ข่าว

อุทาหรณ์ เด็กจมน้ำ รีบช่วยกระทุ้งหัว สุดท้ายดับ ทำผิดวิธี

สะเทือนใจ คลิปเด็กจมน้ำดับสลด ผู้ปกครองปฐมพยาบาลผิดวิธีจับห้อยหัวกระทุ้งน้ำ เพจดังเตือน เสียเวลาทำ CPR คือทางรอดเดียว แนะขั้นตอนช่วยชีวิตที่ถูกต้อง

วันที่ 27 มีนาคม 2568 เพจ Drama-addict ได้แชร์คลิปวิดีโอจากรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี 32 เหตุการณ์สลดใจอันเป็นอุทาหรณ์สำคัญสำหรับบิดามารดาและผู้ปกครอง โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่กิจกรรมทางน้ำเป็นที่นิยม มีรายงานเหตุการณ์เด็กชายรายหนึ่งเสียชีวิตจากการจมน้ำ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ไม่ถูกวิธี พร้อมเน้นย้ำว่าการทำ CPR (การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ) คือวิธีที่ถูกต้องและควรทำทันที ไม่ใช่การจับเด็กห้อยศีรษะเพื่อไล่น้ำออก

จากคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ แสดงให้เห็นภาพผู้ปกครองหญิงคนหนึ่งกำลังนำร่างเด็กชายที่หมดสติจากการจมน้ำขึ้นมาจากบริเวณน้ำตก จากนั้นได้พยายามช่วยเหลือด้วยการจับขาทั้งสองข้างของเด็ก อุ้มพาดลำตัวในลักษณะให้ศีรษะห้อยลง พร้อมทั้งกระทุ้งบริเวณลำตัวหลายครั้ง ด้วยความเข้าใจว่าจะสามารถช่วยให้เด็กสำรอกน้ำออกมาได้

อย่างไรก็ตาม ความพยายามดังกล่าวไม่ประสบผล และน่าเศร้าที่เด็กชายได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

โศกนาฏกรรมหน้าร้อน: เด็กชายเสียชีวิตจากการปฐมพยาบาลผิดวิธีหลังจมน้ำ วอนผู้ปกครองตระหนักถึงการทำ CPR ที่ถูกต้อง
ภาพจากเพจ Drama-addict

ทั้งนี้ เพจ Drama-addict เคยให้ข้อมูลย้ำเตือนว่า การจับเด็กห้อยหัว พาดบ่า หรือกระทุ้งเพื่อให้น้ำออกมานั้น เป็นความเชื่อที่ผิดและเป็นการกระทำที่ไม่เกิดประโยชน์ทางการแพทย์ อีกทั้งยังเป็นการเสียเวลาอันมีค่าอย่างยิ่งในช่วงนาทีวิกฤต น้ำที่อาจไหลออกมานั้น ส่วนใหญ่เป็นน้ำจากกระเพาะอาหาร ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการช่วยให้ทางเดินหายใจโล่งหรือการกลับมาหายใจได้โดยตรง

เหตุสลด เด็กจมน้ำเสียชีวิต ชี้ชัดวิธีปฐมพยาบาลผิดพลาด เน้นย้ำ CPR คือทางรอด ไม่ใช่จับห้อยหัวกระทุ้งน้ำ
ภาพจากเพจ Drama-addict

“การจะช่วยคนจมน้ำต้องรีบทำให้หายใจและหัวใจกลับมาเต้นสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายให้เร็วที่สุด มีเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น มัวเสียเวลากับการจับพาดหัวกระทุ้ง โอกาสรอดชีวิตก็ลดลงไปเยอะ” เพจ Drama-addict ระบุ

เมื่อพบเด็กจมน้ำ สิ่งที่ควรทำทันที

  1. ประเมินความปลอดภัย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริเวณนั้นปลอดภัยสำหรับทั้งผู้ให้ความช่วยเหลือและเด็ก
  2. นำเด็กออกจากน้ำ: รีบนำเด็กขึ้นจากน้ำอย่างรวดเร็วและปลอดภัย พยายามให้ศีรษะของเด็กสูงกว่าระดับลำตัวเล็กน้อยขณะนำขึ้นจากน้ำ
  3. ตรวจสอบการตอบสนอง: ตบไหล่เด็กเบาๆ และถามเสียงดังว่า “เป็นอะไรไหม” หากเด็กไม่ตอบสนอง ให้ขอความช่วยเหลือทันที หากมีคนอื่นอยู่ ให้พวกเขารีบโทรแจ้ง 1669 หรือหมายเลขฉุกเฉินในพื้นที่ และนำเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED) มาให้ หากมี หากอยู่คนเดียว ให้ทำการ CPR เป็นเวลาประมาณ 2 นาทีก่อนโทรแจ้ง
  4. เปิดทางเดินหายใจ: วางเด็กนอนหงายราบบนพื้นผิวที่แข็งและเรียบ ใช้มือข้างหนึ่งกดหน้าผากเด็กให้เงยขึ้น และใช้นิ้วสองนิ้วเชยคางเด็กขึ้นเบาๆ เพื่อเปิดทางเดินหายใจ ระวังอย่าให้คอเด็กงอมากเกินไป โดยเฉพาะในเด็กเล็ก หากสงสัยว่าเด็กอาจมีการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง ให้ใช้วิธี “ยกขากรรไกร” แทน โดยไม่ขยับศีรษะหรือคอ
  5. ตรวจสอบการหายใจ: มองดูหน้าอกเด็กว่ามีการเคลื่อนไหวขึ้นลงหรือไม่ ฟังเสียงลมหายใจ และรู้สึกถึงลมหายใจที่แก้ม เป็นเวลาประมาณ 10 วินาที หากเด็กไม่หายใจ หรือหายใจเฮือก ๆ ไม่สม่ำเสมอ ให้เริ่มทำการ CPR ทันที

การทำ CPR (การปั๊มหัวใจและการช่วยหายใจ)

  • การช่วยหายใจ (Rescue Breaths): หากได้รับการฝึกฝน ให้เริ่มด้วยการช่วยหายใจ 5 ครั้ง โดยปิดจมูกเด็ก ประกบปากให้สนิทกับปากเด็ก (สำหรับทารกให้ประกบทั้งปากและจมูก) เป่าลมเข้าไปช้าๆ ประมาณ 1 วินาที สังเกตว่าหน้าอกยกขึ้นหรือไม่ ปล่อยให้ลมหายใจออกเอง ทำซ้ำอีกครั้ง รวมเป็น 5 ครั้ง หากหน้าอกไม่ยกขึ้น ให้ลองเปิดทางเดินหายใจอีกครั้ง
  • การปั๊มหัวใจ (Chest Compressions): หลังจากช่วยหายใจ 5 ครั้งแล้ว ให้เริ่มการปั๊มหัวใจ โดยวางมือในตำแหน่งที่ถูกต้อง (เด็กโต: กลางหน้าอกระหว่างหัวนม, ทารก: ใช้นิ้วสองนิ้วหรือสองนิ้วหัวแม่มือโอบรอบบริเวณกึ่งกลางหน้าอก) กดหน้าอกลงไปในระดับความลึกที่เหมาะสม (เด็ก: 1/3 ถึง 1/2 ของความลึกหน้าอก หรือประมาณ 2 นิ้ว, ทารก: 1/3 ของความลึกหน้าอก หรือประมาณ 1.5 นิ้ว) ด้วยอัตราเร็ว 100-120 ครั้งต่อนาที สลับกับการช่วยหายใจ 2 ครั้ง ทุกๆ การปั๊ม 30 ครั้ง (30:2) ทำเช่นนี้ต่อไปจนกว่าเจ้าหน้าที่กู้ชีพจะมาถึง เด็กเริ่มมีสัญญาณชีพ หรือจนกว่าจะหมดแรง

ข้อควรระวัง: หากเด็กอาเจียน ให้ตะแคงตัวเด็กเพื่อเปิดทางเดินหายใจ หากเด็กเริ่มรู้สึกตัว ให้จัดท่าพักฟื้นและให้ความอบอุ่นแก่เด็ก เด็กที่จมน้ำควรได้รับการตรวจจากแพทย์แม้จะรู้สึกตัวดีแล้ว

การฝึกอบรม CPR อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หากไม่ได้รับการฝึกฝนการช่วยหายใจ สามารถทำการปั๊มหัวใจอย่างต่อเนื่องได้จนกว่าความช่วยเหลือจะมาถึง อย่างไรก็ตาม สำหรับเด็กที่จมน้ำ การช่วยหายใจควบคู่กับการปั๊มหัวใจมีความสำคัญอย่างยิ่ง การมีสติและปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการช่วยชีวิตเด็กที่จมน้ำ ทุกวินาทีมีค่า การทำ CPR ที่ถูกต้องและทันท่วงทีสามารถเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้อย่างมาก

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง: Drama-addict, ThairathTV

New Nidhikant

จบการศึกษาคณะอักษรศาสตร์ เอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร นักเขียนสายมูเตลู และนักอ่านไพ่ทาโรต์ โหราศาสตร์ มีความสนใจด้านข่าวการเมือง ศิลปะวัฒนธรรม แฟชั่น และสายดูดวงมูเตลู งานเขียนเน้นเนื้อหาที่เข้าใจง่าย อ่านสนุก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button