หนุ่มวัย 30 ตายเพราะโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน เหตุชอบทำแบบนี้หลังอาบน้ำ

หนุ่มไต้หวันวัย 30 ปี เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน แพทย์เผยภายหลัง เป็นเพราะมีนิสัยชอบทำแบบนี้หลังอาบน้ำ
เรื่องรางดังกล่าวเกิดขึ้นที่ไต้หวัน เมื่อมีรายงานว่าเกิดเคสของชายหนุ่มชาวไต้หวันวัยเพียง 30 ปี เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน
ในคืนนั้น ชายหนุ่มรายนี้เข้าไปอาบน้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลาย ทุกอย่างเป็นปกติจนกระทั่งเขาก้าวออกมาจากห้องน้ำ จู่ๆ ก็รู้สึกปวดศีรษะอย่างรุนแรง ไม่นานหลังจากนั้น แขนขวาและขาขวาก็เริ่มชา และไม่สามารถพูดได้ชัดเจน ครอบครัวรีบนำตัวเขาส่งโรงพยาบาลอี้ต้าเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ ก่อนที่ผลการตรวจจะพบว่าเขาเสียชีวิตจากภาวะเลือดออกในสมอง
ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ชี้ว่าสาเหตุเกิดจากการที่ผู้เสียชีวิตออกจากห้องน้ำทันทีหลังอาบน้ำร้อน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่อันตรายเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อร่างกายเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่แตกต่างกันมากเกินไป อาจนำไปสู่ภาวะเลือดออกในสมองและโรคหลอดเลือดสมองได้ เมื่อเราอาบน้ำร้อน หลอดเลือดจะขยายตัวเนื่องจากอุณหภูมิสูง และจะหดตัวอย่างรุนแรงเมื่อสัมผัสกับอากาศเย็นภายนอก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากความดันโลหิตไม่ได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวด เช่น กรณีของชายคนนี้ ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
ตามคำอธิบายของศัลยแพทย์ระบบประสาท เฉิน ดึ๊ก เหงียน (ประจำโรงพยาบาลอี้ต้า) ระบุว่า ในวันที่อากาศหนาวเย็น การอาบน้ำร้อนอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัวมากเกินไป เมื่อก้าวออกมาด้วยเสื้อผ้าที่ไม่อบอุ่นเพียงพอ หลอดเลือดจะเกิดภาวะช็อกจากอุณหภูมิ หดตัวกะทันหัน ทำให้ความดันโลหิตพุ่งสูงถึงกว่า 200 มิลลิเมตรปรอท และนำไปสู่การแตกของหลอดเลือด
การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างฉับพลันเป็นอันตรายอย่างมากสำหรับผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตหรือกล้ามเนื้อหัวใจ นายแพทย์เฉินแนะนำว่า เมื่อตื่นนอนในหน้าหนาว อย่าเพิ่งรีบเหยียบเท้าเปล่าลงบนพื้นเย็น ให้ใช้เวลาสักครู่เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น เช่นเดียวกัน หลังอาบน้ำ ควรปล่อยให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิภายนอกก่อนที่จะออกจากห้องน้ำ
เหวียน หมิง กี่ ศัลยแพทย์หัวใจ ได้กล่าวว่า น้ำที่ร้อนเกินไปขณะอาบน้ำอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัวมากเกินไป หากร่างกายสัมผัสกับอากาศเย็นทันทีหลังจากนั้น หลอดเลือดเหล่านี้จะหดตัวเร็วเกินไป สร้างแรงดันสูง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง หรือผู้ที่กำลังใช้ยารักษาหัวใจ
คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
1.ควบคุมอุณหภูมิในห้องน้ำ
ก่อนอาบน้ำ ควรให้แน่ใจว่าห้องน้ำมีอุณหภูมิที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการใช้น้ำที่ร้อนเกินไปเพราะอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัวมากเกินไปและสร้างแรงกดดันต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด การใช้น้ำอุ่นพอเหมาะจะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายโดยไม่เกิดภาวะช็อกจากอุณหภูมิ
2.ทำให้ห้องน้ำอุ่น
ยืดกล้ามเนื้อหลังอาบน้ำ และหลังจากอาบน้ำเสร็จ อย่าเพิ่งรีบออกจากห้อง ควรเช็ดตัวให้แห้งและปล่อยให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิห้อง
3.หลังอาบน้ำ
รักษาความอบอุ่นของร่างกาย โดยใช้ผ้าเช็ดตัวอุ่นๆ และสวมเสื้อผ้าที่อบอุ่นหลังอาบน้ำเพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกายให้คงที่ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง หรือผู้สูงอายุ จำเป็นต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการรักษาความอบอุ่นและเฝ้าระวังสุขภาพ
ทำไมโรคหลอดเลือดสมองจึงเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่?
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โรคหลอดเลือดสมองไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ด้วย ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ระบุว่ามีปัจจัยสำคัญหลายประการที่ส่งผลให้ความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองในคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น ได้แก่
1.ความเครียดในชีวิตที่เพิ่มขึ้น
ชีวิตสมัยใหม่ที่มีจังหวะชีวิตเร่งรีบ แรงกดดันจากการทำงานและการเรียน ทำให้ระดับความเครียดเพิ่มสูงขึ้น ความเครียดที่สะสมเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดความผิดปกติของการทำงานของหลอดเลือดและความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่นำไปสู่โรคหลอดเลือดสมอง
2.การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินและวิถีชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการกิน รวมถึงนิสัยการบริโภคอาหารจานด่วน การกินผักและใยอาหารน้อย ล้วนส่งผลให้ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การบริโภคอาหารที่มีเกลือสูงได้รับการยืนยันว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อเส้นเลือดในสมอง ทำให้ความเสียหายในสมองรุนแรงขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง
3.การละเลยการตรวจและควบคุมความดันโลหิต
คนรุ่นใหม่จำนวนมากไม่ให้ความสำคัญกับการวัดและควบคุมความดันโลหิต อย่างไรก็ตาม หากความดันโลหิตสูงไม่ได้รับการตรวจพบและรักษาอย่างทันท่วงที จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อระบบหลอดเลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดในสมอง ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงที่สูงขึ้นของโรคหลอดเลือดสมอง
4.การสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่เป็นนิสัยที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองขาดเลือดเฉพาะที่และโรคหัวใจและหลอดเลือดอื่นๆ งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าผู้ที่สูบบุหรี่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองขาดเลือดเฉพาะที่สูงกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 2.23 เท่า ซึ่งส่งผลทางอ้อมให้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง
อ้างอิง : soha.vn
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- หมอเจด เตือน 5 อาหาร รสชาติไม่เค็ม ทำไตเสื่อมไม่รู้ตัว
- ไม่น่าเชื่อ หนุ่มกินผัก-ผลไม้ชนิดนี้เพียง 3 เดือน ลดน้ำหนัก 35 กก. ผลลัพธ์เกินคาด
- เภสัชกรหญิงวัย 102 ปี เผย 6 เคล็ดลับสุขภาพดี ไม่ต้องจ่ายแพงก็ทำตามได้