นองเลือด 48 ชม. ซีเรีย สังหารหมู่ 1000 ศพ หญิงเปลือยกายถูกแห่ประจาน

นองเลือด 48 ชั่วโมง สังหารหมู่ 1,000 ศพ “หญิงเปลือยกายถูกแห่ประจาน” และการประหารชีวิตกลางถนน ซีเรียดิ่งสู่ความโกลาหล เด็กชายวัยรุ่นถูกบังคับให้ใช้ปืนไรเฟิลยิงครอบครัวของตนเองอย่างโหดเหี้ยม ท่ามกลางความวุ่นวายที่ดำเนินมาหลายวัน
วันนี้ (10 มี.ค.) สื่อต่างประเทศรายงานเหตุความไม่สงบในประเทศซีเรีย ซึ่งตกอยู่ในความโกลาหลนองเลือดมีผู้เสียชีวิต 1,000 รายและมีรายงานว่า “หญิงเปลือยกาย” ถูกแห่ประจานก่อนถูกประหารชีวิตกลางถนน โดยทหารที่ภักดีต่อบาชาร์ อัล-อัสซาด อดีตผู้นำที่ถูกโค่นล้ม ได้เปิดฉากซุ่มโจมตีอย่างไม่คาดคิดต่อกองทัพของผู้ปกครองใหม่ของซีเรียเมื่อวันพฤหัสบดี ส่งผลให้เกิดการนองเลือดนานหลายวัน
การปะทะที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่ายถือเป็นเหตุรุนแรงที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ระบอบเผด็จการโหดเหี้ยมของอัสซาดถูกโค่นล้มโดยกลุ่มอิสลามิสต์ (HTS) ในเดือนธันวาคม
รัฐบาลใหม่กล่าวว่า เป็นการตอบโต้การโจมตีจากกองกำลังที่เหลืออยู่ของอัสซาด และกล่าวโทษ “การกระทำส่วนบุคคล” สำหรับความรุนแรงที่โหดร้าย
“กลุ่มสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรีย” ซึ่งมีฐานอยู่ในสหราชอาณาจักร ระบุว่า พลเรือนประมาณ 745 คนถูกสังหาร ส่วนใหญ่เป็นการสังหารหมู่ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความปลอดภัยของรัฐบาล 125 นาย และผู้ภักดีต่ออัสซาด 148 นาย ไฟฟ้าและน้ำดื่มถูกตัดขาดในพื้นที่สำคัญรอบเมืองลาตาเกีย ขณะที่ประเทศที่ถูกสงครามทำลายล้างเข้าสู่วันที่สามของการนองเลือด

ความรุนแรงเริ่มปะทุขึ้นในวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น เมื่อกลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนอัสซาดเปิดฉากซุ่มโจมตีกองกำลังรักษาความปลอดภัยของซีเรียในภูมิภาคลาตาเกีย ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวอะลาวิตชนกลุ่มน้อยจำนวนมาก ซึ่งเป็นฐานสนับสนุนของอัสซาด
ในวันศุกร์ กลุ่มติดอาวุธมุสลิมนิกายสุหนี่ที่ภักดีต่อรัฐบาลเริ่มการสังหารล้างแค้นต่อสมาชิกนิกายอะลาวิต ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยของอัสซาด ชาวบ้านที่หวาดกลัวกล่าว
พยานเปิดเผยว่ามีการบังคับให้ผู้หญิง “เดินเปลือยกาย” บนถนนก่อนถูกยิงเสียชีวิต และมีรายงานว่าเด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่งถูกส่งปืนไรเฟิลและถูกบังคับให้ยิงครอบครัวของตนเอง

ชาวเมืองบานิยาสซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งตะวันตกของซีเรีย กล่าวกับสำนักข่าวสกาย นิวส์ว่า “พวกเขาบังคับให้ผู้คนลงมาบนถนน จากนั้นพวกเขาก็จัดแถวและเริ่มยิงพวกเขา
“พวกเขาไม่เหลือใครเลย พวกเขาไม่เหลือใครเลยจริงๆ
“ฉากที่ผมเห็นคือความสยดสยองล้วนๆ มันเกินบรรยาย”
พลเมืองที่หวาดกลัวกล่าวเสริมว่าเขาซ่อนตัวอยู่ในถังขยะก่อนที่จะหลบหนีอย่างสิ้นหวังในเวลากลางคืน

อาลี เชฮา วัย 57 ปี ชาวเมืองอีกคนหนึ่ง หลบหนีออกจากบ้านพร้อมครอบครัวและเพื่อนบ้านไม่กี่ชั่วโมงหลังจากความรุนแรงโหดร้ายเริ่มปะทุขึ้น เขากล่าวว่าเพื่อนบ้านและเพื่อนร่วมงานอย่างน้อย 20 คนในละแวกบ้านซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวอะลาวิต ถูกสังหาร
ผู้ที่ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมบางคนกำลังซื้อของในเมืองหรืออยู่ในบ้านของตนเองอย่างบริสุทธิ์
ชาวบ้านอ้างว่ากลุ่มติดอาวุธประกอบด้วยนักรบต่างชาติและกลุ่มติดอาวุธจากหมู่บ้านและเมืองใกล้เคียง
เชฮากล่าวว่า “มันเลวร้ายมาก ศพอยู่บนถนน” ขณะที่บ้านเรือนถูกปล้นและจุดไฟเผา
อาเหม็ด ชารา ผู้นำซีเรียเรียกร้องให้เกิดสันติภาพในวันอาทิตย์ หลังจาก 48 ชม.แห่งการนองเลือดและยอดผู้เสียชีวิตเกิน 1,000 ราย
“เราต้องรักษาความเป็นเอกภาพของชาติและสันติภาพในประเทศ เราสามารถอยู่ร่วมกันได้ มั่นใจในซีเรียได้เลย ประเทศนี้มีคุณสมบัติในการอยู่รอด สิ่งที่เกิดขึ้นในซีเรียขณะนี้อยู่ในความท้าทายที่คาดการณ์ไว้”

ขณะที่ รามี่ อับดุลเราะห์มาน หัวหน้ากลุ่มสังเกตการณ์ กล่าวว่าการสังหารล้างแค้นหยุดลงในช่วงเช้าวันเสาร์ แต่พลเรือนผู้บริสุทธิ์หลายสิบคนได้สูญเสียชีวิตไปแล้ว นี่เป็นการสังหารหมู่ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในช่วงความขัดแย้งในซีเรีย
สำนักข่าวของรัฐซีเรียรายงานว่า ถนนทุกสายที่นำไปสู่ภูมิภาคชายฝั่งถูกปิดเพื่อ “ป้องกันการละเมิดและค่อยๆ ฟื้นฟูเสถียรภาพ”
นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่ากองกำลังของรัฐบาลได้ควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่จากผู้ภักดีต่ออัสซาด โดยอ้างถึงเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหม นอกจากนี้ชาวบ้านระบุศพของ 31 คนที่ถูกสังหารในการโจมตีล้างแค้น ซึ่งรวมถึงเด็ก 9 คนและเด็กเล็ก 4 คน ถูกฝังในหลุมศพหมู่ มีการจัดพิธีศพให้กับสมาชิกกองกำลังรักษาความปลอดภัยของซีเรีย 4 นายในหมู่บ้านอัล-จานูดิยา ทางตะวันตกเฉียงเหนือ
ภายใต้ อัสซาด ชาวอะลาวิต ดำรงตำแหน่งสูงสุดในกองทัพและหน่วยงานรักษาความปลอดภัย รัฐบาลใหม่กล่าวโทษผู้ภักดีต่อเขาสำหรับการโจมตีต่อกองกำลังรักษาความปลอดภัยใหม่ของประเทศในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นในซีเรียตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2554 ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่าครึ่งล้านคนและผู้พลัดถิ่นหลายล้านคน
ทั้งนี้ รัฐบาลใหม่ให้คำมั่นที่จะรวมซีเรียให้เป็นหนึ่งเดียวหลังจากสงครามกลางเมือง 14 ปี
อาเหม็ด อัล-ชารา ผู้นำกลุ่มกบฏ HTS ที่โค่นล้มอัสซาดเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และขณะนี้ดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีซีเรีย ปราศรัยผ่านโทรทัศน์แห่งชาติ โดยกล่าวหากลุ่มสนับสนุนอัสซาดและ “บรรดามหาอำนาจต่างชาติ” ว่าพยายามปลุกปั่นความไม่สงบ.








อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ผู้ลี้ภัยซีเรีย ไล่แทงคนในออสเตรีย เด็ก 14 ดับ 1 ศพ เจ็บ 5
- กบฏซีเรีย ยึดเมืองหลวงสำเร็จ ลั่นสิ้นสุดยุคมืด ปธน. หนีออกนอกประเทศ
- กบฏซีเรีย อ้างยึดเมืองฮอมส์สำเร็จ รุกคืบเข้าใกล้เมืองหลวง รัฐบาลตึงกำลังเข้ม