นักข่าวภาคสนามพ้อ มีอีกหลายเคสรีไรต์ข่าวแต่ต้นทางถูกลืม ถึงเวลาส่งเสียงแล้ว
นัข่าวภาคสนามตัดพ้อแรง ไม่ได้มีแค่เคสที่กำลังเป็นกระแส ชี้อินฟลูฯ สมัยนี้ก็รีไรต์ข่าวทำให้ต้นทางถูกลืม ถึงเวลาที่ต้องส่งเสียงแล้ว
สืบเนื่องจากกรณีดราม่าวงการข่าวระหว่าง อ๊อฟ ชัยนนท์ และ แย้ม ฐปณีย์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คนในวงการข่าวหลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่นักข่าวที่มีประสบการณ์ภาคสนามจะเห็นด้วยว่าการรีไรต์ข่าวเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้น
อย่างเช่นกรณีของผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pornthip Morngyai นักข่าวภาคสนามจากช่องเวิร์คพอยท์ที่ล่าสุด (11 พ.ย. 66) ออกมาโพสต์ข้อความตัดพ้อว่านอกจากเคสนักข่าวรีไรต์งานคนอื่นที่กำลังเป็นกระแสในตอนนี้ อีกมุมหนึ่งที่คนควรให้ความสนใจคือบรรดาเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ที่รีไรต์ข่าวคนอื่นไม่ต่างกัน
“อินฟลูที่หลายคนติดตามก็ลอกข่าว ก๊อปประเด็นแล้วปรุงใหม่เยอะ ไม่ใช่แค่เคสที่กำลังเป็นกระแส ส่วนคนต้นทางก็ถูกลืม ทุกที
ถึงเวลาที่เราต้องส่งเสียง ทีผ่านมาถูกทำนาบนหลังนักข่าวช่างภาพมาแล้วกี่คน
และท้ายสุด คนพวกนี้ได้ชื่อ ได้หน้า ได้เงิน พวกเราคนต้นทางแทบไม่เป็นที่จดจำเลย
เราอยากเห็นองค์กรวิชาชีพ ที่ออกมาปรามเรา มีบทบาทคุ้มครองเราด้วยเช่นกัน
หวังว่าเหตุการณ์นี้ทำให้สังคมคนข่าวและกสทช. ดีอีจะช่วยกันขบคิดว่าจะหาทางอย่างคุ้มครองพวกเราภาคสนามบ้าง”
ก่อนหน้านี้ผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวก็ได้ออกมาพูดถึงประเด็นเรื่องการทำข่าวภาคสนามด้วยเช่นกัน ถึงประเด็นการออกภาคสนามทำข่าวในแต่ละครั้งเป็นเรื่องที่ลำบาก แต่นักข่าวหลายคนก็ต้องลงพื้นที่เพื่อให้ได้ข่าวมานำเสนอผู้ชม ความว่า
“กว่าจะได้ข่าว 3-5 นาที มาออกอากาศ หรือข่าวแต่ละตัว มันไม่ใช่ แค่จัดเก้าอี้เอาไฟส่องแล้วถาม ข่าวบางข่าว โดยเฉพาะภัยพิบัติ มันต้องเดินทาง เดินเท้าฝ่าดงโคลน เดินขึ้นลงเขา
สมองกับปากหาข้อมูล แล้วต้องไปให้ทันเวลารายงานบางพื้นที่น้ำท่วมสูง โคลนถล่ม รถไม่สามารถเข้าได้ แต่ความจิตวิญญาณความเป็นนักข่าวมันต้องลุยต่อ ไม่กลัวว่าข้างหน้าจะอันตรายยังไง แต่ต้องประเมินให้รอบคอบ
จากคลิป เห็นได้ชัดว่าเราต้องแบกอุปกรณ์กี่ชิ้น ยากลำบากยังไง เละเทะยังไง กว่าจะได้แต่ละข่าวที่มันเป็นทรัพย์สินทางปัญญา แรงกายแรงใจ แล้วมามีคนเอาไปสร้างชื่อตัวเอง จะให้รู้สึกขอบคุณหรือค่ะ
การลงพื้นที่ทำข่าว ไม่ใช่แค่การสร้างภาพว่าลุยทุกเหตุการณ์ แต่คือการ ลงไปฟังเสียง รับรู้ปัญหา ให้เห็นด้วยตา รับรู้ด้วยใจของนักข่าว และถ่ายทอดออกมาด้วยจิตสำนึก และหน้าที่
ไม่แปลกเลย ถ้าผู้ประกาศหรือคนในสถานีจะใช้ภาพและบทข่าวเราเพราะเป็นลิขสิทธิ์ของสถานีหรือสำนักข่าวนั้นๆ แต่คนนอกเนี่ย ไม่น่าจะใช่
ขอบคุณ คลิปภาพ พี่วิทย์”
ดูเหมือนว่าประเด็นเรื่องการรีไรต์ข่าว และการออกภาคสนามของแต่ละสำนักข่าวจะยังคงเป็นที่ถกเถียงกันไม่หยุด ทั้งนี้หลายคนก็คาดหวังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาตรการคุ้มครองและช่วยเหลือนักข่าวภาคสนามที่อดทนทำงานหนักมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยได้ยอดรับชมข่าวเท่าคนที่นำไปรีไรต์ ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่าประเด็นนี้จะจบลงอย่างไร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง