คดีพลิก โรงหนังเผยความจริง หลังลุงถูกชก สลบคาที่ สวนคำให้การพยาน
โรงภาพยนตร์แจงความจริงอีกมุม หลังลูกค้าถูกชก-เตะใบหน้าจนกรามหัก สลบอยู่กับที่ ซึ่งข้อมูลบางส่วนไม่ตรงกับที่พยานเล่า
จากกรณีที่ชายวัย 60 ปี ถูกทำร้ายร่างกายภายในโรงหนังจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกชกและเตะใบหน้าจนกรามหัก สลบคาที่หลังจากเข้าไปตักเตือนกลุ่มไบค์เกอร์เรื่องการใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างชมภาพยนตร์ ภายเข้าแจ้งความที่สน. พหลโยธิน แต่คดีไม่คืบ ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลกว่า 20,000 บาท จึงร้องให้เพจดังช่วยแชร์เรื่องราวลงโซเชียล วอนขอความเป็นธรรม ล่าสุด ทางโรงภาพยนตร์ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งบางส่วนไม่ตรงกับที่เจ้าตัวเล่ามา
ทางโรงภาพยนตร์ชี้แจงว่า วันที่ 27 มิ.ย. 67 ลูกค้าคนดังกล่าวมาดูหนังเพียงลำพัง เจ้าตัวอ้างว่าเป็นคุณลุงอายุ 60 ปี แต่ความจริงแล้วลักษณะน่าจะอายุไม่ถึง 60 ปี ซื้อตั๋วเข้ามารับชมภาพยนตร์ในโรงที่ 2 ซึ่งเหตุการณ์ความวุ่นวายนั้นเกิดขึ้นก่อนที่หนังจะเริ่ม ชายคนดังกล่าวเข้าไปตักเตือนลูกค้าที่เจ้าตัวอ้างว่าเป็นกลุ่มไบค์เกอร์นั่งอยู่ก่อนเขา 1 แถว ทำให้แสงจากโทรศัพท์แยงเข้าตา
หลังจากภาพยนตร์จบลง กลุ่มวัยรุ่นกำลังจะเดินออกโรงหนัง แต่ถูกชายคนนี้ต่อว่าอีกครั้ง จึงสงสัยว่าทำไมยังไม่หยุดพูดเรื่องนี้อีก ชายคนดังกล่าวไม่พูดอะไร ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วสะบัดมือใส่หน้า จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นออกหมัดไปที่ใบหน้าอย่างแรง ก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอก ทำให้ลุงทรุดลงกับพื้น แต่ไม่ได้สลบไปตามที่ได้กล่าวอ้างไว้ก่อนหน้านี้
จากนั้นลูกค้าคนที่ถูกต่อยก็เดินออกมาจากโรงหนัง พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้พนักงานโรงหนังฟัง เมื่อได้ยินดังนั้นพนักงานจึงพาลูกค้าไปลงบันทึกประจำวันที่สถานที่ตำรวจพหลโยธิน แต่ลูกค้าที่เป็นผู้ก่อเหตุไม่ได้อยู่รอ เพราะบอกว่ารอไม่ไหว จึงให้ลุงไปติดต่อได้ที่สน. ก่อน ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดมาจากพยานที่สังเกตเหตุการณ์มาตั้งแต่เกิดเรื่อง
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจของสน. พหลโยธินออกหมายเรียกให้ทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกันในวันที่ 16 กันยายน 67 อย่างไรก็ตาม ทางโรงภาพยนตร์ไม่ได้นิ่งนอนใจและไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง