การเงินเศรษฐกิจ

“พิพัฒน์” เบรกแก้สัญญา รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สร้างไปจ่ายไป รัฐเสียเปรียบ เสี่ยงถูกฟ้อง

คืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) เข้าสู่ภาวะไม่แน่นอนอีกครั้ง หลัง พิพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่ยืนยันจุดยืนไม่แก้ไขสัญญา โดยเฉพาะประเด็นการจ่ายเงินให้เอกชนคู่สัญญา โครงการล่าช้ามากว่า 6 ปี

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ว่า จะไม่มีการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ตามที่เอกชนเสนอ โดยเฉพาะการเปลี่ยนรูปแบบการชำระเงินจากเดิมที่รัฐจะจ่ายเมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จไปเป็นรูปแบบ “สร้างไปจ่ายไป”

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมให้เหตุผลว่า การแก้ไขสัญญาอาจทำให้รัฐเสียเปรียบ เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องในอนาคตได้ จึงต้องยึดตามเงื่อนไขในสัญญาเดิมเป็นหลัก

โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่าลงทุน 224,544.36 ล้านบาท ลงนามสัญญาร่วมลงทุนระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับ บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าที่นำโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2562 แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่สามารถเริ่มต้นการก่อสร้างได้ เนื่องจากปัญหาและข้อขัดแย้งหลายประการ

นายพิพัฒน์กล่าวว่า เตรียมเชิญผู้แทนจากบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด, การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มาหารืออย่างเร่งด่วน เพื่อหาทางออกร่วมกันว่าจะดำเนินการต่อไปในทิศทางใด โดยตั้งเป้าหมายว่าจะต้องได้ข้อสรุปที่ชัดเจนภายใน 4 เดือนข้างหน้า

สถานการณ์ล่าสุดนี้สร้างความกังวลต่ออนาคตของโครงการเมกะโปรเจกต์ดังกล่าว ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และโครงข่ายคมนาคมของประเทศ ว่าจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ หรือจะต้องเผชิญกับความล่าช้าต่อไปอีก

ทัั้งนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ตามแผนเดิมมีระยะทางรวมประมาณ 220 กิโลเมตร ผ่านพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง

ช่วงที่ 1 พญาไท – สุวรรณภูมิ (Airport Rail Link เดิม) ใช้โครงสร้างและแนวเส้นทางของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (ARL) ในปัจจุบัน ระยะทาง 29 กิโลเมตร ช่วงที่ 2 ดอนเมือง – พญาไท (ส่วนต่อขยาย) รูปแบบก่อสร้างเส้นทางใหม่ ส่วนใหญ่เป็นทางวิ่งยกระดับ มีบางส่วนเป็นอุโมงค์ใต้ดินเพื่อเชื่อมเข้าสู่สถานีดอนเมือง และสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เชื่อมต่อสนามบินดอนเมืองเข้ากับโครงข่ายรถไฟใจกลางเมืองที่สถานีพญาไทและสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์

ช่วงที่ 3: สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา (ส่วนต่อขยาย) ก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงใหม่ทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นทางยกระดับ วิ่งขนานไปกับแนวเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเดิม เชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิกับเมืองหลักในภาคตะวันออกสิ้นสุดที่สนามบินอู่ตะเภา

ตลอดเส้นทาง 220 กิโลเมตร จะมีสถานีรถไฟความเร็วสูงทั้งหมด 9 สถานี ได้แก่

  • สถานีดอนเมือง: เชื่อมต่อท่าอากาศยานดอนเมือง
  • สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (บางซื่อเดิม): ศูนย์กลางระบบรางของประเทศ เชื่อมต่อรถไฟทางไกล รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
  • สถานีมักกะสัน: มีแผนพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางคมนาคมและพื้นที่เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
  • สถานีสุวรรณภูมิ: เชื่อมต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
  • สถานีฉะเชิงเทรา
  • สถานีชลบุรี
  • สถานีศรีราชา
  • สถานีพัทยา
  • สถานีอู่ตะเภา: เชื่อมต่อท่าอากาศยานอู่ตะเภา

โครงการนี้คาดว่าจะสร้างผลประโยชน์ต่อประเทศ ทางเศรษฐกิจประมาณ 650,000 ล้านบาท ส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ EEC และกระตุ้นให้เกิดเมืองใหม่รอบสถานี เกิดการจ้างงานจำนวนมาก ทั้งในภาคการก่อสร้าง (ประมาณ 16,000 อัตรา) และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง (กว่า 100,000 อัตรา) ลดระยะเวลาการเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงสนามบินอู่ตะเภา เหลือไม่ถึง 1 ชั่วโมง ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศ และลดความแออัดของการจราจรทางถนน เป็นต้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button