ผ้าอาบน้ำฝน หรือที่เรียกในภาษาพระวินัยว่า ผ้าวัสสิกสาฏก คือผ้าที่ใช้สำหรับให้พระสงฆ์นุ่งอาบน้ำในช่วงฤดูฝน เป็นสิ่งของสำคัญที่พุทธศาสนิกชนนิยมนำมาถวายพระสงฆ์ในช่วงเทศกาล วันเข้าพรรษา เชื่อกันว่า ชาวพุทธทำบุญด้วยการถวายผ้าอาบน้ำฝน นอกจากแสดงถึงความเคารพต่อพระพุทธศาสนา แต่ยังมีอานิสงส์มงคลแรงอีกด้วย
ความเป็นมาของผ้าอาบน้ำฝน เกิดขึ้นสมัยพุทธกาล
ในสมัยพุทธกาล พระภิกษุในชมพูทวีปไม่ได้มีผ้าสำหรับอาบน้ำโดยเฉพาะ ตามพระวินัยบัญญัติ พระภิกษุสงฆ์มีผ้าเพียง 3 ผืนเท่านั้น คือ ผ้านุ่ง, ผ้าห่ม และผ้าสังฆาฏิ ซึ่งใช้สำหรับนุ่งห่มและคลุมกายเท่านั้น เมื่อถึงเวลาอาบน้ำ พระภิกษุจึงต้องเปลือยกายอาบน้ำในแม่น้ำลำคลอง ซึ่งเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม
เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นเมื่อมีผู้พบเห็นพระภิกษุอาบน้ำโดยไม่นุ่งผ้า จึงเข้าไปกราบทูลฟ้องพระพุทธเจ้า พระองค์จึงทรงบัญญัติเพิ่มเติมในพระวินัยว่าเวลาพระภิกษุอาบน้ำจะต้องนุ่งผ้าด้วย แต่ก็ยังไม่มีผ้าสำหรับอาบน้ำโดยเฉพาะ พระภิกษุจึงต้องใช้ผ้าสามผืนที่มีอยู่ผลัดเปลี่ยนกัน ซึ่งทำให้ผ้าชำรุดเร็วและไม่ถูกสุขลักษณะ
ต่อมานางวิสาขามหาอุบาสิกา ผู้เป็นเอตทัคคะทางด้านการทำบุญ ได้ทราบถึงความยากลำบากของพระภิกษุในเรื่องนี้ จึงได้กราบทูลขอพระพุทธเจ้าให้ทรงอนุญาตให้พระภิกษุมีผ้าอาบน้ำฝนได้ พระพุทธองค์ทรงพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นสิ่งที่สมควร จึงทรงอนุญาต
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตแล้ว นางวิสาขาจึงเป็นผู้นำในการทำบุญถวายผ้าอาบน้ำฝนแก่พระภิกษุสงฆ์เป็นคนแรก ชาวบ้านเห็นเป็นบุญกุศลที่ควรทำตาม จึงพร้อมใจกันถวายผ้าอาบน้ำฝนแด่พระสงฆ์ในช่วงเข้าพรรษา ซึ่งเป็นช่วงที่ฝนตกชุก ผ้าจะได้มีประโยชน์ในการใช้สรงน้ำฝน
ประเพณีการถวายผ้าอาบน้ำฝนจึงเริ่มต้นขึ้นในสมัยพุทธกาลด้วยเหตุนี้ และได้สืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าในปัจจุบันผ้าอาบน้ำฝนอาจเปลี่ยนรูปแบบเป็นผ้าขนหนูหรือผ้าเช็ดตัว แต่ความตั้งใจในการทำบุญและช่วยเหลือพระภิกษุสงฆ์ก็ยังคงเหมือนเดิม
ตามประเพณีไทย นิยมถวายผ้าอาบน้ำฝนในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 แต่หากไม่สะดวก สามารถถวายได้ตลอดช่วง 3 เดือนนี้
ขั้นตอนถวายผ้าอาบน้ำฝน
1. เตรียมผ้าอาบน้ำฝน เลือกผ้าที่มีคุณภาพดี สีสุภาพ เหมาะสมกับสมณเพศ เช่น สีเหลือง สีครีม สีน้ำตาล หรือสีขาว อาจเป็นผ้าฝ้าย ผ้าโทเร หรือผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ผ้าขนหนูหรือผ้าเช็ดตัวสำหรับใช้สรงน้ำก็ได้เช่นกัน
2. จัดเตรียมชุดสังฆทาน นอกจากผ้าอาบน้ำฝนแล้ว สามารถจัดเตรียมสิ่งของอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับพระสงฆ์ เช่น สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ยาสระผม น้ำยาซักผ้า ผงซักฟอก รวมถึงของใช้จำเป็นอื่นๆ ตามความเหมาะสม
3. เมื่อถึงวัดแล้ว ให้เข้าไปในพระอุโบสถหรือศาลาการเปรียญ
4. จัดเตรียมผ้าอาบน้ำฝนและชุดสังฆทานให้เรียบร้อย วางไว้บนพานหรือภาชนะที่เหมาะสม
5. เมื่อพระสงฆ์พร้อมแล้ว ให้ประนมมือ กล่าวคำถวายผ้าอาบน้ำฝน สามารถกล่าวตามบทสวดที่ได้เตรียมไว้ หรือกล่าวด้วยใจที่บริสุทธิ์
6. ประเคนผ้าอาบน้ำฝน นำผ้าอาบน้ำฝนและชุดสังฆทานประเคน (ถวาย) แด่พระสงฆ์ด้วยความเคารพ
7. หลังจากถวายผ้าอาบน้ำฝนแล้ว ให้รับพรจากพระสงฆ์เพื่อความเป็นสิริมงคล
9. กรวดน้ำ หลังจากรับพรแล้ว ให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว หรือเจ้ากรรมนายเวร
10. เมื่อเสร็จสิ้นพิธีกรรมทั้งหมดแล้ว ให้กราบลาพระสงฆ์ด้วยความเคารพ
คำกล่าวถวายผ้าอาบน้ำฝน
“อิมานิ มะยัง ภันเต วัสสิกะสาฏิกานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิวัสสิกะสาฏิกานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ”
(ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้าอาบน้ำฝนเหล่านี้ แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับผ้าอาบน้ำฝนเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์และความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย สิ้นกาลนานเทอญ)
อานิสงส์ถวายผ้าอาบน้ำฝน เย็นฉ่ำเหมือนฝนเข้าพรรษา
การถวายผ้าอาบน้ำฝน ไม่เพียงแต่เป็นการทำบุญที่งดงามและสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน แต่ยังเป็นการสร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ ที่ส่งผลดีต่อทั้งผู้ให้และผู้รับ อานิสงส์ที่ได้รับจากการถวายผ้าอาบน้ำฝนนั้นมีมากมาย ทั้งในด้านจิตใจ สุขภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต
1. บุญกุศลอันยิ่งใหญ่ เพราะเป็นการช่วยเหลือพระสงฆ์ในการปฏิบัติศาสนกิจให้ราบรื่น โดยเฉพาะในช่วงเข้าพรรษาที่ฝนตกชุก ผ้าอาบน้ำฝนจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้พระสงฆ์มีผ้าสะอาดสำหรับใช้สรงน้ำฝน และมีสมาธิในการปฏิบัติธรรมตลอดพรรษา
2. ผู้ที่ถวายผ้าอาบน้ำฝนเชื่อกันว่าจะมีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เพราะการทำบุญด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์จะส่งผลให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรง
3. ทำให้มีผิวพรรณผ่องใส เปล่งปลั่ง เพราะการทำบุญด้วยจิตใจที่เบิกบานจะส่งผลให้มีออร่าที่ดี
4. ประสบความสำเร็จทั้งในหน้าที่การงาน ชีวิตส่วนตัว เพราะการทำบุญด้วยจิตใจที่ตั้งมั่นจะส่งผลให้มีสติปัญญาและความสามารถในการแก้ไขปัญหาต่างๆ
5. การทำบุญด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์จะทำให้เป็นที่รักของคนทั่วไป เพราะการมีจิตใจที่ดีงามจะส่งผลให้มีบุคลิกภาพที่ดีและเป็นที่น่าคบหา
6. ทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์ เพราะการทำบุญจะช่วยลดละกิเลสและความยึดมั่นถือมั่น
7. เชื่อว่าทำบุญได้กุศล ทำให้มีความสุขในชีวิตหลังความตาย เพราะบุญกุศลที่ทำไว้จะติดตามไปยังภพภูมิต่อไป
8. ผู้ที่ทำบุญด้วยจิตใจที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เชื่อกันว่าจะได้เกิดในยุคพระศรีอาริยเมตไตรย์ ซึ่งเป็นยุคที่ผู้คนมีศีลธรรมและความสุข
9. จิตใจที่เคารพในพระรัตนตรัย เชื่อกันว่าจะได้รับการปกป้องจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทวดา
10. การทำความดีจะส่งผลให้ผู้อื่นเกิดแรงบันดาลใจในการทำความดีตาม
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
- ทำบุญด้วย 5 ของถวาย “วันเข้าพรรษา” เสริมบุญปัง ชีวิตดี๊ดี
- ตอบสาเหตุ “วันเข้าพรรษา” ทำไมไม่มีวันหยุดชดเชยวันธรรมดา
- ตัวอย่าง เรียงความวันเข้าพรรษา สืบสานหลักธรรม ผ่านงานเขียนทรงคุณค่า
- วันเข้าพรรษา 2567 ขายเหล้าได้ไหม กางกฎหมาย ฝ่าฝืนต้องโทษอะไรบ้าง
- แคปชั่นวันเข้าพรรษา 2567 รวมคำคมกวน ๆ ฮา ๆ สอนใจ เข้าพรรษาทั้งที หยุดหน้าตาดีไม่ได้เลย