เศรษฐกิจ

วอร์เรน บัฟเฟตต์ เล็งบริจาคเงิน 3 หมื่นล้านให้มูลนิธิ – จัดการมรดกแสนล้านหลังตาย

วอร์เรน บัฟเฟตต์ เตรียมบริจาคเงินเพิ่มอีกกว่า 3 หมื่นล้านให้กับมูลธินี และวางแผนการจัดสรรทรัพย์สินกว่าแสล้าน หลังจากเขาเสียชีวิต

นักลงทุนคนดัง วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ได้สืบสานประเพณีการให้ในเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า ด้วยการมอบหุ้นของบริษัท Berkshire Hathaway มูลค่ากว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 37,913 ล้านบาท) ให้กับมูลนิธิของครอบครัวเขา 4 แห่งเมื่อวันจันทร์ และได้เปิดเผยรายละเอียดใหม่เกี่ยวกับผู้ที่จะทำหน้าที่จัดสรรทรัพย์สินส่วนที่เหลือของเขาหลังจากที่เขาเสียชีวิต

Advertisements

บัฟเฟตต์เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าลูกทั้งสามคนของเขาจะทำหน้าที่แจกจ่ายทรัพย์สินที่เหลืออยู่มูลค่า 147.4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5,080,362 ล้านบาท) ภายในเวลา 10 ปีหลังจากเขาเสียชีวิต แต่ตอนนี้เขาได้กำหนดผู้สืบทอดให้กับลูกๆ ด้วย เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่ลูกๆ ของบัฟเฟตต์อาจเสียชีวิตก่อนที่จะแจกจ่ายทรัพย์สินทั้งหมด เขาไม่ได้เปิดเผยว่าผู้สืบทอดเป็นใคร แต่กล่าวว่าลูกๆ ของเขาทุกคนรู้จักพวกเขาดีและเห็นด้วยว่าพวกเขาเป็นตัวเลือกที่ดี

บัฟเฟตต์วัย 94 ปี เขียนจดหมายถึงผู้ถือหุ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ความว่า “กาลเวลาเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเอาชนะได้ แต่มันก็ไม่แน่นอน บางครั้งก็ไม่ยุติธรรม แม้กระทั่งโหดร้าย บางคนจบชีวิตตั้งแต่แรกเกิดหรือหลังจากนั้นไม่นาน ในขณะที่บางคนก็อยู่ยืนยาวเป็นร้อยปีก่อนความตายจะมาเยือน จนถึงตอนนี้ผมโชคดีมาก แต่อีกไม่นานความตายก็คงมาถึงตัวผม อย่างไรก็ตาม การที่ผมโชคดีรอดพ้นจากความตายมาได้ก็มีข้อเสียเหมือนกัน เพราะอายุขัยที่คาดการณ์ไว้ของลูกๆ ผมลดลงไปมากนับตั้งแต่ผมให้คำมั่นในปี 2006 ตอนนี้พวกเขาอายุ 71, 69 และ 66 ปีแล้ว”

บัฟเฟตต์กล่าวว่าเขายังคงไม่สนใจที่จะสร้างความมั่งคั่งแบบราชวงศ์ในครอบครัวของเขา ซึ่งเป็นมุมมองที่ทั้งภรรยาคนแรกและคนปัจจุบันของเขาเห็นด้วย เขายอมรับว่าได้ให้เงินหลายล้านแก่ฮาเวิร์ด ปีเตอร์ และซูซี่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่เขาก็ยืนยันมาโดยตลอดว่าเขาเชื่อว่า “พ่อแม่ที่ร่ำรวยมากควรทิ้งทรัพย์สินให้ลูกๆ ในปริมาณที่มากพอให้พวกเขาทำอะไรก็ได้ แต่ไม่มากจนทำให้พวกเขาไม่ต้องทำอะไรเลย”

Advertisements

ความลับในการสร้างความมั่งคั่งมหาศาลเช่นนี้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อยู่ที่พลังของดอกเบี้ยทบต้นและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกลุ่มบริษัท Berkshire ที่บัฟเฟตต์บริหารผ่านการเข้าซื้อกิจการและการลงทุนอย่างชาญฉลาด เช่น การซื้อหุ้น Apple มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในขณะที่ยอดขาย iPhone ยังคงขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทนั้น บัฟเฟตต์ไม่เคยขายหุ้น Berkshire ของเขาเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังต้านทานกับกับดักของความร่ำรวย ไม่เคยใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย แต่กลับเลือกที่จะอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดิมที่โอมาฮาที่เขาซื้อมาหลายทศวรรษก่อน และขับรถซีดานหรูที่เรียบง่ายไปทำงานเป็นระยะทางประมาณ 20 ช่วงตึกในแต่ละวัน

เขากล่าวว่า “ในฐานะครอบครัว เรามีทุกสิ่งที่เราต้องการหรือแค่ชอบ แต่เราไม่เคยหาความสุขจากการที่คนอื่นอยากได้ในสิ่งที่เรามี”

หากบัฟเฟตต์และภรรยาคนแรกไม่เคยบริจาคหุ้น Berkshire เลย ทรัพย์สินของครอบครัวจะมีมูลค่าเกือบ 364 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 12,545,805 ล้านบาท) ซึ่งจะทำให้เขาเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย แต่บัฟเฟตต์กล่าวว่าเขาไม่เคยเสียดายกับการบริจาคตลอดหลายปีที่ผ่านมา

การบริจาคของครอบครัวเริ่มต้นอย่างจริงจังด้วยการแจกจ่ายทรัพย์สินมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ของซูซาน บัฟเฟตต์หลังจากที่เธอเสียชีวิตในปี 2004 แต่การบริจาคเริ่มมากขึ้นอย่างจริงจังเมื่อวอร์เรน บัฟเฟตต์ประกาศแผนในปี 2006 ที่จะบริจาคประจำปีให้กับมูลนิธิที่บริหารโดยลูกๆ ของเขา รวมถึงมูลนิธิที่เขาและภรรยาก่อตั้ง ตลอดจนมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์

จนถึงปัจจุบัน การบริจาคของวอร์เรน บัฟเฟตต์ส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่มูลนิธิเกตส์ โดยบริจาคหุ้นมูลค่า 55 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากเพื่อนของเขาคือบิล เกตส์ได้ก่อตั้งมูลนิธิไว้แล้วและสามารถจัดการกับเงินบริจาคจำนวนมหาศาลได้ตั้งแต่บัฟเฟตต์เริ่มแจกจ่ายทรัพย์สินของเขา

อย่างไรก็ตาม บัฟเฟตต์กล่าวว่าตอนนี้ลูกๆ ของเขามีประสบการณ์ด้านการกุศลมากพอที่จะรับหน้าที่นี้ได้แล้ว และเขาวางแผนที่จะยุติการบริจาคให้กับมูลนิธิเกตส์หลังจากที่เขาเสียชีวิต บัฟเฟตต์มักจะบริจาคประจำปีครั้งใหญ่ให้กับมูลนิธิทั้งห้าแห่งในช่วงฤดูร้อนเสมอ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาได้มอบหุ้น Berkshire เพิ่มเติมให้กับมูลนิธิของครอบครัวในช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าด้วย

บัฟเฟตต์ย้ำอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ถึงคำแนะนำที่เขามีต่อพ่อแม่ทุกคน ให้เปิดโอกาสให้ครอบครัวได้อ่านพินัยกรรมในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เหมือนที่เขาได้ทำ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขามีโอกาสได้อธิบายการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดสรรทรัพย์สินและตอบคำถามของลูกๆ บัฟเฟตต์เล่าว่าเขาและชาร์ลี มังเกอร์ หุ้นส่วนการลงทุนที่ร่วมงานกันมายาวนานซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว

“ได้เห็นหลายครอบครัวแตกแยกกัน หลังจากที่คำสั่งในพินัยกรรมที่เปิดเผยหลังความตายทำให้ผู้รับผลประโยชน์เกิดความสับสนและบางครั้งก็โกรธด้วย”

ปัจจุบัน บัฟเฟตต์ยังคงนำบริษัท Berkshire Hathaway ในฐานะประธานและซีอีโอ และไม่มีแผนที่จะเกษียณ แม้ว่าเขาจะมอบหมายหน้าที่การบริหารงานประจำวันส่วนใหญ่ของบริษัทในเครือหลายสิบแห่งให้กับผู้อื่นแล้ว การทำเช่นนี้ทำให้เขาสามารถมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมโปรดของเขา

นั่นคือการตัดสินใจว่าจะนำเงินหลายพันล้านของ Berkshire ไปลงทุนที่ไหน หนึ่งในผู้ช่วยของบัฟเฟตต์ที่ดูแลบริษัทที่ไม่ใช่ธุรกิจประกันทั้งหมดในตอนนี้คือ เกรก เอเบล ซึ่งถูกกำหนดให้รับตำแหน่งซีอีโอต่อหลังจากบัฟเฟตต์เสียชีวิต

แม้จะแปลงหุ้น Class A จำนวน 1,600 หุ้นเป็นหุ้น Class B ของ Berkshire จำนวน 2.4 ล้านหุ้นและบริจาคออกไปแล้ว บัฟเฟตต์ก็ยังคงถือหุ้น Class A อยู่ 206,363 หุ้น และควบคุมสิทธิ์ในการออกเสียงมากกว่า 30%

อ้างอิง : www.wyomingnews.com

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Bas

ผู้สื่อข่าวกีฬา จบการศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีประสบการณ์เขียนข่าวกีฬากับ SMMSport กว่า 10 ปี เริ่มทำงานกับ Thaiger เมื่อ 2021 ชอบและติดตามกีฬามาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะฟุตบอลทั้งบอลไทย และต่างประเทศ 5 ลีกดังของโลก พร้อมอัปเดตข่าวสารวงการฟุตบอล แบบเข้าใจง่าย ให้เพื่อนๆและแฟนบอลได้ติดตามกันทุกวัน ช่องทางติดต่อ saral@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button