ข่าว

ศาลอาญา ยกฟ้อง ‘ทุน มินหลัด’ และ ‘ลูกเขย สว.อุปกิต’ คดีสมคบค้ายาเสพติด

ศาลอาญา พิพากษายกฟ้อง ทุน มินหลัด และ ลูกเขย สว.อุปกิต คดีสมคบค้ายาเสพติด ชี้ พยานโจทก์ ยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยทำผิด

ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีดำ ย1249/2565 ที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 9 เป็นโจทก์ฟ้องนายทุน มินหลัด (Mr.TUN MIN LATT) นักธุรกิจชาวเมียนมา ที่ 1 , นายดีน ยัง จุลธุระ ที่ 2 , น.ส.น้ำหอม ที่ 3 , น.ส.ปิยะดา ที่ 4 และบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด โดยนายทุน มิน หลัด และ น.ส.น้ำหอม ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ ที่ 5 ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันสนับสนุนกันกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มีลักษณะเป็นความผิดร้ายแรง องค์กรอาชญากรรม

คดีนี้ อัยการโจทก์ ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 22ก.พ.2562 ถึงวันที่ 10 พ.ค.2562 จำเลยทั้ง 5 กับพวกที่ยังหลบหนี และจำเลยบางส่วนที่ศาลจังหวัดธัญบุรีพิพากษาไปแล้ว ได้บังอาจร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยตกลงวางแผนและแบ่งหน้าที่กันทำ ในการจัดหายาเสพติดประเภท1 (ยาบ้า) โดยพวกจำเลยทำหน้าที่ดูแลรับฝากเงิน ถอนเงิน โอนเงินซื้อขายค่ายาเสพติดเข้าบัญชีของบริษัทฯ จำเลยที่5 โดยอ้างว่า เพื่อไปชำระค่าไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.แม่สาย.จ.เชียงราย ลักษณะปกปิด อำพราง ซึ่งการได้มาของเงินจำนวนดังกล่าวโดยรู้อยู่แล้วว่า เป็นเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติด โดยบริษัทฯจำเลยที่ 5 มีหน้าที่นำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติด เปลี่ยนสภาพเป็นสินค้าประเภทกระแสไฟฟ้า ส่งออกไปประเทศเมียนมา โดยจำเลยทั้ง 5 ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี

วันนี้ ศาลสั่ง เบิกตัวจำเลยทั้งหมดจากเรือนจำ มาฟังคำพิพากษา โดยมีครอบครัวญาติและเพื่อนมาร่วมฟังคำพิพากษาและให้กำลังใจ

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐาน เกี่ยวกับเส้นทางการเงินของกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดจำนวน 6 กลุ่ม ที่ก่อนหน้านี้ศาลได้มีคำพิพากษาว่ามีความผิด ส่วนเส้นทางการเงินของเครือข่ายยาเสพติดทั้ง 6 กลุ่ม มีบางส่วนที่เชื่อมโยงมาที่ร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตรา ตามแนวชายแดน ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจ ในเครืออัลลัวกรุ๊ป ก็ใช้บริการ ร้านแลกเปลี่ยนเงินตราร้านเดียวกัน เพราะมีความน่าเชื่อถือ และทางสถานทูต มีการตรวจสอบแล้วพบว่า ได้รับอนุญาตถูกต้อง จากหน่วยงานภาครัฐของทางเมียนมา

ทั้งนี้ จากการนำสืบของพยานโจทก์ ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดทั้ง 6 กลุ่ม ให้การยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับจำเลยทั้ง 5 มาก่อน และในขณะถูกจับกุม กลุ่มเครือข่ายยาเสพติด จำเลยทั้ง 5 ก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย

เมื่อพิจารณา จากคำเบิกความของพยานบุคคล จากกลุ่มธุรกิจต่างๆ ที่มาเบิกความต่อศาล สอดคล้องต้องกันว่า เป็นลูกค้าที่ใช้บริการโอนเงิน เพื่อชำระค่าสินค้าที่ซื้อไป บางรายใช้วิธีการโอนเงินมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นช่วงสถานการณ์โควิด ที่ชายแดนปิดไม่สามารถเดินทางไปมาระหว่างกันได้

เชื่อว่าร้านแลกเปลี่ยนเงินตรา มีผู้มาใช้บริการถึง 500 บัญชี และมี 22 บัญชีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่มาใช้บริการร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราด้วย ซึ่งตัวแทนบริษัทเมียนมาร์อัลลัวกรุ๊ป ก็ใช้บริการบัญชีเงินฝากร้านแลกเปลี่ยนเงินตราเดียวกันนี้ด้วย แม้ในช่วงที่จำเลยที่ 1-4 ถูกจับกุม ทางบริษัทของกลุ่มจำเลย ก็ยังใช้วิธีการชำระเงินแบบเดิม ซึ่งผิดปกติวิสัยว่าหากถูกจับกุมในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดแล้ว จะใช้วิธีการเดิมในการชำระเงิน

ส่วนจำเลยที่ 2 (ลูกเขยของ สว. อุปกิต) ได้ถูกเชิดให้เป็นผู้ถือหุ้นบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ปก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้ไม่ต้องโดนตรวจสอบ เป็นเพราะความมักง่ายในการทำธุรกิจ ไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ปกปิดเพราะเป็น สว. หลีกเลี่ยงการตรวจสอบเกี่ยวกับการทำธุรกิจ แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

พิเคราะห์แล้วไม่อาจรับฟังได้ว่า จำเลยทั้ง 5 ร่วมกันทำผิด เกี่ยวกับการสมคบค้ายาเสพติด และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พยานหลักฐานของจำเลยสามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ทั้งหมด พิพากษายกฟ้อง

ภายหลังศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง กลุ่มญาติของจำเลยที่มาร่วมฟังคำพิพากษา ต่างลุกขึ้นปรบมือส่งเสียงเฮดังลั่นห้องพอจารณาคดี และ ร้องไห้ เข้าสวมกอดกับจำเลยด้วยความดีใจ ขณะที่นายทุน มิน หลัด กล่าวคำว่า “Thank you”

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button