อุทาหรณ์คน “เสียดายของ” ผัวเมียป่วยมะเร็งตับ ดับคู่ สาเหตุกินของเก่า เน่า ไม่ยอมทิ้ง

สุดช็อก ผัวเมียเวียดนามวัย 30 กว่า ไม่ดื่ม ไม่สูบ กลับป่วยมะเร็งตับทั้งคู่ หมอชี้ต้นตอสุดสลด นิสัยเสียดายของ กินผลไม้ตัดส่วนเน่า ถั่วเก่าในกล่องเปิด รับสารพิษ อะฟลาทอกซิน ไม่รู้ตัว
วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเรื่องราวเป็นอุทาหรณ์ ซึ่งเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในประทศเวียดนาม คู่สามีภรรยาหนุ่มสาววัยเพียง 30 กว่าปี ซึ่งใช้ชีวิตรักสุขภาพ ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่มีประวัติป่วยโรคตับ กลับต้องเผชิญชะตากรรมอันโหดร้าย ตรวจพบก้อนเนื้อในตับทั้งคู่ สร้างความตกตะลึงให้แก่ นายแพทย์ ฮา ไห่ นาม รองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมช่องท้อง ถึงกับต้องสืบหาต้นตออย่างละเอียด
จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายสามีรู้สึกอ่อนเพลียผิดปกติ น้ำหนักลดฮวบ เบื่ออาหาร แม้จะพยายามพักผ่อนก็ไม่ดีขึ้น จนเริ่มมีอาการปวดแน่นท้องด้านขวา จึงตัดสินใจไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน ผลอัลตราซาวนด์พบก้อนเนื้อขนาดใหญ่ถึง 6 เซนติเมตรในตับ แพทย์แนะนำให้รีบส่งตัวไปโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านมะเร็งโดยด่วน
เมื่อสองสามีภรรยาเดินทางมาพบ นายแพทย์ ฮา ไห่ นาม ที่โรงพยาบาล คุณหมอสังเกตเห็นอาการผิดปกติของฝ่ายภรรยาด้วย ทั้งริมฝีปากคล้ำ ผิวแห้ง ดวงตาอมเหลือง จึงแนะนำให้ตรวจร่างกายอย่างละเอียด ผลที่ออกมาสร้างความตกตะลึงยิ่งกว่า ฝ่ายหญิงก็มีก้อนเนื้อขนาดใหญ่ในตับเช่นกัน แถมยังกดทับท่อน้ำดีอีกด้วย
สองสามีภรรยาถึงกับร่ำไห้โฮกลางห้องตรวจ ยืนยันเสียงแข็งกับคุณหมอว่าดูแลสุขภาพอย่างดีมาตลอด ไม่เคยดื่ม ไม่เคยสูบ แข็งแรงดี ไม่ป่วยง่าย แม้แต่โควิดก็ผ่านมาได้แบบไร้รอยขีดข่วน แล้วมะเร็งร้ายมาเยือนได้อย่างไร?
นายแพทย์ ฮา ไห่ นาม ค่อย ๆ ซักถามถึงวิถีชีวิตประจำวัน จนกระทั่งพบจุดผิดปกติ ที่น่าจะเป็นต้นตอของเรื่องราวทั้งหมด สองสามีภรรยาคู่นี้เปิดแผงขายผลไม้เล็ก ๆ ในตลาดค้าส่ง ชีวิตไม่ได้ร่ำรวยนัก ทำให้มีนิสัยประหยัด แต่เป็นการประหยัดที่อันตรายถึงชีวิต หลายครั้งที่ผลไม้เริ่มเน่าเสีย พวกเขาจะตัดส่วนที่เสียทิ้ง เก็บส่วนที่ดีไว้กินเอง โดยนำไปแช่ตู้เย็นไว้กินทีละน้อย
นอกจากนี้ ระหว่างนั่งขายของ ก็มักจะกินเมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทองแก้เบื่อ แต่กลับ เก็บไว้ในกล่องที่ไม่มีฝาปิดสนิท กินข้ามวันข้ามคืน
พฤติกรรม เสียดายของ ที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัยเหล่านี้เอง คือประตูเปิดรับ อะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) สารพิษสุดร้ายแรงที่ผลิตโดยเชื้อรา ซึ่งมักปนเปื้อนในอาหารที่ชื้น ขึ้นรา หรือเก็บรักษาไม่ถูกวิธี เช่น ผลไม้ช้ำ ๆ ถั่วลิสง ถั่วต่าง ๆ ที่เก็บไว้นานจนเหม็นหืน ขนมปังเก่า หรือแม้แต่เขียง ตะเกียบไม้ที่อับชื้น!
ทางการแพทย์ยืนยันว่า อะฟลาทอกซิน โดยเฉพาะชนิด B1 เป็นสารก่อมะเร็งตับโดยตรง การได้รับเพียง 1 มิลลิกรัม ก็อาจเพียงพอที่จะกระตุ้นให้เซลล์ตับกลายพันธุ์ได้ หากได้รับในปริมาณสูงถึง 20 มิลลิกรัมในครั้งเดียว อาจเสียชีวิตได้ทันที สารพิษนี้เป็นสาเหตุของมะเร็งตับราว 5-15% ทั่วโลก
เรื่องราวของคู่รักผลไม้คู่นี้ กลายเป็นอุทาหรณ์เลือดที่สะท้อนนิสัยเสียดายของกินที่พบเห็นได้บ่อยครั้ง การประหยัดเป็นสิ่งที่ดี แต่การประหยัดแบบขาดความเข้าใจและเสี่ยงต่อสุขภาพ อาจต้องจ่ายด้วยราคาที่แพงที่สุด นั่นคือชีวิต “อย่าเพราะเสียดายเงินไม่กี่บาท จนต้องแลกด้วยชีวิต” นายแพทย์ ฮา ไห่ นาม กล่าวทิ้งท้ายด้วยความสลดใจ
มะเร็งตับ เป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 6 ของโลก แต่มีอัตราการเสียชีวิตสูงมากใกล้เคียงกับจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะการบริโภคอาหารที่สะอาด ปลอดภัย และไม่รับประทานอาหารที่สงสัยว่ามีการปนเปื้อนของเชื้อราโดยเด็ดขาด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ตายโรคเดียวกัน ผัวสิงห์อมควัน ป่วยมะเร็งปอดดับ เมียสูดควันมือสอง ตายตาม
- เตือนภัยสายชาไทย ดื่มเกิน 2 แก้ว/วัน เสี่ยงรับสี Sunset Yellow เกินขนาด
- ฟิล์มยืดหุ้มอาหาร ใช้ในไมโครเวฟ เสี่ยงมะเร็งจริงไหม? ผู้เชี่ยวชาญตอบแล้ว
อ้างอิง: soha.vn
ติดตาม The Thaiger บน Google News: