สรุปดราม่า ลูกชิ้นเชฟอ้อย เดือดจัด ผู้เสียหายแฟรนไชส์ลูกชิ้นดังรวมตัวโต้เดือด ถกสนั่นกลางโหนกระแส ทนายไพศาลชี้ผู้เสียหายฟ้องร้องทางแพ่งได้ เพราะเสียโอกาสทางธุรกิจ
กลายเป็นกระแสดราม่าเดือดที่สังคมกำลังจับจ้องมากเป็นพิเศษ กรณีแฟรนไชส์ลูกชิ้นแสนแซ่บของ เชฟอ้อย ยุวดี ชัยศิริพาณิชย์ เชฟชื่อดังจากรายการแข่งขันทำอาหาร หลังมีผู้ติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์และพบปัญหาหลายอย่าง ก่อนจะเกิดการโต้เถียงกันอย่างดุเดือดกลางรายการโหนกระแส จนหลายคนอยากรู้ที่มาที่ไปว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง วันนี้ทีมงาน Thaiger จึงได้สรุปดราม่าลูกชิ้นเชฟอ้อยมาเสิร์ฟกันแบบร้อน ๆ ครบจบในที่เดียว
ดราม่าลูกชิ้นเชฟอ้อย จุดเริ่มต้นเดือด ผู้เสียหายหลายชีวิต
1) จุดเริ่มต้นดราม่าลูกชิ้นเชฟอ้อย ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ข้อความแฉเจ้าของแฟรนไชส์ลูกชิ้นชื่อดังว่ากำลังเอาเปรียบผู้ซื้อแฟรนไชส์ อาทิ ไม่มีสูตรลูกชิ้นให้ เครื่องทำลูกชิ้นส่งล่าช้ากว่ากำหนด และปัญหาอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจอีกมากมาย
ปัญหาที่เกิดขึ้นสร้างผลกระทบให้แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์กว่า 40 คน แต่ยังไม่มีใครกล้าออกมาพูด เนื่องจากยังคงมีความหวังว่าขายไปแล้วอาจจะได้เงินคืน และกลัวเจ้าของแฟรนไชส์จะมายึดคืนไป ทำให้ดราม่าดังกล่าวกลายเป็นที่พูดถึงอย่างหนัก และมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก
เชฟอ้อยจ่อฟ้อง คนโพสต์-คอมเมนต์ ทำธุรกิจลูกชิ้นเสียหาย
2) จากกระแสที่เกิดขึ้น เชฟอ้อยก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางเพจ CHARM GARDEN ระบุ เตรียมดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดต่อคนโพสต์ คนคอมเมนต์ ในทางที่ก่อให้เกิดความเสียหาย เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและพรบ.คอม พร้อมยืนยันจะไม่รับขอโทษหรือยอมความใด ๆ
เชฟอ้อยไลฟ์โต้ เจ๊แมน สุราษฎร์ เดือด นำทีมถกกลางโหนกระแส
3) ผ่านไปไม่นาน เชฟอ้อยก็ได้ไลฟ์สดผ่านทาง TikTok เปิดใจถึงดราม่าลูกชิ้นที่เกิดขึ้น ใจความว่า ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะขายแฟรนไชส์ แต่เมื่อมีคนอยากซื้อ ก็เปิดขายให้จังหวัดละ 1 ร้าน แต่กลับพบว่ามีบางคนที่ซื้อแฟรนไชส์ไปโดยเปลี่ยนชื่อร้านและขายข้ามจังหวัดทำให้เกิดปัญหาตามมา ซึ่งส่วนตัวมองว่าคนเหล่านี้โลภมาก
4) จากคลื่นใต้น้ำเล็ก ๆ ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นคลื่นลูกใหญ่ เพราะในที่สุดเชฟอ้อยและตัวแทนผู้เสียหาย ก็ได้มานั่งประจันหน้าพูดคุยกันในรายการโหนกระแส ประจำวันที่ 11 ธันวาคม 2566 โดยทางฝั่งคู่กรณีประกอบด้วย เล้ง แมน ฟลุ๊ค เดียร์ และแอน ส่วนฝ่ายเชฟอ้อยเดินทางมาพร้อม เชฟปู ผู้คิดค้นสูตรลูกชิ้นและก๊วยเตี๋ยวแห้ง
5) เล้ง หนึ่งในผู้เสียหายเล่าว่า ตนได้ซื้อแฟรนไชส์มาในราคา 250,000 บาท เพื่อเปิดขายที่จ.นนทบุรี พร้อมสิ่งที่จะได้รับจากทางเชฟอ้อย 10 อย่างตามข้อตกลง อาทิ สูตรลูกชิ้น สูตรน้ำจิ้ม ได้แบรนด์ ได้โลโก้ไปใช้ เป็นต้น
จากทั้งหมด ตนได้รับไม่ครบตามข้อตกลง ช่วงแรกต้องรอเครื่องบดสับประมาณ 7-14 วัน ซึ่งถ้าในระหว่างนั้นจะเกิดการล่าช้าอีกก็ควรแจ้งให้ทราบก่อน ตนได้ถามไถ่อยู่ประมาณ 2 เดือนก็พบว่ามีผู้เสียหายเจ้าอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้รับเช่นกัน ระหว่างรอเครื่องบดสับมาส่งก็ใช้วิธีรับลูกชิ้นจากเชฟอ้อยมาขายก่อน ในราคากิโลกรัมละ 100 บาท
6) จุดไคลแม็กซ์ของการพูดคุยในรายการ คือการปะทะคารมของ เจ๊แมน สุราษฎร์ กับ เชฟอ้อย ซึ่งแมนเผยว่าตนได้รับอุปกรณ์ทำลูกชิ้นล่าช้าจนเสียโอกาส ทำให้แบกรับต้นทุนไม่ไหว จึงหันมาขายก๊วยเตี๋ยวแต่กลับโดนเชฟอ้อยด่าจนรับไม่ได้ เพราะเกิดมาทั้งชีวิต ไม่เคยมีใครด่าตนแล้วเดินหายไป ตนต้องได้ด่ากลับด้วย
7) จากนั้นเชฟอ้อยก็ได้ชี้แจงว่า การขายก๊วยเตี๋ยวของแมนทำให้คนเข้าใจผิด เนื่องจากลูกค้ามีภาพจำว่าแมนขายลูกชิ้นของเชฟอ้อย จัดร้านก๊วยเตี๋ยวเหมือนเชฟอ้อย ตนยอมรับว่าด่าและพูดจารุนแรงกับอีกฝ่ายจริงเนื่องจากไม่พอใจใจหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเอารูปตัวเองไปวางกับลูกชิ้น 5 บาท และยังมีคนเอาสูตรไปดัดแปลง ซึ่งไม่เป็นไปตามสัญญา
ท้ายที่สุด เชฟอ้อยระบุว่าไม่สามารถคืนแฟรนไชส์ได้ แต่สามารถขายให้คนอื่นมาซื้อต่อได้ ก่อนจะขอโทษคู่กรณีที่ตนพูดไม่ดี ส่วนทางด้านแมนก็ได้ขอโทษเชฟอ้อยเช่นกันที่พูดจาก้าวร้าวไปก่อนหน้านี้
ทนายไพศาลชี้ เชฟอ้อยทำผิดเงื่อนไข ไม่ใช่ฉ้อโกง ฟ้องแพ่งได้
8) ด้านทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ซึ่งมาช่วยเป็นทนายคนกลาง ได้ชี้แจงในทางข้อกฎหมายว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเข้าข่ายฟ้องร้องทางแพ่งได้ เนื่องจากเชฟอ้อยไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาและทำผิดเงื่อนไข เช่น จัดส่งอุปกรณ์ล่าช้า ทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ
ส่วนกรณีที่เชฟอ้อยบอกว่า มีคนเอาสูตรของตนไปดัดแปลงนั้น ในทางกฎหมายมองว่า สูตรอาหารเป็นการคุ้มครองการค้า เป็นความลับทางการค้าเท่านั้น แต่ไม่มีลิขสิทธิ์คุ้มครอง จึงสามารถคิดค้นได้ใหม่ ดัดแปลงได้ เว้นแต่ว่ามีคนใช้ชื่อและโลโก้ของเชฟอ้อยในการขาย จึงจะเป็นการทำผิด