ไขสงสัย ทำไมกระเป๋ารถเมล์ รู้ว่าใครยังไม่จ่ายเงิน เผยทริคจำแม่นไม่มีลืม
ไขข้อสงสัยที่คนนั่งรถเมล์อยากรู้แต่ไม่กล้าถาม ทำไมกระเป๋ารถเมล์รู้ว่าใครยังไม่จ่ายค่าโดยสาร
รถเมลโดยสารประจำทาง ระบบขนส่งสาธารณะที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก ในแต่ละวันมีผู้ก้าวขึ้นลงกว่าร้อยคน แล้วทุกท่านเคยสงสัยหรือไม่ว่าในวัน ๆ นึงที่มีผู้ใช้บริการนับหลายร้อยวนเวียนกันไป โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งรีบที่ผู้โดยสารแห่แหนกันขึ้นมาใช้บริการนั้น กระเป๋ารถเมล์จะรู้ได้อย่างไรว่าคนมากหน้าหลายตาเหล่านั้นใครบ้างที่ยังไม่ได้จ่ายค่าโดยสาร
เปิดเคล็ดไม่ลับของพี่ ๆ กระเป๋ารถเมล์ ทำไมถึงรู้ว่าใครยังไม่จ่ายเงิน แล้วใช้วิธีไหนจึงเก็บค่าโดยสารกับผู้โดยสารครบทุกคน
สำหรับวิธีเก็บค่าโดยสารของกระเป๋ารถเมล์ ที่จะมั่นใจได้เลยว่า หากทำเช่นนี้จะสามารถเก็บค่าโดยสารจากบรรดาผู้โดยสารรถประจำทางได้อย่างครบถ้วนทุกคน มีด้วยกัน 2 วิธี คือ 1. การเก็บค่าโดยสารตามลำดับการยืนจากหน้ารถไปหลังรถ และ 2. การเก็บค่าโดยสารจากการนับจำนวนคนขึ้นใหม่ในแต่ละป้าย โดยแต่ละแบบจะมีรายละเอียดขั้นตอนที่เป็นทริคการจำดังต่อไปนี้
1. เก็บค่าโดยสารตามลำดับการยืน
นับว่าเป็นวิธีการเก็บค่าโดยสารแบบทั่วไป ซึ่งปกติแล้วเมื่อรถโดยสารจอดยังป้ายรถประจำทางและรับผู้โดยสารหน้าใหม่ขึ้นรถ กระเป๋ารถเมล์ก็จะเดินจากส่วนหน้ารถไปยังหลังรถ ระหว่างการเดินก็จะมองผู้โดยสารไปด้วยเพื่อเก็บค่าโดยสารจากลูกค้าที่ยื่นให้ เพราะส่วนใหญ่ผู้โดยสารมักจะยื่นค่าโดยสารให้โดยไม่ต้องเรียกเก็บ พร้อมบอกจุดหมายปลายทาง เพื่อให้กระเป๋ารถเมล์สามารถคำนวณค่าบริการได้อย่างถูกต้อง
2. เก็บค่าโดยสารจากการนับจำนวนคนขึ้นใหม่
สำหรับกระเป๋ารถเมล์การใช้วิธีการเก็บค่าโดยสารจากเหล่าลูกค้าที่ยื่นให้อย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ เพราะเป็นไปได้ว่า ผู้โดยสารบางท่านอาจจะเบี้ยว ไม่จ่ายค่าโดยสาร เช่นนั้นแล้วกระเป๋ารถเมล์และคนขับรถก็มักจะใช้วิธีการนับจำนวนลูกค้าขึ้นใหม่ในแต่ละป้าย เพื่อตรวจสอบกับจำนวนผู้โดยสารหน้าใหม่ที่จ่ายเงิน โดยในทุกครั้งที่รถเมล์จอดที่ป้ายประจำทาง กระเป๋ารถเมล์ก็จะนับว่าป้ายนี้มีลูกค้าขึ้นมากี่คน พอถึงเวลาเก็บค่าโดยสารก็จะเก็บให้ครบตามจำนวนลูกค้าที่นับได้
บางทีอาจอาศัยการสอบถามจำนวนผู้โดยสารจากคนขับคนเมล์ด้วยอีกทางหนึ่ง เหตุที่คนขับมักจะนับจำนวนผู้โดยสารขึ้นและลงตลอดก่อนที่จะเดินรถต่อ อย่างไรก็ตามในเวลาเร่งด่วนหรือมีผู้โดยสารขึ้นเป็นจำนวนมากก็เป็นไปได้ที่อาจจะนับจำนวนผิดพลาดและเก็บค่าโดยสารได้ไม่ครบ
การทำงานในตำแหน่งกระเป๋ารถเมลนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากจะอาศัยทักษะในการทำงานบนรถเมล์ที่เคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลาแล้วนั้น ความจำ และความช่างสังเกตก็เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติของการเป็นกระเป๋ารถเมล์เช่นกัน