ข่าว

“มูลนิธิกันจอมพลัง” ตอบทำไมเลือก “มูลนิธิธรรมนัส” แจงเหลือเงินกี่บาท

มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ ตอบทำไมเลือก มูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่า ชี้เป็นเรื่องของกฎหมาย หลังจากนี้จะขึ้นมานั่งเป็นประธานเองเพื่อความโปร่งใส

กัน จอมพลัง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงถึงความโปร่งใสของมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ หลังได้เชิญสื่อมวลชนที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น

โดยนายกัน กล่าวว่า วันนี้ก็เปิดการแถลงชี้แจงในส่วนของคำถามต่างๆที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินบริจาค ยอดเข้ามาเท่าไหร่ เงินไปที่ไหน เราทำอะไรบ้าง เหลือเท่าไหร่ มีการทุจริตไหม มีการทำอะไรที่ไม่ปกติรึเปล่า วันนี้ตัวผมเองมากับท่านประธานมูลนิธิและผู้ทำบัญชี จะมีชี้แจงในส่วนที่หลายคนสงสัย แล้วก็จะมีคำถามจะเสริมให้

ซึ่งประธานมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ ได้กล่าวว่า ต้องขออภัยที่ตอบคำถามช้า จากกระแสสังคมอาทิตย์กว่าๆ คณะทีมงานมีการติดข่าวและดูอยู่เสมอ ต้องบอกจริงๆ ในข้อเท็จจริงในตอนแรกรู้สึกว่าเป็นการตั้งคำถามคุณกัน ในด้านความสัมพันธ์ต่างๆ แล้วก็เรื่องราวต่างๆเลยรู้สึกว่ามูลนิธิไม่ได้ข้องเกี่ยว แต่ในช่วงในสองวันที่ผ่านมา ก็จะได้เห็นคำถามถูกตั้งตรงมายังมูลนิธิโดยตรง และก็เป็นคำถามในสังคมว่าประธานไม่ใช่คุณกัน เรื่องนี้มีอะไรรึเปล่า

จริงๆทีมคณะพร้อมตอบในตัวเลขอยู่แล้ว แต่ทางพี่กันรู้สึกเป็นห่วง เพราะคนในมูลนิธิไม่ใช่คนในสื่อ ตอบคำถามบ่อยๆ กัน เลยเลือกจะตอบเองเสมอมา

เงินตั้งมูลนิธิ 5 แสนบาท ตามข้อกฎหมาย เป็นเงินลงขันทำสิ่งต่างๆเพื่อสังคมตลอด ก็นำเงินตั้งต้นมาตั้งมูลนิธิ เงินเข้าทั้งหมด 207,350,262.4 ปัจจุบันใช้เงินทั้งหมด 117,673,106.02 บาท เงินคงเหลือ 90,177,156.02 บาท แต่ข้อมูลอันนี้ หน้างานยังคงมีดำเนินการกันอยู่ เลขอาจจะแตกต่างกันนิดหน่อย

ส่วนเรื่องเอกสารราชกิจจาฯ เรื่องวันที่ 8 กรกฎาคม จนมีการตั้งคำถามว่ามีการรับเงินก่อนหรือไม่ ในจริงๆแล้วหน้าถัดมา ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ลงมูลนิธิกันจอมพลัง พร้อมที่จะดำเนินตั้งแต่ 5 กุมภาพันธ์ โดยจากเหตุตึกแผ่นดินไหว สตง. ถล่ม ทางมูลนิธิได้เยียวยาผู้เสียหาย 98 ราย ในส่วนตรงนี้ขอชี้แจงว่าไม่มีการเรียกรับก่อนที่มูลนิธิจะจัดตั้งเสร็จ เราเรียกหลังจากนั้น

ประเด็นสำคัญ ในส่วนขอเรื่องข้อที่ 39 ในการเลิกไปขอเลิกมูลนิธิ ในครั้งแรกที่ยื่นเอกสาร ด้วยความเป็นน้องใหม่ จึงคิดว่าทำยังไงให้ตั้งมูลนิธิให้เร็วที่สุด ในช่วงนั้นมีเคสใหญ่มาก เงินเริ่มจะไม่ไหวแล้ว เราจึงอยากเร่งจัดตั้งมูลนิธิให้เร็วที่สุด โดยส่งเอกสารครั้งแรกโดนตีตกกลับมา

อันนี้เนี่ยเป็นข้อบังคับในการจัดตั้งมูลนิธิ ซึ่งเรื่องนี้มีคนเข้าใจผิด เงินที่บริจาคไม่ใช่รายได้ของมูลนิธิ มูลนิธิทำหน้าที่ตามวัตถุประสงค์ เพราะฉะนั้นเมื่อมูลนิธิจดทะเบียนเลิก กฎหมายจึงบังคับให้มูลนิธิหรือหน่วยเงินเข้าจัดการต่อ เพื่อไม่ให้ทรัพย์สินตรงนี้สูญหายไป และถ้ารับต่อไปแล้วไม่สามารถบรรลุจุดประสงค์ได้ก็ให้ตกเป็นแผ่นดินไป ยืนยันว่าทำตามข้อกฎหมายกำหนด และทำให้เกิดความเข้าใจผิด พร้อมระบุด้วยว่าตอนนี้ยังไม่ได้เป็นทรัพย์สินของมูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่า ซึ่งหากทางกระทรวงพบว่ามีมูลนิธิกันจอมพลังโอนให้มูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่าจะมีความผิด ยืนยันว่าไม่ได้มีการโอนให้มูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่า เคยโอนให้มูลนิธิอื่นแค่ 2 มูลนิธิ ทำตามถูกต้องความประสงค์ โดยโอนให้มูลนิธิอาสาเพื่อนยามยาก และมูลนิธิราชประชานุเคราะห์

ซึ่งมูลนิธิที่รับต่อไม่ใช่แค่รับทรัพย์สินไป แต่ต้องรับภารกิจด้วย ณ ขณะนั้นไม่ได้มีความสนิทสนมเป็นพิเศษ จนไปถามว่ามูลนิธิพร้อมทำต่อจากมูลนิธิกันจอมพลังไหม แต่ตรงนั้นมูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่า และเคยทำงานกันมา พร้อมจะยอมรับ จึงเป็นความเหมาะสมที่สุด แต่ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ต้องขออภัย ขอโทษในเรื่องที่ทำให้คิดน้อย ตอนนั้นรีบอยากจะตั้งมูลนิธิให้เสร็จ เพราะมีคนรอความช่วยเหลือเยอะ คิดน้อยไป แล้วคนที่บริจาคมา เขาไม่ได้รู้ถึงตรงนี้ เขาจะรู้สึกอย่างไร เดี๋ยวยังไงก็ต้องมีการปรับแก้ไขออกไป

ตอนนี้มีการพูดคุยกับทุกคนกับมูลนิธิ ตอนนี้อย่างเหตุผลท่านประธานพูดคือเรา “รีบ” ไม่มีอะไรเลย ไม่คิดว่าจะมีปัญหาแบบนี้ ยืนยันว่ามูลนิธิไม่มีเจตนาเอาเงินไปให้ใคร ยืนยันว่าไม่มีเงินให้มูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่า ยอมรับว่าคิดน้อย คุยกันแล้วประสานเราจะเปลี่ยนเป็นข้อ 39 เป็นมูลนิธิความมั่นคงมากๆอื่น หลังจากนี้จะสามารถตรวจสอบได้ว่าเราเปลี่ยนไปที่มูลนิธิใด

มูลนิธิมี book bank 2 เล่ม ตอนนั้นคิดว่าเผื่อจะแบ่งเคสกันทำงาน แต่พอคุยกันแล้ว การที่เป็นบัญชีเดียวจะง่ายต่อการตรวจสอบ เงินเข้าออกทางเดียว และกฎข้อสำคัญไม่มีการเบิกถอนเงินสด เบื้องต้นการถอนเงินจากธนาคาร จะต้อง 2 ใน 3 คณะกรรมการร่วมเบิกเงินในวันนั้น พร้อมยืนยันว่าไม่พบการเบิกถอนเงินสดตามกระแสข่าว มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้จะไม่มีการถอนเงินสด เพราะอาจจะทุจริตได้ อาจจะมีปัญหาตามมาในอนาคตได้ คนที่พูดว่ากดเงินสดออก อยากให้แสดงหลักฐาน

กัน จอมพลัง ยังกล่าวอีกเรื่องของไม่ได้เป็นประธานหรือกรรมการ ก็เพื่อที่ว่าวันไหนตนไม่อยู่บนโลกแล้ว ชื่อของกันจอมพลัง ก็จะได้ช่วยเหลือคนอื่นได้ อีกอันในมุมที่ที่คิดคือ การที่ตนไม่มีอำนาจ จะเป็นความโปร่งใส อาจจะคิดต่างจากหลายๆคน วันนี้หลานท่านอยากให้ผมนั่งเป็นประธานหรือกรรมการ เดี๋ยวผมจะมานั่งเอง ถ้าเราไม่โปร่งใส เดี๋ยวผมมานั่งเอง ไม่ใช่ว่าประธานไม่เก่งนะ เขามีศักยภาพมาก แต่เดี๋ยวผมมานั่งเอง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Nateetorn S.

ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button