เล่าประวัติ ‘พระที่นั่งพิมานรัตยา’ จาก ‘ห้องบรรทม’ ส่วนพระองค์ สู่ ‘ที่สรงน้ำพระบรมศพ’ แห่งราชวงศ์

เล่าประวัติ ‘พระที่นั่งพิมานรัตยา’ จาก ‘ห้องบรรทม’ ส่วนพระองค์ สู่ ‘สังเวชนียสถาน’ แห่งราชวงศ์
สถาปัตยกรรมในพระบรมมหาราชวัง หลายคนอาจสับสน เพราะมีพระที่นั่งหลายองค์ที่ชื่อคล้ายกัน หรือแม้แต่ชื่อซ้ำกัน ทั้งไม่บ่อยนักที่ประชาชนจะมาโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมด้วยตาตัวเอง
สำหรับ “พระที่นั่งพิมานรัตยา” เองมีอยู่ 2 แห่ง แห่งหนึ่งอยู่ที่พระราชวังจันทรเกษม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4) ส่วนอีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่ใน พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพระที่นั่งที่ ไทยเกอร์เราจะมาไขรหัสเรื่องราวกันในวันนี้ เพราะเป็นสถานที่ สรงน้ำพระบรมศพ สมเด็จพระพันปีหลวง
พระที่นั่งองค์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด จากจุดเริ่มต้นที่เป็น “ห้องบรรทม” ส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ ได้เปลี่ยนกลายเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพระราชพิธีของผู้วายชนม์
ที่มา พระที่นั่งพิมานรัตยา สร้างมาตั้งแต่ครั้งสร้างกรุงรัตนโกสินทร์
พระที่นั่งพิมานรัตยา ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เชื่อมต่อถึงกันด้วยมุขกระสัน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างขึ้นพร้อมกับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
ตำนานเล่าว่า ในวันอาทิตย์ เดือนเจ็ด ขึ้นหนึ่งค่ำ พ.ศ. 2332 ได้เกิดเหตุการณ์ “อสุนีบาต” หรือฟ้าผ่า ตกต้องหน้ามุขเด็จของพระมหาปราสาทองค์เดิมในพระบรมมหาราชวัง (พระนามว่า พระที่นั่งอมรินทราภิเษกมหาปราสาท) เพลิงได้ลุกลามไหม้เครื่องบน หลังคา ตลอดจนองค์พระมหาปราสาทจนหมดสิ้น ได้สร้างสุญญากาศ ณ ศูนย์กลางเชิงพิธีกรรมของราชธานีที่เพิ่งสถาปนา
เพื่อตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้รื้อซากอาคารเดิม แล้วสร้างหมู่พระมหาปราสาทขึ้นใหม่ทั้งหมด
การก่อสร้างครั้งนี้มิใช่การจำลองของเดิม แต่เป็นการออกแบบเชิงสถาปัตยกรรมใหม่ พระมหาปราสาทองค์เดิมมีมุขด้านหลังยาวลึกเข้าไปเชื่อมต่อกับเขตพระราชฐานชั้นใน แต่พระมหาปราสาทองค์ใหม่ ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานนามว่า พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้รับการออกแบบให้มีผังเป็นรูปกากบาท ตั้งอยู่โดดเด่นเป็นประธานสำหรับพระราชพิธีที่เป็นทางการ
การปรับเปลี่ยนผังของพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทให้เป็นอาคารสำหรับพระราชพิธีโดยเฉพาะ ส่งผลให้หน้าที่การใช้งานในฐานะที่ประทับส่วนพระองค์ถูก “แยก” ออกมา
รัชกาลที่ 1 จึงมีพระบรมราชโองการให้สร้างพระที่นั่งองค์ใหม่ขึ้นอีกหนึ่งหลังทางด้านหลังของพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โดยมี “มุขกระสัน” (โถงทางเดินยาว) เชื่อมต่อถึงกัน พระที่นั่งองค์ใหม่นี้ถูกกำหนดให้ทำหน้าที่เป็น “พระวิมานที่บรรทม” สำหรับหมู่พระมหาปราสาท และได้รับพระราชทานนามว่า พระที่นั่งพิมานรัตยา

สุนทรียศาสตร์แห่งวิมาน การจับคู่สัญลักษณ์ ผู้สร้าง กับ ผู้รักษา
พระที่นั่งพิมานรัตยาเป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก่ออิฐถือปูน ทาสีขาว ตั้งอยู่บนฐานยกพื้นสูง ลักษณะเด่นคือมีเสาลอยตั้งเรียงรายโดยรอบเพื่อรองรับชายคา ทำให้เกิดเป็นระเบียงล้อมรอบองค์พระที่นั่ง ช่วยสร้างร่มเงาให้ความรู้สึกโปร่งสบาย
เครื่องหลังคาเป็นองค์ประกอบที่สะท้อนสถาปัตยกรรมไทยชั้นสูง เป็นหลังคาทรงไทยซ้อน 3 ชั้น มุงด้วยกระเบื้องเคลือบสี สันหลังคาประดับด้วยเครื่องลำยองครบถ้วน ทั้งช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์
องค์ประกอบที่โดดเด่นและมีความสำคัญทางสัญลักษณ์มากที่สุดคือ หน้าบันไม้แกะสลัก ซึ่งจำหลักเป็นภาพ ท้าวมหาพรหมประทับบนหงส์ ล้อมรอบด้วยลายกระหนกเครือเถาอย่างวิจิตรบรรจง
การเลือกใช้รูปท้าวมหาพรหมนี้ เป็นการสร้างคู่สัญลักษณ์กับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทอย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท หน้าบันเป็นรูป พระนารายณ์ทรงครุฑ ตามคติไตรมูรติ พระนารายณ์คือ “เทพผู้รักษา” ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของพระมหากษัตริย์ในการปกป้องรักษาความสงบเรียบร้อยของราชอาณาจักร
ขณะที่ พระที่นั่งพิมานรัตยา พื้นที่ส่วนพระองค์/ที่บรรทม หน้าบันเป็นรูป ท้าวมหาพรหมทรงหงส์ ท้าวมหาพรหมคือ “เทพผู้สร้าง” การปรากฏของท้าวมหาพรหมบนพระวิมานที่บรรทม จึงสื่อถึงสัญลักษณ์ที่เป็นส่วนพระองค์ ห้องบรรทมคือพื้นที่แห่งการพักผ่อน การฟื้นฟู และในเชิงสัญลักษณ์คือการ “สร้าง” เสริมพระบารมี

วิวัฒนาการ เมื่อห้องบรรทม ไม่ได้ใช้บรรทม
นับตั้งแต่แรกสร้าง หน้าที่หลักคือการเป็นที่บรรทมของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง เมื่อเสด็จมาประทับ ณ หมู่พระมหาปราสาท มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญคือ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) พระองค์ได้เสด็จมาประทับ ณ พระที่นั่งพิมานรัตยาเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม ในระหว่างการบูรณะหมู่พระมหามณเฑียรครั้งใหญ่
ต่อมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงใช้พระที่นั่งองค์นี้เป็นที่ชุมนุมมหาสมาคมสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายในและข้าราชบริพารฝ่ายใน เข้ารับพระราชทานอิสริยยศและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จุดเปลี่ยนจากการเป็นพื้นที่ส่วนพระองค์โดยสมบูรณ์ มาสู่การเป็นพื้นที่ประกอบพระราชพิธีที่เป็นทางการ แม้จะเป็นการภายในก็ตาม
ปัจจุบัน หน้าที่สำคัญที่สุด เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีสรงน้ำพระบรมศพ สาเหตุเพราะ นับตั้งแต่รัชสมัยรัชกาลที่ 4 และ 5 เป็นต้นมา พระมหากษัตริย์ได้ทรงสร้างและเสด็จไปประทับ ณ หมู่พระที่นั่งและพระราชวังที่สร้างขึ้นใหม่ เช่น หมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท หรือพระที่นั่งวิมานเมฆ
ส่งผลให้พระวิมานที่บรรทมเดิมในหมู่พระที่นั่งเก่าแก่ เช่น พระที่นั่งพิมานรัตยา ไม่ได้ถูกใช้งานเป็นที่ประทับประจำอีกต่อไป
ในขณะเดียวกัน ราชสำนักมีความจำเป็นต้องมีสถานที่ถาวร สง่างาม และถูกต้องตามโบราณราชประเพณี สำหรับประกอบพระราชพิธีแรกอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของงานพระบรมศพ พระที่นั่งพิมานรัตยาซึ่งมีความงดงามทางสถาปัตยกรรม ตั้งอยู่ในเขตศักดิ์สิทธิ์ของหมู่พระมหาปราสาท และไม่ได้ใช้งานเป็นที่ประทับแล้ว จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด
การประกอบพระราชพิธีสรงน้ำพระบรมศพและพระศพที่ผ่านมาในอดีต
- สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (พ.ศ. 2462)
- พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร (พ.ศ. 2489)
- สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (พ.ศ. 2498)
- สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 (พ.ศ. 2527)
- พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (พ.ศ. 2559)
- สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (พ.ศ. 2568)
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เช็ก 18 เส้นทางเดินรถ ขสมก. ประชาชนเข้าร่วมถวายน้ำสรงพระบรมศพ สมเด็จพระพันปีหลวง พระบรมมหาราชวัง
- ข้อปฏิบัติ “เข้าร่วมพิธีถวายน้ำสรงพระบรมศพ” สมเด็จพระพันปีหลวง วิธีเดินทาง
- หน่อย บุษกร ถวายอาลัย สมเด็จพระพันปีหลวง รำลึกความทรงจำครั้ง เข้ารับพระราชทานน้ำสังข์
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





