สุขภาพและการแพทย์

เราต้องอาบน้ำทุกวันไหม? อาบน้ำเช้าเย็น ประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน

อาบน้ำเป็นกิจวัตรที่คนส่วนใหญ่ทำจนเป็นเรื่องปกติ บางคนอาบวันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะวัฒนธรรมเขตร้อนอย่างเอเชีย บางคนแค่วันละครั้ง หรือบางวัฒนธรรมอาจอาบน้ำเพียงไม่กี่ครั้งต่อสัปดาห์ อย่างในพื้นที่แถบโซนหนาวเช่น ยุโรป หรือ อารยธรรมกรีก โรมันโบราณ รวมถึง จีน ญี่ปุ่น ถึงกับมีโรงอาบน้ำสาธารณะเลยทีเดียว ไม่ใช่เพราะชาวบ้านชอบอาบน้ำบ่อย แต่เพราะอาบไม่บ่อย นานๆ ทีต่างหาก

แต่คำถามสำคัญคือ “คนเราจำเป็นต้องอาบน้ำทุกวันจริงหรือ?”

Advertisements

แม้สังคมจะสอนว่าอาบน้ำบ่อยคือความสะอาด แต่เมื่อเรามองในเชิงชีววิทยา วิทยาศาสตร์ด้านผิวหนัง และจุลชีพบนร่างกาย คำตอบอาจไม่เป็นไปตามที่คาด

ความจริงเกี่ยวกับเชื้อโรค อาบน้ำช่วยกำจัดแบคทีเรียจริงหรือ?

เมื่อพูดถึง “ความสะอาด” หลายคนมักนึกถึงภาพของร่างกายที่ปลอดเชื้อโรคหลังอาบน้ำ แต่ความจริงแล้ว ผิวหนังของมนุษย์ไม่ได้ว่างเปล่าหลังจากการล้างทำความสะอาด กลับกัน มันเป็นเหมือนป่าดิบชื้นขนาดจิ๋วที่เต็มไปด้วยจุลชีพนับล้านล้านตัว

ไมโครไบโอม ระบบนิเวศของผิวที่คุณอาจมองข้าม

ผิวของเรามีแบคทีเรีย จุลินทรีย์ และเชื้อราหลากหลายชนิดที่อาศัยอยู่ร่วมกันเป็น “ไมโครไบโอม” (Microbiome) ซึ่งเปรียบได้กับ “เจ้าบ้าน” ที่ช่วยดูแลผิวหนังให้แข็งแรง

ไมโครไบโอมเหล่านี้ทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น

Advertisements
  • คุมสมดุลของเชื้อโรค: แบคทีเรียบางชนิดช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรค เช่น Staphylococcus aureusซึ่งเป็นต้นเหตุของการติดเชื้อบนผิวหนัง
  • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: ผิวของเราทำงานร่วมกับแบคทีเรียดีเพื่อฝึกให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อเชื้อโรคอย่างเหมาะสม
  • รักษาความชุ่มชื้นของผิว: ไมโครไบโอมช่วยรักษาสมดุลของน้ำมันบนผิว ไม่ให้ผิวแห้งหรือระคายเคืองง่าย

อาบน้ำ = กำจัดแบคทีเรียดีและไม่ดีไปพร้อมกัน

การอาบน้ำและใช้สบู่สามารถช่วยชะล้าง สิ่งสกปรกจากสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น ควัน มลพิษ แบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่นตัว (Corynebacterium) เชื้อโรคที่อาจก่อให้เกิดโรคผิวหนัง

แต่ในขณะเดียวกันอาบน้ำก็กำจัด แบคทีเรียดี ที่ช่วยปกป้องผิวก็ถูกชะล้างออกไปด้วย สบู่ที่มีฤทธิ์แรง หรือสบู่ต้านแบคทีเรีย อาจทำให้ไมโครไบโอมของผิวเสียสมดุล การขัดผิวแรงเกินไป ก็ทำให้เกราะป้องกันผิวถูกทำลาย ทำให้เกิดการระคายเคือง หรือแม้แต่ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น

อาบน้ำบ่อยเกินไป อาจส่งผลเสีย

งานวิจัยทางผิวหนังพบว่า คนที่อาบน้ำทุกวัน (หรือมากกว่าวันละครั้ง) มีแนวโน้มที่จะ มีผิวแห้ง และสูญเสียน้ำมันธรรมชาติของผิวมากขึ้น อาบน้ำด้วยสบู่ต้านแบคทีเรียบ่อยเกินไป อาจทำให้ เชื้อดื้อยาพัฒนาได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในโรงพยาบาลที่มีการใช้สบู่ฆ่าเชื้ออย่างเข้มข้น

ในสังคมที่อาบน้ำน้อยกว่ เช่น บางประเทศในยุโรปเหนือ พบว่าคนอาบน้ำแค่ไม่กี่ครั้งต่อสัปดาห์ แต่กลับมีอัตราการเกิดโรคผิวหนังไม่ต่างจากคนที่อาบน้ำทุกวัน

อาบน้ำทุกวันดีหรือไม่ดี

อาบน้ำเป็นเรื่องของความสะอาด แต่ไม่ได้แปลว่าทำบ่อยเท่าไหร่ยิ่งดี สิ่งสำคัญคือ การรักษาสมดุลของผิว โดยไม่ทำลายไมโครไบโอมที่ช่วยปกป้องร่างกาย

ถ้าเรื่องของความสะอาด อาบน้ำวันละครั้งก็เพียงพอ เว้นแต่ว่าคุณเหงื่อออกมาก หรือทำงานที่มีสิ่งสกปรกเยอะ ควรต้อง อาบน้ำทุกครั้งหลังร่างกายสกปกรกมาก เพื่อชำระล้างเชื้อโรค สิ่งหมักหมมที่จะทำให้ป่วยหนักกว่าแค่ผิวแห้งออกไป

หลีกเลี่ยงสบู่แรง ๆ โดยเฉพาะสบู่ต้านแบคทีเรียที่ไม่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ที่จะทำให้ผิวระคายเคือง หลังอาบน้ำ ควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อช่วยฟื้นฟูผิว

ท้ายที่สุดแล้ว “ความสะอาด” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่อาบน้ำ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราดูแลผิวอย่างถูกวิธีหรือไม่

วิธีดูแลผิวสำหรับคนไทยที่ต้องอาบน้ำทุกวันเช้า-เย็น

ในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย หลายคนคุ้นเคยกับการอาบน้ำวันละสองครั้ง เช้าและเย็น เพื่อขจัดเหงื่อไคลและความเหนียวตัว แม้ว่าการอาบน้ำจะช่วยให้สดชื่น แต่หากดูแลไม่ถูกวิธี ก็อาจทำให้ผิวแห้งเสีย สมดุลของผิวถูกรบกวน และอาจเกิดการระคายเคืองได้ จึงควรดูแลผิวตามนี้ให้ยังคงสุขภาพดี แม้ต้องอาบน้ำบ่อย

เลือกอุณหภูมิน้ำให้เหมาะสม

อุณหภูมิของน้ำที่ใช้อาบมีผลต่อสุขภาพผิวโดยตรง น้ำที่อุ่นเกินไปสามารถชะล้างน้ำมันธรรมชาติออกจากผิว ทำให้ผิวแห้งและสูญเสียความชุ่มชื้น ทางที่ดีควรใช้น้ำที่อุณหภูมิห้องหรือน้ำเย็นในช่วงเช้า เพื่อปลุกความสดชื่นและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ส่วนในตอนเย็น หากต้องการอาบน้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลาย ควรให้อุณหภูมิไม่ร้อนจนเกินไป และใช้เวลาอาบน้ำให้สั้นลงเพื่อลดการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิว

เลือกสบู่ดีๆ

การใช้สบู่ที่รุนแรงเกินไปอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ โดยเฉพาะสบู่ที่มีสารซัลเฟต (SLS, SLES) หรือสบู่ต้านแบคทีเรียที่ไม่ได้จำเป็นต้องใช้ทุกวัน ควรเลือกสบู่ที่อ่อนโยนต่อผิวและมีค่า pH ใกล้เคียงกับผิวตามธรรมชาติ (pH 5.5-6) หากมีปัญหาผิวแห้ง การใช้สบู่เหลวที่ให้ความชุ่มชื้นอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสบู่ก้อน นอกจากนี้ สบู่สมุนไพรไทย เช่น มะขาม น้ำผึ้ง หรือว่านหางจระเข้ ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการบำรุงผิวไปพร้อมกับการทำความสะอาด

หลีกเลี่ยงการขัดถูผิวแรงเกินไป

หลายคนมีนิสัยใช้ใยขัดตัวหรือฟองน้ำขัดผิวเป็นประจำ โดยหวังว่าจะช่วยให้ผิวสะอาดขึ้น แต่การขัดถูแรงเกินไป หรือทำบ่อยเกินความจำเป็น อาจทำให้ผิวอักเสบและเสียสมดุลได้ ทางที่ดี ควรใช้มือถูสบู่เบา ๆ แทนการใช้ใยขัดตัวทุกวัน และหากต้องการผลัดเซลล์ผิว ควรใช้ใยขัดตัวหรือสครับเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอ โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวบอบบาง เช่น ข้อพับ ใต้รักแร้ หรือบริเวณที่ระคายเคืองง่าย

เช็ดตัวให้แห้งและบำรุงผิวหลังอาบน้ำ

หลังอาบน้ำ ผิวจะสูญเสียน้ำได้ง่ายขึ้นหากปล่อยให้เปียกชื้นนานเกินไป ดังนั้น ควรใช้ผ้าขนหนูนุ่ม ๆ ซับตัวให้แห้งอย่างเบามือแทนการถูแรง ๆ และที่สำคัญคือ การบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ทันทีในขณะที่ผิวยังชื้นอยู่ จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีที่สุด หากเป็นคนผิวมันหรือเป็นสิวง่าย ควรเลือกโลชั่นเนื้อบางเบาหรือเจลว่านหางจระเข้ ส่วนคนที่มีผิวแห้งอาจใช้ครีมหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเชียบัตเตอร์หรือน้ำมันมะพร้าว หากมีผิวแพ้ง่าย ให้เลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมและแอลกอฮอล์

ปกป้องผิวจากแสงแดด

แม้อาบน้ำจะช่วยให้รู้สึกสะอาดและสดชื่น แต่ผิวก็ยังคงเผชิญกับรังสียูวีจากแสงแดดอยู่ดี การปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ โดยควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และทาทุกเช้า แม้ว่าจะไม่ได้ออกจากบ้านก็ตาม หากต้องออกกลางแดดเป็นเวลานาน แนะนำให้ใช้ครีมกันแดด SPF 50+ และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ ควรใส่เสื้อแขนยาว หมวก หรือกางร่ม เพื่อช่วยป้องกันแสงแดดเพิ่มเติม

ดูแลผิวจากภายในด้วยโภชนาการที่ดี

สุขภาพผิวที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับการดูแลภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่อาหารที่เรากินก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 2-3 ลิตร เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน เลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า-3 และวิตามิน E เช่น อะโวคาโด ถั่ว และปลาทะเล ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงผิว หลีกเลี่ยงของทอด อาหารที่มีน้ำตาลสูง และแอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจทำให้ผิวอักเสบและเกิดปัญหาสิวหรือริ้วรอยก่อนวัยได้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button