นักวิทย์ฯวิเคราะห์ มนุษย์จะสูญพันธุ์ภายในเวลากี่ปี หากทุกคนบนโลกหยุดมีลูก บอกเลยเร็วกว่าที่คิด

นักมานุษยวิทยาได้มีการวิเคราะห์ว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากมนุษย์ทุกคนบนโลกหยุดมีลูกพร้อมกัน และมนุษย์จะสูญพันธุ์ภายในเวลากี่ปี
ในตอนนี้ทั่วทุกมุมโลกกำลังเจอกับปัญหาประชากรเกิดใหม่ลดลง เนื่องจากคนรุ่นใหม่ไม่ต้องการมีลูก โดยมีเหตุผลจากหลายปัจจัย ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นั่นทำให้มีการตั้งคำถามในเชิงทฤษฎีว่า “หากทุกคนบนโลกพร้อมใจกันไม่มีลูก มนุษยชาติจะสูญพันธุ์ภายในเวลากี่ปี”
แน่นอนว่าโดยปกติแล้ว มีมนุษย์เพียงแค่หยิบมือเดียวที่มีอายุยืนเกิน 100 ปี และหากไม่มีประชากรเกิดใหม่ ก็คาดว่ามนุษย์จะไม่มีอยู่บนโลกนี้ภายในเวลา 100 ปีข้างหน้า แต่กระบวนการนี้จะเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไป
และแม้ว่าารเกิดใหม่จะหยุดลงอย่างกะทันหัน การลดลงนี้จะค่อยๆ เริ่มต้นขึ้น จนในที่สุด จะไม่มีคนหนุ่มสาวมากพอที่จะทำงานที่จำเป็น ทำให้สังคมโลกล่มสลายในเวลาอันรวดเร็ว โดยที่ความล้มเหลวบางส่วนอาจเกิดจากเงื้อมมือมนุษย์ ทั้งการผลิตอาหาร ดูแลสุขภาพ และทำสิ่งอื่นๆ ที่เราทุกคนต้องพึ่งพา ซึ่งทั้งหมดจะหายไป โดยอาหารจะยังขาดแคลนแม้ว่าจะมีคนให้เลี้ยงดูน้อยลงก็ตาม
ไมเคิล ลิตเติล ศาสตราจารย์เกียรติคุณด้านมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยบิงแฮมตัน มหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก ได้บอกว่า ภาพที่เกิดจะไม่สวยงามนัก นั่นคืออารยธรรมจะล่มสลาย โดยมีแนวโน้มว่าจะไม่มีผู้คนเหลืออยู่มากนักภายใน 70 หรือ 80 ปีข้างหน้า แทนที่จะเป็น 100 ปี เนื่องมาจากการขาดแคลนอาหาร น้ำสะอาด ยา และทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณสามารถซื้อได้ง่าย ๆ ในปัจจุบันและจำเป็นต่อการดำรงชีวิต
เขาบอกว่า แน่นอนว่าการหยุดการเกิดทั้งหมดแบบกะทันหันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เว้นเสียแต่ว่าจะเกิดหายนะระดับโลก เช่น โรคติดต่อร้ายแรงที่อาจทำให้คนในวัยเจริญพันธุ์ทุกคนเป็นหมัน ซึ่งหมายความว่าไม่มีใครสามารถมีลูกได้อีกต่อไป หรืออีกความเป็นไปได้หนึ่งอาจเป็นสงครามนิวเคลียร์ที่ไม่มีใครรอดชีวิต
ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1960-1970 หลายคนแสดงความกังวลว่าจะมีคนบนโลกมากเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดภัยพิบัติต่างๆ ตามมามากมาย และในยุคปัจจุบัน ประชากรในโลกยังคงเพิ่มขึ้น แม้ว่าอัตราการเติบโลกจะช้าลงก็ตาม
ผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของประชากรคาดการณ์ว่า จำนวนประชากรทั้งหมดจะแตะ 10,000 ล้านคนภายในทศวรรษ 2080 เพิ่มึข้นจาก 8,000 ล้านคนในปัจจุบัน และจาก 4,000 ล้านคนในปี 1974
ปัจจุบันประชากรของสหรัฐฯ อยู่ที่ 342 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณ 200 ล้านคนเมื่อเทียบกับช่วงทศวรรษปี 1930 ถือเป็นจำนวนที่มหาศาล แต่แนวโน้มทั่วโลกและในสหรัฐฯ บ่งชี้ว่าตัวเลขเหล่านี้อาจลดลงเรื่อยๆ หากอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าอัตราการเกิด
ลิตเติล ชี้ว่า สิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อรูปแบบประชากรเปลี่ยนไป คือความสามารถในการรักษาสมดุลระหว่างคนหนุ่มสาวและผู้สูงอายุ เพราะคนหนุ่มสาวคือ กำลังขับเคลื่อนหลักของสังคม พวกเขาเป็นผู้สร้างสรรค์แนวคิดใหม่ๆ และผลิตทุกสิ่งที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ ผู้สูงอายุจำนวนมากยังต้องการความช่วยเหลือจากคนหนุ่มสาวในการทำกิจกรรมพื้นฐาน เช่น การทำอาหารและการแต่งตัว ซึ่งงานหลากหลายประเภทก็เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 65 ปีมากกว่าผู้ที่อยู่ในวัยเกษียณ
ลิตเติลระบุว่า ในหลายประเทศ ผู้หญิงมีลูกน้อยลงตลอดช่วงชีวิตการเจริญพันธุ์ เมื่อเทียบกับในอดีต การลดลงนี้เห็นได้ชัดเจนที่สุดในหลายประเทศ รวมถึงอินเดียและเกาหลีใต้
สาเหตุหลักของอัตราการเกิดที่ลดลงในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มาจากการที่ผู้คนเลือกที่จะไม่มีลูก หรือมีลูกไม่มากเท่ากับพ่อแม่ของพวกเขา การลดลงของจำนวนประชากรในลักษณะนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการอพยพจากประเทศอื่น แต่ก็มักเผชิญกับข้อกังวลทางวัฒนธรรมและการเมืองที่ขัดขวางไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้น
ในเวลาเดียวกัน ผู้ชายหลายคนมีความสามารถในการเป็นพ่อน้อยลง เนื่องจากปัญหาการเจริญพันธุ์ ซึ่งหากสถานการณ์ดังกล่าวแย่ลงมาก อาจส่งผลให้จำนวนประชากรลดลงอย่างรวดเร็ว
ลิตเติลย้ำเตือนว่า มนุษย์ปัจจุบันคือสายพันธุ์โฮโมเซเปียนส์ มีชีวิตอยู่มาอย่างน้อย 200,000 ปีแล้ว ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก แต่เช่นเดียวกับสัตว์ทุกชนิดบนโลก เราก็มีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ได้เช่นกัน
ลิตเติลชวนให้เราพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นกับ มนุษย์นีแอนเดอร์ทัล ญาติใกล้ชิดของโฮโมเซเปียนส์ ซึ่งปรากฏตัวเมื่อ 400,000 ปีก่อน และมีบรรพบุรุษร่วมกับมนุษย์ยุคใหม่ ก่อนที่จะค่อยๆ ลดจำนวนลงและ สูญพันธุ์ไปเมื่อประมาณ 40,000 ปีก่อน
นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า มนุษย์ยุคใหม่ประสบความสำเร็จในการสืบพันธุ์มากกว่ามนุษย์นีแอนเดอร์ทัล เพราะโฮโมเซเปียนส์สามารถหาอาหารเลี้ยงครอบครัวและมีลูกได้มากกว่า
ลิตเติลย้ำว่า มนุษย์ปัจจุบันคือสายพันธุ์โฮโมเซเปียนส์ ซึ่งมีชีวิตอยู่มาอย่างน้อย 200,000 ปีแล้ว แม้จะเป็นเวลายาวนาน แต่ก็เช่นเดียวกับสัตว์ทุกชนิดบนโลก เรามีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ได้เช่นกัน
ลิตเติลเชื่อว่า การสูญพันธุ์ของมนุษย์คงเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง เพราะเราจะต้องสูญเสียความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดที่มนุษย์ได้สร้างไว้ ทั้งในด้านศิลปะและวิทยาศาสตร์ ดังนั้น ในความคิดของเขา เราจำเป็นต้องดำเนินการบางอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะมีอนาคตที่ยืนยาวบนโลกใบนี้ ซึ่งรวมถึง การควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ หลีกเลี่ยงสงคราม
อ้างอิง : theconversation.com
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แค่กระติกน้ำใบเดียว ทำหนุ่มไต้หวันดับ หลังใช้ดื่มนาน 10 ปี ไม่มีเปลี่ยน
- ไวรัลโซเชียล ชาวเน็ต แห่แชร์ภาพ วัตถุโบราณ 2,000 ปี หน้าเหมือน ลาบูบู้
- คู่รักข้ามเพศ เล่าเรื่องช็อกพอเป็นชาย ถูกสั่งถอดเสื้อเช็กกล้าม โลกไม่เหมือนอย่างที่คิด
ติดตาม The Thaiger บน Google News: