
สส.เอกพร รักความสุข พรรคเพื่อไทย รับเรื่องร้อน เตรียมยื่นญัตติด่วนถึง กมธ.การเงินฯ สอบพฤติกรรม บ.ประกันยักษ์ใหญ่ หลังบีบลูกค้าเก่าขึ้นเบี้ย 2.5 เท่า
“นี่คือการแถลงข่าวที่เศร้าที่สุดในชีวิตผม” ประโยคสะเทือนใจจากเฟซบุ๊กของ นายกิตติ พรศิวะกิจ นายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย ซึ่งถูกแชร์ต่อโดยเพจดังอย่าง Drama-addict กลายเป็นชนวนที่จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงจรรยาบรรณของบริษัทประกันเจ้าของผลิตภัณฑ์ iHea.. อย่างรุนแรง หลังมีการเปิดเผยพฤติกรรมที่เข้าข่ายทอดทิ้งลูกค้าเก่าแก่ที่กำลังเจ็บป่วยอย่างไม่ไยดี
นายกิตติได้เล่าถึงภาพความทุกข์ระทมที่เขาได้ร่วมเดินทางไปกับกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง ทั้งผู้ป่วยมะเร็ง โรคหัวใจ และผู้สูงอายุ ที่ต้องฝืนสังขารเดินทางมายังรัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียน หลังจากได้รับจดหมายที่สร้างความตกตะลึงและเจ็บปวดจากบริษัทประกันที่พวกเขาฝากชีวิตไว้ โดยหลายคนถึงกับช็อก ร้องไห้ และล้มป่วยลงทันทีที่ได้อ่าน แต่กลับไม่กล้าไปโรงพยาบาลเพราะความกังวลในภาระค่าใช้จ่ายที่จะตามมา

เรื่องราวที่น่าสลดใจ คือ หลายคนเป็นลูกค้าชั้นดีที่จ่ายเบี้ยประกันมานานนับสิบปีและแทบไม่เคยเคลม แต่เมื่อเริ่มล้มป่วยได้เพียงไม่กี่ปี กลับถูกบริษัทยื่นคำขาดที่โหดร้าย ให้เลือกระหว่าง
1. ยอมจ่ายเบี้ยประกันที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล 1.5 ถึง 2.5 เท่า
2. ยอมรับเงื่อนไขการร่วมจ่าย (Copayment) 20% ในทุกค่ารักษาพยาบาล
3. หากไม่เลือกภายใน 30 วัน จะถูกยกเลิกกรมธรรม์ หรือ “ลอยแพ” ทันที
นายกิตติกล่าวด้วยความรู้สึกสิ้นหวังว่า การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการผลักไสไล่ส่งลูกค้าที่ซื่อสัตย์ในวันที่พวกเขาอ่อนแอที่สุด เพราะด้วยวัยและโรคประจำตัว ทำให้พวกเขาไม่สามารถทำประกันสุขภาพกับที่ไหนได้อีกแล้ว นี่คือการกระทำที่ไร้ธรรมาภิบาลของบริษัทที่ควรจะดูแลชีวิตคน แต่กลับ “ทิ้งคนป่วย คนแก่ไว้ข้างทาง ให้นอนดิ้นไป อย่างไร้หนทาง”
ล่าสุด กลุ่มผู้ร้องเรียนได้เข้ายื่นเรื่องต่อ นายเอกพร รักความสุข สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอความเป็นธรรมแล้ว โดย สส.เอกพร ได้รับเรื่องและดำเนินการยื่นต่อไปยังคณะกรรมาธิการการเงินฯ เพื่อตรวจสอบและเรียกร้องให้ สำนักงาน คปภ. ในฐานะผู้กำกับดูแลและผู้อนุมัติเงื่อนไขดังกล่าว ออกมารับผิดชอบและทบทวนการตัดสินใจที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับประชาชนโดยด่วนที่สุด

รายละเอียด แถลงการณ์ สส.พรรคเพื่อไทยรับยื่นหนังสือจากกลุ่มผู้เอาประกันภัย
วันนี้ นายเอกพร รักความสุข สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้รับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง เดิมคณะผู้เดือดร้อนตั้งใจจะยื่นเรื่องที่กระทรวงการคลัง แต่ในฐานะที่นายเอกพรเพิ่งได้เลื่อนลำดับเป็น สส. จึงได้ให้ผู้เดือดร้อนนำเรื่องมายังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อรับฟังความคิดเห็นและเสียงเรียกร้องจากประชาชน
จากนั้น ตัวแทนผู้เดือดร้อนกว่า 200 รายได้ชี้แจงกับสื่อมวลชนว่า พวกเขาเป็นกลุ่มผู้เอาประกันสุขภาพจากบริษัทชื่อย่อ IHA (ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยรายใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ) โดยหลายท่านซื้อประกันในวงเงินคุ้มครองหลัก 10 ล้านถึง 100 ล้านบาท และทำมานาน 5-10 ปี ไม่เคยป่วย บางคนเพิ่งป่วยได้ 1-2 ปี หรือเมื่ออายุมากขึ้นหรือเกิดอุบัติเหตุ
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ในปีนี้ผู้เอาประกันภัยเริ่มมีการเคลม ซึ่งทางตัวแทนผู้เดือดร้อนประเมินว่ามีการเคลมไม่เกิน 1-2% ของยอดที่สามารถเคลมได้ แต่ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ผู้เอาประกันภัยเริ่มได้รับจดหมายจากบริษัทเสนอ 3 ทางเลือก:
ทางเลือกที่ 1 : จ่ายเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า ถึง 2.5 เท่า เช่น จาก 50,000 บาทต่อปี เพิ่มเป็น 120,000 บาท หรือจาก 100,000 บาท เพิ่มเกือบเป็น 200,000 บาท
ทางเลือกที่ 2 : ยอมถูกชำระเงินร่วม (co-payment) 20% สำหรับทุกใบแจ้งหนี้ค่ารักษาพยาบาล ซึ่งต่างจากมาตรฐานที่ คปภ. กำหนดสำหรับลูกค้าใหม่ ผู้เดือดร้อนกลุ่มนี้เป็นลูกค้าเก่าที่ทำประกันมาตลอดและดูแลสุขภาพดีมาโดยตลอด
ทางเลือกที่ 3 : ไม่กดยอมรับและไม่ต่อประกัน โดยมีเวลาตัดสินใจ 30-45 วัน หากไม่ต่อประกันก็จะถูกลอยแพและไม่สามารถทำประกันกับบริษัทอื่นได้อีก หลายท่านได้รับจดหมายปฏิเสธมาแล้ว
ผู้เดือดร้อนได้ดำเนินการไปยื่นเรื่องที่ คปภ. ซึ่งมีการนัดเจรจากัน คำถามที่ถูกถามมากที่สุดคือ คปภ. อนุมัติการกระทำของบริษัทดังกล่าวอย่างไร เนื่องจากบริษัทได้ส่งอีเมลแจ้งว่า คปภ. อนุมัติแล้ว แต่ไม่เคยระบุรายละเอียดการอนุมัติหรือการคำนวณที่มาของการเพิ่มเบี้ยหรือเงื่อนไขใหม่ เมื่อมีการนัดนำเอกสารมาแสดง ก็ไม่ได้รับข้อมูลที่ชัดเจน ซึ่งทำให้เกิดการโยนเรื่องกันไปมา
เนื่องจากมีกรอบเวลาในการตัดสินใจเพียง 1 เดือน ทำให้หลายท่านหมดเวลาตัดสินใจไปแล้วและกำลังถูกลอยแพ ความเดือดร้อนนี้เพิ่มขึ้นทุกวัน เฉลี่ยวันละ 2,000 ราย หากไม่หยุดยั้งหรือแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง ผลกระทบเบื้องต้นจากบริษัทเดียวนี้อาจสูงถึงหลักแสนคน และหากเป็นบรรทัดฐานต่อไป จะทำให้ธุรกิจประกันสุขภาพประสบปัญหา “วิกฤตศรัทธา” และจะส่งผลกระทบต่อผู้เอาประกันสุขภาพอีกนับ 10 ล้านรายทั่วประเทศ
วันนี้ นายเอกพรได้รวบรวมข้อเท็จจริงเบื้องต้นจากการสอบถามผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบ และจะดำเนินการยื่นญัตติต่อคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงิน และตลาดการเงินของสภาผู้แทนราษฎร โดยหวังว่าคณะกรรมาธิการจะสอบสวนพฤติกรรมของบริษัทประกันภัยรายใหญ่นี้ เพื่อป้องกันไม่ให้พฤติกรรมดังกล่าวเป็นแบบอย่างให้บริษัทประกันภัยอื่น ๆ ลดภาระในการดูแลผู้เอาประกันภัย ทั้งที่บริษัทเหล่านี้ได้รับเงินจากผู้เอาประกันภัยไปแล้วจำนวนมากและมีกำไรมหาศาลต่อปี
นายเอกพรและกลุ่มผู้เดือดร้อนหวังว่า คณะกรรมาธิการจะสามารถสอบสวนและได้ข้อเท็จจริง ตลอดจนกำหนดมาตรการเพื่อไม่ให้ธุรกิจประกันภัยเอาเปรียบประชาชนดังเช่นกรณีที่เกิดขึ้นนี้ และทำให้เกิดธรรมภิบาลและความเป็นธรรมกับผู้เอาประกันภัย รวมถึงเป็นมาตรฐานที่ดีสำหรับสังคมต่อไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ปิดคดีดัง! สาวซิ่ง BMW ชน 3 แม่ลูกดับ ยอมจำนน จ่าย 5.5 ล้าน
- เปิดชื่อเต็ม 2 สีกา เตรียมให้ปากคำบิ๊กเต่า ปมเปย์ 10 ปี เรื่องมาแดงยังปริศนา
- ใครตั้งชื่อ “พายุวิภา” เปิดที่มาพายุลูกล่าสุด เคยถูกใช้มาแล้ว 4 ครั้งในอดีต
อ้างอิง : Drama-addict
ติดตาม The Thaiger บน Google News: