มติเอกฉันท์ ‘สมชาย เล่งหลัก’ พ้นสมาชิกภาพ สว. ‘ธณัชญ์พงศ์’ ขึ้นแทน เปิดคำวินิจฉัย

ศาลรัฐธรรมนูญ มติเอกฉันท์ สมชาย เล่งหลัก พ้นสมาชิกภาพ สว. หลังศาลฎีกาเพิกถอนเลือกตั้ง 10 ปี โดย สว.ขึ้นมาแทน คือ นายธณัชญ์พงศ์ วงศ์มุลาลี
26 มีนาคม 2568 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่ ผลการประชุมวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ของ นายสมชาย เล่งหลัก สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 111 (4) ประกอบมาตรา 108 ข. ลักษณะต้องห้าม (1) และมาตรา 98 (5) หรือไม่
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ร้อง) ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีนายสมชาย เล่งหลัก สมาชิกวุฒิสภา (ผู้ถูกร้อง) ปรากฏตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ลต สส 338/2567 ลงวันที่ 23 กันยายน 2567 พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกร้องเป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา เป็นเหตุให้ สมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาของผู้ถูกร้องสิ้นสดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 111 (4) ประกอบมาตรา 108 ข. ลักษณะต้องห้าม (1) และมาตรา 98(5)
จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาของผู้ถูกร้องว่างลง นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 45 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 76 วรรคหนึ่ง
ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย และสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกวุฒิสภานับแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2567 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ มีคำวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 111(4) ประกอบมาตรา 108 ข. ลักษณะต้องห้าม (1) และมาตรา 98 (5) นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้ถือว่าวันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยให้แก่คู่กรณีฟังตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 76 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติให้คำวินิจฉัยของศาลมีผลในวันอ่าน คือ วันที่ 26 มีนาดม 2568 เป็นวันที่ตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา ว่างลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 วรรคสี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกร้องเป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา เป็นเหตุให้ สมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาของผู้ถูกร้องสิ้นสดลง กรณีการเลือกตั้งปี 2566 นายสมชาย เล่งหลัก เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.สงขลา เขต 9 พรรคภูมิใจไทย รู้เห็นการแจกเงินแก่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
หลังศาลรัฐธรมนูญ มีมติให้ นายสมชาย เล่งหลัก พ้นสมาชิกภาพความเป็นสมาชิกวุฒิสภา หลังถูกศาลฎีกาพิพากษาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ทำให้ต้องเลื่อนบัญชีสำรอง สว.ขึ้นมาแทน คือ นายธณัชญ์พงศ์ วงศ์มุลาลี สว.สำรอง ลำดับที่ 1 กลุ่มที่ 19 กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระหรืออื่นๆในทำนองเดียวกัน ขึ้นมาเป็นสว.แทน
จากการตรวจสอบประวัตินายธณัชญ์พงศ์ ตัวแทนจาก จ.มหาสารคาม ระบุอาชีพค้าขาย ประวัติการศึกษาจบปริญญาตรี การศึกษาบัณฑิต (กศบ.) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม และจบการศึกษาระดับปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (รปม.) มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
ประวัติการทำงาน ธณัชญ์พงศ์เป็นนักธุรกิจแอมเวย์ ระดับมรกตสองผู้สถาปนา ปัจจุบันประกอบธุรกิจส่วนตัว มีประสบการณ์กว่า 30 ปี เคยศึกษาดูงานต่างประเทศกว่า 10 ประเทศทั่วโลก เคยเป็นเลขานุการคณะกรรมาธิการ(กมธ.)คุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้ช่วยและปฏิบัติงานของสมาชิกรัฐสภา รุ่น 8 จากสถาบันพระปกเกล้า เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2564
ศาลฎีกาประกาศคำพิพากษา “สว. สมชาย เล่งหลัก” เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี จากปมคดีซื้อเสียง เจ้าตัวยันต่อสู้ถึงที่สุดในศาล รธน.
ย้อนกลับไป วันที่ 23 กันยายน 2567 ศาลฎีกา ออกประกาศแจ้งคำสั่งศาลฎีกา คดีเลือกตั้งหมายเลขดำที่ ลต สส 4/2567 หมายเลขแดงที่ 338/2567 ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ร้อง นายสมชาย เล่งหลัก ผู้คัดค้าน เรื่อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง)
ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายสมชาย เล่งหลัก ผู้คัดค้าน เป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา
ย้อนความก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ นายสมชาย เล่งหลัก ผู้สมัคร สส.สงขลา เขต 9 พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. มาตรา 73 (1) ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง และให้ดำเนินคดีอาญาแก่ นายสมชาย เล่งหลัก นายวินัย บัวทอง และ พ.ต.อ.ถวัลย์ นคราวงศ์ ตามมาตรา 73 (3) ประกอบมาตรา 158 วรรคหนึ่งของกฎหมายเดียวกัน
กรณี ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นายสมชาย ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลทั้งสองจัดเตรียมเพื่อจะให้เงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง ซึ่งเป็นการทุจริตเลือกตั้ง อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. 2561 มาตรา 73 (1) ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนายสมชาย ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม
ทั้งนี้ นายสมชาย เล่งหลัก ปัจจุบันเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ (กลุ่ม 19) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงคำพิพากษาดังกล่าวว่า ตนรับทราบคำสั่งศาลฯเรียบร้อย เนื่องจากฝ่ายทนายได้แจ้งมาแล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะต้องชี้แจงและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาต่อว่าจะให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สว. หรือไม่ โดยจะเริ่มดำเนินการหลังคัดคำสั่งศาลด้วยทนายต่อไป
ส่วนเรื่องแนวทางการต่อสู้คดี ตนจะนำเรื่องไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นด่านสุดท้าย เนื่องจากว่า กกต. ร้องตนโดยไม่ชอบ เพราะวันที่กล่าวหานั้น พยานหลักฐานของกกต. ไม่ได้นำแสดงว่าเป็นของกลาง อีกทั้งตนได้เดินทางไปที่ได้เดินทางไปที่ศาล และจากคำให้การพยานของกกต. จึงทราบได้ว่ามีลักษณะเหมือนกับจัดฉาก หรือเป็นคู่แข่งทางการเมือง ซึ่งตนก็ต้องต่อสู้คดีในส่วนนี้ต่อไป
“ยืนยันว่า การยื่นศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นด่านสุดท้ายในการสู้คดีนี้ และมีความมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากกกต. ฟ้องร้องผมโดยไม่ชอบ” นายสมชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม บุคคลในบัญชีรายชื่อสำรองที่อาจจะได้ขึ้นมาเป็น สว. แทนนายสมชาย คือ นายธนัชญ์พงศ์ วงศ์มุลาลี จาก จ.มหาสารคาม อายุ 56 ปี ซึ่งระบุอาชีพในแอปฯ SmartVote ว่าค้าขาย ประวัติการศึกษาจบปริญญาตรี การศึกษาบัณฑิต (กศบ.) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม และจบการศึกษาระดับปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (รปม.) มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี