รวบแล้ว “น้ำหนึ่ง นักตุ๋น” มิจฉาชีพสวมชุดขาว ป่วนสภาฯ พบคดีฉาวเพียบ
สืบนครบาล จับกุม “น้ำหนึ่ง” นักต้มตุ๋นตัวแสบ แอบอ้างว่ารู้จักกับผู้ใหญ่แวดวงการเมือง สวมชุดขาวเดินเล่นสภาถ่ายรูปคู่ไปทั่ว พบเคยก่อคดีฉ้อโกงยาวเหยียด
วานนี้ (6 ต.ค.) สืบนครบาล IDMB รายงานผลการจับกุม น.ส.สุวดี ฉายา “น้ำหนึ่ง นักตุ๋น” อายุ 47 ปี พื้นเพ จ.สงขลา ที่ห้องพักรายวันย่านลาดกระบังขณะสวมกำไล EM กรณีสวมชุดขาวพร้อมติดเครื่องราชฯ เดินเล่นในสภาฯพร้อมแอบอ้างว่ารู้จักกับนักการเมืองชื่อดังหลายคน เช่น เป็นญาติกับภรรยาของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล, คนสนิทของ นายเนวิน ชิดชอบ ฯลฯ และเนียนแอบถ่ายรูปคู่ไปหลอกลงทุน โดยขณะจับกุมได้ตรวจยึดของกลาง 5 รายการดังนี้
- ชุดปกติขาวพร้อมเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 1 ชุด
- เสื้อคลุมสีดำ ปักคำว่า รัฐสภา 1 ชุด
- เสื้อคลุมสีดำ ปักคำว่า สำนักนายกรัฐมนตรี 1 ชุด
- บัตรตัวแทนพรรคการเมืองชื่อดัง 1 ใบ
- รถยนต์โตโยต้า แคมรี่สีเทา 1 คัน (ใช้ซุกซ่อนของกลางและนำไปจอดแอบ)
นอกจากนี้หลังทำการสืบค้นประวัติ พบว่าน้ำหนึ่งมีคดีฉ้อโกงยาวเป็นหางว่าว 14 คดี ตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงขั้นหลอกว่าเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างหลายราบเป็นเวลาเกือบ 10 ปี กระทั่งปี 60 เริ่มมามุกหลอกลวงใหม่คือการแอบอ้างว่าสนิทกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวัน หลอกลงทุนในหุ้นไปทั่ว
กระทั่งผ่านไป 4 ปี เจ้าตัวหลอกลวงข้ามขั้นว่าสนิทกับผู้ใหญ่ในแวดวงการเมือง และเริ่มพฤติกรรมสวมชุดขาวเดินป้วนเปี้ยนในสภาฯ จนสว.ท่านหนึ่งได้ทราบเรื่อง จึงหารือในที่ประชุมถึงมิจฉาชีพรายนี้ในสภาฯ ทำให้ในตอนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ได้ติดป้ายประกาศห้ามสาวแสบรายนี้เข้าสภาฯนับแต่นั้น
ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.บางโพ จึงออกหมายจับผนวกเรื่องแดงที่สภาฯ ผู้ต้องหาจึงไหวตัวหลบหนีเข้ากลีบเมฆ ด้านพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.จ จึงสั่งการให้ส่งชุดไล่ล่าติดตามตัวทันที โดยระหว่างที่ชุดสารวัตรแจ๊ะได้ล่าติดตามพบว่าคนร้ายได้หลบหนีไปกบดานอยู่กับ “หมอดูชื่อดัง” ตระเวนเช่าห้องพักรายวันอยู่ในละแวก ถ.ลาดกระบัง โดยจะเปลี่ยนที่พักทุกๆวันไม่ให้ซ้ำ เพื่อป้องกันการติดตามของเจ้าหน้าที่ กระทั่งวันที่ 5 ต.ค. 67 ชุดสืบสวนได้พบคนร้ายกำลังจะย้ายที่พักจึงทำการจับกุมตัวไว้ทันที
ในชั้นจับกุม น้ำหนึ่ง ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เนื่องจากตนนำชุดเครื่องเพื่อนมาใส่เท่านั้น ส่วนรูปคู่กับคนในสภาก็ถ่ายไว้เพื่อนำมาสมัครสส.ปาร์ตี้ลิสต์ ส่วนกรณีที่บอกว่าตนสนิทกับนักการเมืองนั้น เป็นเพราะตนเคยช่วยหาเสียงให้หลายครั้ง แต่ไม่ทราบว่าท่านจะจำตนได้หรือไม่ อีกทั้งคดีฉ้อโกงส่วนใหญ่ตนคืนเงินให้ผู้เสียหายหมดแล้ว เหลือแค่คดีหลอกลวงลงทุน “บัตรลุงตู่พลัส” ความเสียหาย 1,700,000 บาท ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 3 ปี ตอนนี้อยู่ระหว่างการสู้ชั้นอุทธรณ์
อีกทั้งตนยังเชื่อว่าถูกกลั่นแกล้งจาก สว. ท่านหนึ่ง เนื่องจากถูกเชื่อว่าตนเป็นสาเหตุให้สว.ท่านนั้นเลิกกับภรรยา จึงเดินหน้าหาเรื่องตนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่ายังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหา เนื่องจากพฤติกรรมจากข้อมูลประวัติคดีและการสืบสวนล่าสุดไม่สอดคล้องกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นคดีในข้อหา ฉ้อโกง แถมพยานหลักฐานต่าง ๆ ยังบ่งชี้ว่าเจ้าตัวกระทำการเช่นนี้มาหลายครั้งอีกด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง