ กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม หรือเทคโนโลยีที่รัดกุมพอ มีความกลัวว่าจะซ้ำรอยมลพิษร้ายแรงเหมือนที่เกิดขึ้นในเมียนมา
ขณะที่ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายธนกร วังบุญคงชนะ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ออกมาชี้แจงย้ำว่า MOU ฉบับนี้ “ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย” เป็นเพียงกรอบความร่วมมือเพื่อการศึกษา สามารถยกเลิกได้ และไม่ได้เป็นการลักไก่ ผ่านมติ ครม. นัดพิเศษ
ไทยติดอันดับ 6 ผู้ผลิตแรร์เอิร์ธโลก ในไทยอยู่ที่ไหน
มีข้อมูลที่น่าสนใจจากรายงานของ USGS (สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ) ระบุว่า ในปี 2024 ประเทศไทยกลายเป็นผู้ผลิตแรร์เอิร์ธ มากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก โดยมีปริมาณการผลิตเกือบ 13,000 เมตริกตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 261% จากปีก่อนหน้า
ประเทศไทยพบว่าแหล่งแร่เหล่านี้กระจายตัวอยู่ทางฝั่งตะวันตกของประเทศ ตั้งแต่ภาคเหนือจรดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัด เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ อุทัยธานี กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และสุราษฎร์ธานี
10 ประเทศที่มี แร่แรร์เอิร์ธ มากที่สุดในโลก
| อันดับ | ประเทศ | ปริมาณสำรอง (ล้านตัน) |
|---|---|---|
| 1 | จีน | 44 |
| 2 | บราซิล | 21 |
| 3 | อินเดีย | 6.9 |
| 4 | ออสเตรเลีย | 5.7 |
| 5 | รัสเซีย | 3.8 |
| 6 | เวียดนาม | 3.5 |
| 7 | สหรัฐอเมริกา | 1.9 |
| 8 | กรีนแลนด์ | 1.5 |
| 9 | แทนซาเนีย | 0.9 |
| 10 | แอฟริกาใต้ | 0.9 |

ราคาที่โลกต้องจ่าย ฝันร้ายด้านสิ่งแวดล้อม
ความมหัศจรรย์ของแรร์เอิร์ธต้องแลกมาด้วยต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมที่น่าสะพรึงกลัว การสกัดแรร์เอิร์ธ 1 ตัน ก่อให้เกิดของเสียประมาณ 2,000 ตัน ของเสียเหล่านี้ไม่ได้เป็นพิษธรรมดา แต่ยังปนเปื้อน สารกัมมันตรังสี อย่าง ทอเรียม และยูเรเนียม ซึ่งมักพบร่วมกับแรร์เอิร์ธเสมอ
เหมืองบายัน โอโบ ในมองโกเลียใน ประเทศจีน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตแรร์เอิร์ธที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้สร้างมลพิษกัมมันตรังสีและสารเคมีรุนแรงลงสู่แหล่งน้ำใต้ดินและผืนดินโดยรอบอย่างมหาศาล กระบวนการแยกแร่ยังต้องใช้กรดเข้มข้นจำนวนมาก ซึ่งมักรั่วไหลปนเปื้อนสิ่งแวดล้อม ทำลายพื้นที่เกษตรกรรมและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





