
สงสาร อั๋น ชุลีพร เมียล้อต๊อก จากร่ำรวย ถูกหวย 18 ล้าน วันนี้ต้องมานั่งขายผักในตลาด หนี้ท่วม 30 ล้าน สุดทรมาน เพราะเซ็นค้ำประกันเงินกู้
แฟนคลับเพิ่งรู้เรื่องนี้ อั๋น ชุลีพร ภรรยาตลกดังผู้ล่วงลับ “ล้อต๊อก” ชีวิตพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่เคยร่ำรวยมีเงินเป็นสิบๆ ล้าน ถูกลอตเตอรี่ไม่ต่ำกว่า 18 ล้านบาท ต้องมานั่งขายผักในตลาดเพื่อหาเงินใช้หนี้รายวัน หลังไปค้ำประกันให้คนรู้จักจนตัวเองต้องมารับเคราะห์กรรมแทน เผยขายบ้านไปแล้ว 6-7 หลังเพื่อใช้หนี้ แต่หนี้สินยังท่วมท้นจนแทบสิ้นหวัง ร้องไห้ทุกวันเหมือนคนบ้า ถึงขั้นเอ่ยปาก “ยอมติดคุกดีกว่าทรมานแบบนี้”
เรื่องราวสุดสะเทือนใจนี้เปิดเผยผ่านช่องยูทูบ “เหลือเฟือ ชาแนล” ของตลกดัง เหลือเฟือ มกจ๊ก ที่ได้บุกไปถึงตลาดวิลล่า คลอง 8 เพื่อพูดคุยเปิดใจกับ เจ๊อั๋น ชุลีพร ซึ่งกำลังนั่งขายผักอยู่ เจ๊อั๋นได้เล่าถึงมรสุมชีวิตลูกใหญ่ที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว จากที่เคยสุขสบาย มีเงินทองมากมาย กลับต้องมาเผชิญกับความลำบากอย่างแสนสาหัส
เจ๊อั๋นเล่าว่า ไม่เคยคิดว่าชีวิตคนเราจะพลาดร่วงได้เร็วขนาดนี้ “มาโดนทีเดียวพร้อมกัน 4-5 เจ้า” ทำให้ต้องมานั่งขายผักตรงนี้เป็นเวลากว่า 6-7 เดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคมปีก่อน ชีวิตก็ดิ่งลงเหวมาเรื่อยๆ สาเหตุหลักมาจากที่ตนเองไปค้ำประกันเงินกู้ให้กับเพื่อนและคนรู้จักถึง 5 คน แต่สุดท้ายกลับต้องมารับผิดชอบหนี้สินแทนทั้งหมด
“ต้องควักเงินเราไปจ่ายแทนคนที่ไปค้ำประกัน เพราะไม่อยากเสียชื่อเรา รวมจริงๆเกือบ 30 ล้าน เจ็บสาหัส”
ในช่วงแรกที่ประสบปัญหา เจ๊อั๋นยอมรับว่าทำใจไม่ได้ “ร้องไห้ทุกวันเหมือนคนบ้า” เงินก้อนสุดท้ายที่มีอยู่ 1.8 ล้านบาท ก็ต้องนำไปจ่ายให้กับเจ้าหนี้รายวัน จ่ายจนหมดต้องมาขายผัก จากที่เคยจับเงินเป็นล้านๆ ทุกวันนี้ต้องมานับแบงก์ 20 เพื่อซื้อผักมาขายกำละสิบบาท
ความเจ็บปวดที่สุดคือการที่ต้องนำเงินที่หามาได้อย่างยากลำบากไปจ่ายให้กับนายทุน แม้ว่าบางรายจะไม่คิดดอกเบี้ยแล้วก็ตาม คนหนึ่งเราส่งไปเยอะมาก บางคนปีหนึ่ง ถึง 60 ล้านก็มี
ปัจจุบัน เจ๊อั๋นยังคงต้องส่งเงินให้เจ้าหนี้ เคยส่งให้ปีละ 20-30 ล้านบาท เป็นเวลา 5 ปีไม่เคยขาด แต่ตอนนี้ที่มาขายผัก กำไรวันละพันกว่าบาท ก็ต้องเจียดไปให้คนนั้นคนนี้จนแทบไม่เหลือ ถึงกระนั้น ก็ยังรู้สึกซาบซึ้งในชื่อเสียงของ “ป๋าต๊อก” สามีผู้ล่วงลับ ที่เปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่า ทำให้มีผู้ใหญ่ใจดีหลายคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ รวมถึง “นิว แมวเซา” คณะลิเกศรรามน้ำเพชร ที่เธอเคยเป็นแม่ยก ก็คอยช่วยเหลือให้เงินใช้ทุกอาทิตย์ สั่งน้ำพริกที่ตนทำขาย ยังมีคนที่มาช่วยเหมาผักไปแจกจ่ายให้คนยากจน เพราะเห็นแก่ชื่อเสียงของป๋าต๊อก
เจ๊อั๋นยอมรับกับเหลือเฟือว่า “โคตรลำบากเลย มันเหนื่อยมาก” ตอนนี้ขายบ้านไปแล้ว 6-7 หลัง เพื่อนำเงินมาใช้หนี้แทนคนที่เธอไปค้ำประกัน รวมทั้งใช้หนี้เจ้าหนี้ของตัวเอง
แต่บ้านที่อาศัยอยู่ปัจจุบันยังขายไม่ได้ ด้าน “อุ้มบุญ” ลูกชายของป๋าต๊อกกับเจ๊อั๋น ก็ช่วยแบ่งเบาภาระด้วยการทอดไก่ขายในชื่อ “ไก่เขย่าลูกป๋าต๊อก” ซึ่งก็ขายดี
เจ๊อั๋นเล่าถึงช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดว่า “สิงหาชีวิตพลิก รถคว่ำติดเชื้อในกระแสเลือดหมดไป 5 แสน สิงหาเลวร้ายมาก สุดๆทุกอย่างมาพร้อมกันหมด ตั้งวงแชร์ทุกคนก็เบี้ยวหมด” แม้จะท้อแท้จนเคยคิดพาลูกหนี แต่เธอก็ยืนยันว่า “ล้มไม่ได้” จึงตัดสินใจมาขายผักประทังชีวิต
เมื่อพูดถึงเรื่องการเซ็นสัญญาค้ำประกัน เจ๊อั๋นยอมรับว่าไม่รู้รายละเอียดว่าเจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยเท่าไหร่ ไม่รู้กฎหมายว่าจะต้องติดคุกหรือไม่ แต่ก็พร้อมที่จะเผชิญหน้า
“ยินดีจะติดคุก ติดก็ติดดีกว่ามาทรมานแบบนี้” ตนได้เก็บหลักฐานการส่งเงินไว้ทั้งหมด 3 เจ้า เตรียมพร้อมที่จะสู้ในชั้นศาล เนื่องจากตอนนี้ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้อีกต่อไปแล้ว “ให้ไม่ไหวแล้ว”
เจ๊อั๋นยังเปิดเผยว่า เจ้าหนี้บางรายเป็น “คนมีสี” หรือผู้มีอิทธิพล “ยศขึ้นไปสูงๆทั้งนั้น” แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว “ไม่ได้ท้า แต่ไม่กลัวเลย คุณกินมาตั้งเยอะแล้ว จะมาบีบคั้นอะไรเรา เราขายแค่เนี้ย… ตอนนี้ไม่มี ตอนนี้กูเหลือแต่ชีวิต ใครจะเอาก็เอาไปเลย”
ตนอยากให้เรื่องถึงศาลเพื่อจะได้รู้ว่าต้องชดใช้เดือนละเท่าไหร่ เพราะการหาเงินเดือนละ 3 หมื่นบาทมาใช้หนี้เป็นเรื่องที่เกินกำลัง แม้จะพยายามทำน้ำพริกขายจนมือแทบพัง แต่ก็ไม่มีเงินทุนหมุนเวียน
ปัจจุบัน หนี้สินที่ยังเหลืออยู่คือ 7 ล้านบาท หลังจากที่ใช้หนี้แทนคนอื่นไปแล้ว 6 ล้านบาท เจ๊อั๋นกล่าวทิ้งท้ายด้วยความสิ้นหวังว่า “มาด่าในตลาดเลยก็ได้ หรือมายึดอะไรก็เอาไป ขอเราเริ่มนับหนึ่งใหม่ ไม่ขอออกเงินให้ใครแล้ว เข็ดไม่มีจะให้ใครแล้ว”
ติดตาม The Thaiger บน Google News: