
ประวัติ คมสันต์ แซ่ลี จากเด็กเชียงใหม่ สู่ผู้ก่อตั้ง Flash Express ยูนิคอร์นหมื่นล้าน เรื่องราวชีวิตสุดระห่ำทางธุรกิจ เป็นแรงบันดาลใจให้ซีรีส สงครามส่งด่วน ทาง Netflix
เรตติ้งดี ยอดผู้ชมทะลุพุ่งในไทย ซีรีส์ “สงครามส่งด่วน” (Mad Unicorn) ผลงานดราม่าธุรกิจทาง Netflix ได้รับแรงบันดาลใจดัดแปลงมาจากชีวิตจริงของ คุณคมสันต์ ลี ผู้ก่อตั้ง Flash Express สตาร์ตอัปยูนิคอร์นรายแรกของประเทศไทย
สงครามส่งด่วน ถ่ายทอดเรื่องราวของ สันติ แซ่ลี (รับบทโดย ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์) ชายหนุ่มจากดอยวาวีที่มีความฝันจะพลิกวงการขนส่งไทย เริ่มต้นจากศูนย์ ฝ่าอุปสรรคมากมายกว่าจะสร้างบริษัทขนส่งของตนเอง ต่อสู้กับระบบธุรกิจเดิม ต้องแข่งขันกับเจ้าสัวใหญ่ ไหวพริบนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อสร้างความแตกต่าง
วันนี้ทีมข่าวบันเทิงไทยเกอร์ จะขอพามาย้อนรอยประวัติชีวิตของ คมสันต์ ลี ว่าในเรื่องจริง จะแตกต่างหรือเหมือนในซีรีส์อย่างไรบ้าง
เด็กชายคมสัน เด็กเหนือ บ้านยากจน ก่อนจะมาเป็นเศรษฐีขนส่งหมื่นล้าน
คมสันต์ ลี เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2534 เกิดที่หมู่บ้านดอยวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ปัจจุบันอายุ 34 ปี มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน เขาเป็นลูกชายคนโต พื้นเพครอบครัว พ่อประกอบอาชีพค้าขาย มีฐานะยากจน ทำให้คมสันต์ได้ติดตามพ่อแม่ออกเดินทางทำธุรกิจตั้งแต่เด็กๆ ซึมซับความสนใจด้านการค้าตั้งแต่วัยเด็ก
ด้วยแม่เป็นครูสอนภาษาจีน ช่วยปลูกฝังทักษะด้านภาษาจีนให้กับคมสันต์ตั้งแต่เล็ก ซึ่งจะได้ใช้ประโยชน์อย่างมากในอนาคต ยิ่งต่อมาคมสันต์ได้แต่งงานกับภรรยาชาวจีน ซึ่งช่วยเขาอย่างมากในการติดต่อประสานงานผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจากต่างประเทศในการสร้างธุรกิจในเวลาต่อมา
คมสันต์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ระหว่างที่เรียนอยู่ เขาได้ริเริ่มทำธุรกิจเล็กๆ ของตนเอง ด้วยการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนมาขายให้กับนักศึกษา โดยเฉพาะนักศึกษาแลกเปลี่ยนชาวจีนที่มาเรียนในไทย ทำรายได้ประมาณเดือนละ 10,000 บาท เวลาว่างทำงานพาร์ทไทม์เป็นพนักงานในบริษัทของคนจีน และรับจ้างสอนภาษาจีนควบคู่ไปด้วย
การได้คลุกคลีกับนักธุรกิจและนักศึกษาแลกเปลี่ยนชาวจีน ทำให้คมสันต์มีมุมมองและความรู้ด้านธุรกิจระหว่างประเทศ เข้าใจตลาดจีนมากยิ่งขึ้น
หลังเรียนจบ ก่อนจะมาก่อตั้ง Flash Express คมสันต์ได้สั่งสมประสบการณ์ทางธุรกิจหลากหลายสาขา ทำมาหมดแล้วหลากหลายสาขาอาชีพ เช่น ได้เป็นผู้บริหารธุรกิจท่าทราย ในวัยเพียง 21 ปี
– ช่วงปีที่ 3 ของการเรียน คมสันต์ได้รับโอกาสเป็นซีอีโอชั่วคราวของบริษัททำธุรกิจท่าทรายแห่งหนึ่งของนักลงทุนชาวจีนแต่กำลังขาดทุนย่อยยับ หลังได้เข้าบริหารงานเพียงปีเศษ ก็พลิกฟื้นบริษัทจากใกล้เจ๊งให้กลับมามีกำไรถึง 15 ล้านบาท และไม่นานหลังจากนั้นบริษัทก็สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จ
เทคนิคการพลิกฟื้นของคมสันต์คือปรับเปลี่ยนทีมงานใหม่ทั้งหมด แทนที่ทีมเก่าที่มีปัญหาคอร์รัปชัน ลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต นำกำไรกลับมาลงทุนซื้อที่ดินทรายเพิ่มเติม ทำให้ธุรกิจมีวัตถุดิบผูกขาดในตลาด จนสามารถปรับขึ้นราคาทรายและสร้างกำไรได้ทันที
– หลังจบมหาวิทยาลัย คมสันต์ย้ายไปจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์กับนักลงทุนชาวจีน ระหว่างปี พ.ศ. 2555–2560 เขาได้ดำรงตำแหน่งซีอีโอของบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการรับหน้าที่บริหารองค์กรขนาดใหญ่อย่างเต็มตัวเป็นเวลาหลายปี
– คมสันต์เคยลองเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวในเชียงใหม่ เปิดโรงเรียนสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ แต่เปิดกิจการได้เพียงประมาณครึ่งปีต้องปิดตัวลง เนื่องจากขาดความเข้าใจปัจจัยสำคัญของธุรกิจการศึกษาและความประมาท เช่น ครูผู้สอนรับงานสอนนอกเวลาจนอาจารย์ขาด ทำให้นักเรียนไม่มาเรียน เขายอมรับว่าธุรกิจนี้ “เจ๊ง” เป็นบทเรียนเรื่องความมั่นใจเกินเหตุโดยปราศจากข้อมูลที่รอบด้าน
– หลังพักตั้งหลักได้ไม่นาน เขาหันมาจับธุรกิจนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ทำอยู่ประมาณ 1 ปี ก็สร้างกำไรให้กับตนเองได้กว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเงินทุนก้อนนี้เองกลายเป็นฐานทุนสำคัญสำหรับก้าวต่อไปของเขาในวงการโลจิสติกส์
– เมื่อมีทุนอยู่ในมือ คมสันต์ได้ร่วมก่อตั้งบริษัท 4T Express (โฟร์ที เอ็กซ์เพรส) ธุรกิจโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ขนส่งสินค้าจากต่างประเทศทั่วโลกแล้วกระจายเข้าสู่เมืองต่างๆ ในประเทศจีน ธุรกิจนี้ดำเนินไปราว 3 ปี สร้างผลกำไรที่เป็นเงินปันผลให้หุ้นส่วนเดือนละ 20-30 ล้านบาทเลยทีเดียว
ประสบการณ์จาก 4T Express ทำให้คมสันต์ได้เรียนรู้ระบบโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ รวมถึงเห็นศักยภาพของตลาดอีคอมเมิร์ซจีนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

เส้นทางการก่อตั้ง Flash Express
หลังจากสั่งสมวิทยายุทธ์ในธุรกิจโลจิสติกส์ระดับโลก คมสันต์เริ่มมองหาโอกาสในการทำธุรกิจขนส่งพัสดุในประเทศไทยบ้านเกิด ช่วงประมาณปี พ.ศ. 2560 หนุ่มเชียงใหม่วัยเพียง 26 ปี ได้ศึกษาข้อมูลเชิงลึกจนพบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจว่า ไทยมีขนาดพื้นที่เล็กกว่าจีนมาก แต่ค่าบริการขนส่งกลับแพงกว่าหลายเท่า แถมคนไทยยังต้องเดินทางไปต่อคิวส่งพัสดุเอง ต่างจากที่ประเทศจีนซึ่งมีบริการรับพัสดุถึงหน้าบ้านอย่างสะดวกสบาย
การเดินทางไปเห็นระบบโลจิสติกส์ที่รวดเร็ว ราคาถูก มีประสิทธิภาพในจีนด้วยตาของตัวเอง ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ คมสันต์เชื่อมั่นว่า โมเดลธุรกิจขนส่งสมัยใหม่ของจีนสามารถนำมาปรับใช้ในประเทศไทยได้
แต่ปัญหาอยู่ที่ตอนนั้นไทยยังไม่มีเทคโนโลยีรองรับแนวติดนี้เพื่อช่วยลดต้นทุน ไม่สามารถพึ่งพาคนจำนวนมากอย่างเดียว เพราะจะมีค่าแรงสูงและความผิดพลาดมาก คมสันต์จึงได้รับความช่วยเหลือจากภรรยาชาวจีนในการติดต่อประสานงานกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง IBM และ Alibaba ให้เข้ามาช่วยพัฒนาระบบหลังบ้าน ร่วมวางแผนธุรกิจกับทีมงานของเขาเอง
ในขณะเดียวกัน คมสันต์ได้พาผู้แทนจาก Alibaba มาสำรวจการดำเนินงานของบริษัทขนส่งคู่แข่งในไทย ซึ่งพบภาพลูกค้ายืนต่อคิวรอส่งพัสดุเป็นจำนวนมาก ผู้แทนชาวจีนรู้สึกตกใจเพราะที่จีนมีบริการรับของถึงที่บ้านอยู่แล้ว ยิ่งทำให้คมสันต์มั่นใจว่าโอกาสของเขาในการพลิกโฉมวงการขนส่งไทยมาถึงแล้ว จึงตัดสินใจเดินหน้าก่อตั้งธุรกิจขนส่งด่วนของตนเองอย่างเต็มตัว
Flash Express จึงถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการในประเทศไทย คมสันต์ ได้จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทเมื่อปี พ.ศ. 2560 ทุ่มเททรัพย์สินของตนเองทั้งหมดไปกับธุรกิจนี้ ถึงขั้นขายบ้าน ขายรถ ทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อนำเงินมาลงทุนสร้างบริษัทโลจิสติกส์ของตัวเอง
บริการขนส่งเร็วดุจสายฟ้า เปิดตัวให้บริการครั้งแรกวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 แตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นตรงที่ ไม่พึ่งระบบเอาต์ซอร์สและแฟรนไชส์เลย ควบคุมคุณภาพบริการเองทุกขั้นตอน และดึงทีมพัฒนาไอทีที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาดูแลระบบหลังบ้านทั้งหมด ใช้งบลงทุนสูงถึง 5,000 ล้านบาท ในการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานนี้
Flash Express ยังสร้างความสั่นสะเทือนในตลาดด้วย กลยุทธ์ราคา เปิดตัวที่ค่าบริการเริ่มต้นเพียง 19 บาท ซึ่งถูกที่สุดในตลาดขณะนั้น ในขณะที่คู่แข่งรายอื่นคิดค่าบริการส่งพัสดุเริ่มต้นประมาณ 60 บาท
คมสันต์ ทำยังไงให้ Flash Express เป็น ยูนิคอร์นตัวแรกของไทย
ภายในเวลาเพียง 4 ปี ช่วงกลางปี พ.ศ. 2564 Flash Express ภายใต้บริษัทแม่ Flash Group สามารถระดมทุนรอบ Series D+ และ E รวม 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 4,600 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่ากิจการทะยานเกิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็น “สตาร์ตอัปยูนิคอร์น” รายแรกของประเทศไทย
– ยูนิคอร์นคือคำเรียกบริษัทสตาร์ตอัปที่มีมูลค่ากิจการเกิน 1 พันล้านดอลลาร์
Flash Express สร้างเครือข่ายการให้บริการครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย มีจุดให้บริการรับ-ส่งพัสดุกว่า 2,500 จุด มีจำนวนพนักงานมากกว่า 10,000 คน กระจายอยู่ทั่วประเทศเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ
ในปีแรกที่เปิดให้บริการ บริษัทจัดส่งพัสดุได้มากกว่า 100 ล้านชิ้น และหลังจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตสูงในช่วงการระบาดของโควิด-19 ปริมาณพัสดุที่จัดส่งสะสมก็เพิ่มขึ้นเกิน 300 ล้านชิ้น ในเวลาไม่นาน ปัจจุบันมีสถิติจัดส่งพัสดุมากกว่า 1 ล้านชิ้นต่อวันเป็นมาตรฐาน ช่วงพีคสูงสุดสามารถรองรับได้ถึงประมาณ 2 ล้านชิ้นต่อวัน
หลังจากยึดตลาดในประเทศได้อย่างแข็งแกร่ง คมสันต์ได้วางวิสัยทัศน์ให้ Flash Express ก้าวสู่การเป็นผู้นำโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในปี 2565 บริษัทได้เริ่มขยายบริการไปยังต่างประเทศใกล้เคียง อาทิ สปป.ลาว และ ฟิลิปปินส์ และต่อมาได้เปิดดำเนินการใน มาเลเซีย เต็มรูปแบบในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565
ปัจจุบันเครือข่ายของ Flash Express ได้ให้บริการในหลายประเทศทั่วภูมิภาค ได้แก่ ลาว ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม พร้อมทั้งมีบริการขนส่งข้ามพรมแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย
แผนระยะยาวของคมสันต์คือการขยายตลาดครอบคลุมทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาคตามที่ได้ตั้งเป้าไว้
ปณิธานการทำธุรกิจ
คมสันต์เชื่อว่าความล้มเหลวคือบทเรียนสำคัญของผู้ประกอบการ เขาเคยกล่าวไว้ว่า “ความล้มเหลวไม่เคยหยุดยั้งผมจากการพัฒนาตัวเอง ความล้มเหลวทำให้ผมเติบโต มันมอบประสบการณ์และบทเรียนที่พาผมมาถึงจุดนี้ในวันนี้”
ในสัมภาษณ์หนึ่ง คมสันต์ได้กล่าวถึงปัจจัยความสำเร็จของสตาร์ตอัปว่า “ไม่ว่าจะคุณจะยากจนแค่ไหน นามสกุลอะไร หรือจบจากที่ใด คุณก็สามารถสร้างธุรกิจสตาร์ตอัประดับยูนิคอร์นได้ หากคุณเลือกอุตสาหกรรมที่ถูกต้องที่มีขนาดตลาดใหญ่พอและเจาะช่องว่างตลาดได้ตรงจุด พร้อมทั้งมีทีมงานที่ดี”
คมสันต์เชื่อมั่นว่า “การศึกษาคือจุดเริ่มต้นของโอกาสที่ดีในชีวิต” ได้ริเริ่มโครงการเพื่อสังคมด้านการศึกษาที่ชื่อว่า “คมส่งฝัน” เพื่อมอบทุนการศึกษาให้เยาวชนไทยได้มีโอกาสไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศจีน ในปี 2565 โครงการนี้ได้มอบทุนการศึกษาให้เปล่า 6 ทุน รวมมูลค่ากว่า 600,000 บาทแก่เยาวชนไทยที่เรียนดีประพฤติดี
ในปี 2568 เดินหน้าสานต่อโครงการ “คมส่งฝัน ปีที่ 2” เพิ่มจำนวนทุนการศึกษาเป็น 10 ทุน มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้ไปศึกษาต่อที่นครเซี่ยงไฮ้และมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน โดยหวังว่านักเรียนทุนเหล่านี้จะนำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศไทยต่อไป
ด้วยความสำเร็จในการสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็วของ Flash Express คมสันต์ ลี และบริษัทได้รับรางวัลจากหลายองค์กรและสื่อมวลชน เช่น คมสันต์ได้รับรางวัล “Start-up Founder of the Year 2021” จากงานประกาศรางวัล Bangkok Post CEO of the Year 2021 ซึ่งสื่อยักษ์ใหญ่ของไทยอย่าง Bangkok Post
ในปี 2565 Flash Express ได้รับรางวัล “The Sauciest Startup” จากงาน Techsauce Awards 2022 ซึ่งมอบให้แก่สตาร์ตอัปไทยที่สร้างผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้แก่ระบบนิเวศสตาร์ตอัปของประเทศ และได้รับรางวัลทีมสรรหาบุคลากรยอดเยี่ยมจาก LinkedIn (ประเทศไทย) ในงาน LinkedIn Talent Awards 2022 และรางวัล Thailand Best Employer Brand Awards 2021 ในฐานะองค์กรที่มีแนวปฏิบัติด้านทรัพยากรบุคคลยอดเยี่ยม
ประวัติ ชีวิตของ คมสันต์ ลี เป็นตัวอย่างของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่สร้างตัวจากศูนย์ ด้วยความวิริยะอุตสาหะ ความคิดสร้างสรรค์ หยิบเอาประสบการณ์ชีวิตในครอบครัวยากจนมาเป็นแรงผลักดัน “อยากเป็นคนที่มีเงินเพื่อยกระดับชีวิตครอบครัว” ตามความฝันวัยเด็ก ต่อยอดสู่การสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับชาติและระดับภูมิภาค ภายใต้ปรัชญาการทำงานที่มุ่งมั่น ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค พร้อมปรับตัวเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ
แม้จุดเริ่มต้นจะเล็กเพียงใด หากมีวิสัยทัศน์และความพยายามอย่างแท้จริง ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก็อาจอยู่ใกล้แค่เอื้อม
ซีรีส์สงครามส่งด่วน แรงบันดาลใจจากชีวิต คมสันต์ แซ่ลี ดูได้แล้ววันนี้ทาง Netflix
ติดตาม The Thaiger บน Google News: