ข่าวการเมือง

เอกสารลับหลุด! “ทวี” เคยลงนามชง ยกฎีกา อภัยโทษ “ทักษิณ” รอบ 2

เปิดเอกสารลับสะเทือนการเมือง ก.ยุติธรรม เสนอความเห็นตีตกคำร้องขออภัยโทษครั้งที่ 2 ของทักษิณ ชี้ติดเงื่อนไขคำสั่งศาลฎีกาและกฎหมายห้ามยื่นซ้ำ ล่าสุดเรื่องถูกตีกลับให้ รมว.คนปัจจุบันทบทวน

กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองอีกครั้ง เมื่อสำนักข่าว PPTV HD 36 มีการเผยแพร่เอกสารลับ ของกระทรวงยุติธรรม ที่ลงนามโดย พล.ต.อ.ทวี สอดส่อง ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการฯ ซึ่งเสนอความเห็นให้ ยกฎีกา หรือตีตกคำร้องขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 ของ นายทักษิณ ชินวัตร

เอกสารลงวันที่ 23 กันยายน 2568 ให้เหตุผลว่า เนื่องจากศาลฎีกาฯ มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ให้นายทักษิณต้องรับโทษจำคุกเพิ่มอีก 1 ปี ซึ่งเป็นโทษต่อเนื่องจากคดีเดิม ทำให้คำร้องครั้งนี้ไม่เข้าเกณฑ์ตามกฎหมาย

นอกจากนี้ อ.อาจารย์วัส ติงสมิตร ได้โพสต์เฟซบุ๊กอธิบายในประเด็นเรื่องการอภัยโทษครั้งที่ 2 นี้ว่า “เมื่อวานนี้ (ที่ 2 ตุลาคม 2568) มีรายงานข่าวว่า ทักษิณ ทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งกลับให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนใหม่ทบทวน

รมว.ยุติธรรมคนใหม่ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนว่า กรณีนายทักษิณ ชินวัตร ทูลเกล้าฯ ขออภัยโทษครั้งที่ 2 รมว.ยุติธรรมคนเก่าได้เสนอไปที่ สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แต่ตอนนี้เรื่องได้กลับมาที่กระทรวงยุติธรรมแล้ว ซึ่งตนได้มอบหมายให้ปลัด ยธ. ไปตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อช่วยดูเรื่องข้อกฎหมาย แล้วประมวลเรื่องเสนอขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งภายใน 3 วัน ซึ่งจะครบประมาณวันศุกร์ที่ 3 ต.ค. หรือวันจันทร์ที่ 6 ต.ค. จึงจะมีการรายงานมาให้ตนทราบอีกครั้ง แล้วค่อยนำเสนอกลับไปที่ สลค. ใหม่อีกครั้ง

ผู้เขียนพิจารณาแล้ว มีความเห็นดังนี้

1)การพระราชทานอภัยโทษทรงเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ (มาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญ 2560)

2) เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ผู้ต้องคำพิพากษาให้รับโทษอย่างใด ๆ หรือผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้อง มีสิทธิทูลเกล้าฯ ถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์ขอรับพระราชทานอภัยโทษ โดยจะยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ได้ (มาตรา 259 แห่ง ป.วิ.อาญา)

3) ผู้ถวายเรื่องราวซึ่งต้องจำคุกอยู่ในเรือนจำสามารถยื่นเรื่องราวต่อพัศดีหรือผู้บัญชาการเรือนจำได้ เมื่อได้รับเรื่องราวนั้นแล้ว ให้พัศดีหรือผู้บัญชาการเรือนจำออกใบรับให้แก่ผู้ยื่นเรื่องราว แล้วให้รีบส่งเรื่องราวนั้นไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (มาตรา 260)

4) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่ถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์พร้อมทั้งถวายความเห็นว่าควรพระราชทานอภัยโทษหรือไม่

ในกรณีที่ไม่มีผู้ใดถวายเรื่องราว ถ้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเห็นเป็นการสมควร จะถวายคำแนะนำต่อพระมหากษัตริย์ขอให้พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องคำพิพากษานั้นก็ได้ (มาตรา 261)

5) เรื่องราวหรือคำแนะนำขอพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องคำพิพากษาให้ประหารชีวิต ให้ถวายได้แต่ครั้งเดียวเท่านั้น (มาตรา 262 วรรคสอง)

6) เรื่องราวขอพระราชทานอภัยโทษอย่างอื่นซึ่งมิใช่โทษประหารชีวิต ถ้าถูกยกหนหนึ่งแล้ว จะยื่นใหม่อีกไม่ได้จนกว่าจะพ้น 2 ปีนับแต่วันถูกยกครั้งก่อน (มาตรา 264)

7) การขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณครั้งนี้เกิดจากการที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไต่สวนและมีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ว่า การบังคับโทษจำคุกนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นายทักษิณต้องรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาต่อไปอีก 1 ปี นับแต่วันที่ 9 กันยายน 2568

โทษจำคุก 1 ปี ของนายทักษิณจึงเป็นโทษอันเกิดจากการกระทำความผิดในคดีเดิม 3 คดี ซึ่งมีโทษจำคุกรวม 8 ปี โดยนายทักษิณได้ขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย และได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณอภัยลดโทษเหลือจำคุกต่อไปอีก 1 ปี ไม่ใช่การลงโทษจากการกระทำความผิดครั้งใหม่ จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะขอพระราชทานอภัยโทษตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 260

นักโทษที่จะขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 จากการกระทำความผิดครั้งเดียวกันได้ก็แต่เฉพาะการขอครั้งแรกถูกยก และจะมีสิทธิยื่นขออีกก็ต่อเมื่อพ้น 2 ปีนับแต่วันถูกยกครั้งก่อน (มาตรา 264)

นอกจากข้อกฎหมายจะไม่เอื้อให้ขอพระราชทานอภัยโทษได้แล้ว เมื่อพิจารณาถึงพฤติการณ์ที่นายทักษิณทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษครั้งก่อนเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 ซึ่งต่อมาศาลฎีกาวินิจฉัยสรุปได้ว่า นายทักษิณไม่ได้ป่วยจนถึงขนาดต้องออกไปรักษานอกเรือนจำ โดยไปอยู่ที่ชั้น 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา ในบริเวณโรงพยาบาลตำรวจ การบังคับโทษจำคุกนายทักษิณจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

และนายทักษิณก็อาจถูกดำเนินคดีอาญาร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบังคับโทษจำคุกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายครั้งนี้ด้วย

ยิ่งไม่มีเหตุที่จะยื่นเรื่องราวขอพระราชทาอภัยโทษอีกครั้ง ทักษิณจึงยื่นขออภัยโทษครั้งที่ 2 ในความผิดที่ไ้ด้รับอภัยลดโทษมาแล้วอีกครั้งไม่ได้

8)แต่ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (คนเก่า) มีหนังสือลงวันที่ 24 กันยายน 2568 ความยาว 11 หน้า กราบเรียนนายกรัฐมนตรีว่า นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณฯ ได้ยอมรับคำพิพากษาของศาลฎีกาโดยยินยอมเดินทางกลับมารับโทษ และมีคุณงามความดีขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยการดำเนินการโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนหลายโครงการ แต่อย่างไรก็ดี เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งคดีหมายเลขแดงที่ บค 1/2568 ลงวันที่ 9 กันยายน 2568 ให้จำคุกนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณฯ 1 ปี จึงเห็นควรยกฎีการายนี้เสีย ตามที่กรมราชทัณฑ์เสนอ จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา และนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทในโอกาสอันควรนั้น

ดูเหมือนว่า กระทรวงยุติธรรมยังกั๊กๆ ในข้อกฎหมายอยู่”

ล่าสุด พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนปัจจุบัน ยืนยันว่าเอกสารดังกล่าวถูกส่งกลับมาจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จริง เพื่อให้กระทรวงฯ ทบทวนข้อกฎหมาย โดยตนได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน ก่อนจะเสนอเรื่องกลับไปยัง สลค. อีกครั้ง

ประเด็นข้อกฎหมายที่เป็นหัวใจของเรื่องนี้คือ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 264 ที่กำหนดว่า การยื่นขออภัยโทษซ้ำในคดีเดิมจะทำได้ก็ต่อเมื่อคำร้องแรก ‘ถูกยก’ และต้องเว้นระยะเวลา 2 ปี แต่กรณีของนายทักษิณ คำร้องครั้งแรกได้รับการ ‘พระราชทานอภัยลดโทษ’ ไปแล้ว จึงถูกตีความว่าไม่เข้าเงื่อนไขที่จะยื่นซ้ำได้

การเปิดเผยเอกสารลับครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สำนักข่าวต่างประเทศอย่าง Reuters เพิ่งรายงานเมื่อไม่กี่วันก่อนว่าทนายความของนายทักษิณได้ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 จริง ซึ่งเอกสารที่หลุดออกมานี้ก็ได้เผยให้เห็นถึงกระบวนการพิจารณาภายในของรัฐบาลเป็นครั้งแรก

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button