ข่าว

7 วันอันตราย ตร.คุมเข้มสงกรานต์ 68 บังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก เน้น 5 ข้อหนัก

ตำรวจเริ่มแผน 7 วัน คุมเข้มสงกรานต์ 2568 บังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก เน้น 5 ข้อ เมาขับ-ขับเร็ว-ไม่สวมหมวก-เข็มขัด- ขับย้อนศร เตือนผู้ใช้รถใช้ถนน มุ่งลดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ไทย

วันที่ 11 เมษายน 2568 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศเริ่มปฏิบัติการ 7 วัน ควบคุมเข้มข้น รับเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 อย่างเป็นทางการ โดยมุ่งเน้นบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเข้มงวดทั่วประเทศ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงและควบคุมอุบัติเหตุทางถนนที่มักนำมาซึ่งความสูญเสียในช่วงวันหยุดยาว ภายใต้แนวคิดรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุจราจร”

ปฏิบัติการครั้งนี้ ตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังใน 10 ข้อหาหลัก ที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุ โดยกำหนด 5 ข้อหาที่เน้นหนักเป็นพิเศษ ในการกวดขันวินัยจราจรเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ได้แก่

1. เมาแล้วขับ

2. ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด

3. ไม่สวมหมวกนิรภัย

4. ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย

5. ขับรถย้อนศร

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย้ำว่าการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นใน 10 ข้อหาหลัก โดยเฉพาะ 5 ข้อหาที่เน้นหนักนี้ เป็นไปเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นให้ได้มากที่สุดในช่วงเทศกาลที่ควรจะเต็มไปด้วยความสุข

ตำรวจบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก ช่วงสงกรานต์ 2568
ภาพจาก : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เปิด 10 ข้อกฎหมายหลัก คุมเข้มสงกรานต์ 2568

สำหรับกฎหมาย 10 ข้อหาหลัก ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติบังคับใช้ในช่วงคุมเข้มสงกรานต์ ประจำปี 2568 มีดังนี้

1. ขับขี่ขณะเมาสุรา

2. ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด

3. ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย

4. ไม่สวมหมวดกันน็อก

5. ขับรถย้อนศร

6. ไม่พกพาใบขับขี่

7. ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร

8. แซงในที่คับขัน

9. ใช้รถมอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย

10. ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ

ทั้งนี้ ผู้อ่านสามารถสอบถาม หรือแจ้งเหตุ สามารถโทร. 191 และหากต้องการสอบถามเส้นทางจราจร โทร. 1193 ตำรวจทางหลวง และสอบถามเส้นทางจราจรในกรุงเทพฯและปริมณฑล โทร. 1197 กองบังคับการตำรวจจราจร

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Danita S.

นักเขียนบทความไลฟ์สไตล์ บันเทิง ประจำ Thaiger ติดตามทุกกระแส K-Pop และเท่าทันทุกเรื่องราวความบันเทิง ด้วยประสบการณ์มากกว่า 3 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ช่องทางติดต่อ bell@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button