วิจัยล่าสุดชี้ ไบเซ็กชวล เป็นเรื่องธรรมชาติของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม รวมถึงมนุษย์

นักวิจัยเผย ผลสำรวจชี้ชัด ไบเซ็กชวลไม่ใช่เรื่องแปลก พบได้ทั่วไปในหมู่ไพรเมตและมนุษย์ พร้อมชวนเปิดใจทำความเข้าใจ “สเปกตรัมทางเพศ” ที่หลากหลาย
ผลงานวิจัยล่าสุดจากนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแองเกลีย รัสกิน (Anglia Ruskin) กำลังสร้างความสั่นสะเทือนให้กับความเข้าใจเดิม ๆ เกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของมนุษย์ โดยงานวิจัยชี้ว่า ความเป็นไบเซ็กชวล หรือการดึงดูดทางเพศต่อทั้งเพศชายและเพศหญิง อาจไม่ใช่เรื่องเฉพาะกลุ่ม แต่เป็นสิ่งที่ “ใกล้เคียงกับความเป็นสากล” ในหมู่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม รวมถึงมนุษย์ด้วย
ดร. เจสัน ฮอดจ์สัน นักพันธุศาสตร์เชิงวิวัฒนาการ ได้ออกมาเปิดเผยผลการศึกษาที่น่าสนใจนี้ผ่านบทสัมภาษณ์ใน Daily Mail โดย ดร.ฮอดจ์สันอธิบายว่า งานวิจัยของเขามุ่งเน้นไปที่การศึกษา “ขอบเขตความเป็นไบเซ็กชวล” ในมนุษย์ ซึ่งนำไปสู่ข้อค้นพบที่ว่า ผู้คนส่วนใหญ่มักไม่ได้มีรสนิยมทางเพศที่จำกัดอยู่แค่ความเป็นเฮเทโรเซ็กชวล (ชอบเพศตรงข้าม) หรือโฮโมเซ็กชวล (ชอบเพศเดียวกัน) อย่างชัดเจน แต่รสนิยมทางเพศของพวกเขามักจะอยู่ “ตรงกลาง” บนสเปกตรัมที่กว้างกว่านั้น
“ผมคาดการณ์ว่า จริง ๆ แล้วคนส่วนใหญ่น่าจะเป็นไบเซ็กชวล” ดร.ฮอดจ์สันกล่าว พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า “ยีนที่ส่งผลต่อพฤติกรรมทางเพศกับเพศเดียวกัน อาจเป็นยีนเดียวกับที่ควบคุมความสามารถในการเข้าสังคมโดยทั่วไป และผู้คนที่มีลักษณะทางพันธุกรรมที่อยู่ตรงกลางสเปกตรัม น่าจะมีทักษะในการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมได้ดีกว่าในทุกรูปแบบ”
นักวิจัยยังเสริมว่า “ดังนั้น ผู้ที่สามารถมีพฤติกรรมทางเพศกับเพศเดียวกันได้ในบางสถานการณ์ ก็มีแนวโน้มที่จะสร้างความสัมพันธ์แบบเฮเทโรเซ็กชวลได้ดีกว่าเช่นกัน”
เพื่ออธิบายแนวคิดนี้ให้เข้าใจง่ายขึ้น ดร.ฮอดจ์สันได้ยกตัวอย่างโดยใช้สูตรตัวเลข โดยกำหนดให้ทุกคนอยู่บนสเปกตรัมตั้งแต่ 0 ถึง 1 โดยที่ 0 หมายถึงความเป็นเฮเทโรเซ็กชวลอย่างสมบูรณ์ และ 1 หมายถึงความเป็นโฮโมเซ็กชวลอย่างสมบูรณ์
“ถ้าคนๆ หนึ่งมีประสบการณ์ทางเพศกับเพศเดียวกัน 1 ครั้ง และมีประสบการณ์ทางเพศกับเพศตรงข้าม 99 ครั้ง ค่าของเขาหรือเธอจะอยู่ที่ 1/100 หรือ 0.01 ซึ่งถือว่าอยู่ใน ‘ขอบเขตไบเซ็กชวล’ เพียงเล็กน้อย” ดร.ฮอดจ์สันอธิบาย
สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ ดร.ฮอดจ์สันชี้ให้เห็นว่า “ประสบการณ์ทางเพศ” ในที่นี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การมีเพศสัมพันธ์โดยตรงกับผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการรับรู้ความรู้สึกทางเพศ หรือความตื่นเต้นทางอารมณ์ เพียงแค่ได้เห็นหรือคิดถึงบุคคลอื่นที่ดึงดูดใจด้วย ดังนั้น บุคคลไม่จำเป็นต้องมีพฤติกรรมทางเพศทั้งกับเพศชายและเพศหญิงในชีวิตจริง เพื่อที่จะถูกจัดว่าเป็น “ไบเซ็กชวล” ได้
ผลการวิจัยนี้ ท้าทายกรอบความคิดเดิม ๆ เกี่ยวกับรสนิยมทางเพศ และเปิดมุมมองใหม่ให้สังคมได้ทำความเข้าใจถึงความหลากหลายของความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะในประเด็นที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อนอย่างเรื่องเพศวิถี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทรัมป์ สั่งยกเลิกนโยบายคุ้มครองความหลากหลาย มุ่งจำกัดสิทธิ LGBTQ+
- รัสเซีย ปรับ 7 นทท.ไนต์คลับ แต่งตัวเกย์ ขัดกฎหมายต้าน LGBT
- อุทาหรณ์ สาว LGBTQ จบชีวิต ถูกหลอกให้รัก อ้างป่วยมะเร็งลวง 2 ล้าน ก่อนหนีแต่งงาน
อ้างอิง: New York Post, gallup