ประวัติ ‘ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช’ ฉายาทนายกระดูกเหล็ก ตัวแทนว่าความ ‘บิ๊กโจ๊ก’
ส่องประวัติ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายแกร่งประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม มากฝีมือผ่านการว่าความมาแล้วหลายคดีดัง
หลังจากเปิดตัว “ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช” ว่าเป็นทีมทนายว่าความให้กับ “พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล” หรือ “บิ๊กโจ๊ก” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งทางด้านทนายอนันต์ชัยเองกล่าวว่าการว่าความครั้งนี้ไม่ทำให้ตนรู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด เพราะหากเทียบกับคดีดังในอดีตแล้วถือว่าน้ำหนักเบามาก
วันนี้เดอะไทยเกอร์พาส่องโปรไฟล์ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช เจ้าของฉายาทนายกระดูกเหล็กที่ว่าความให้คดีดัง ๆ มาแล้วหลายคดี อีกหนึ่งทนายสายชนที่มีความกล้าลุยถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย เพราะถือคติว่าต้องการทำทุกวิถีทางให้ความจริงปรากฏ
เปิดประวัติ ‘ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช’ จากเด็กหนุ่มช่างฝัน สู่เส้นทางจอมขมังเวทย์ทางกฎหมาย
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ปัจจุบันอายุ 61 ปี เกิดและเติบโตที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เคยวาดฝันชีวิตตัวเองไว้ว่าอยากจะเป็นนักนิเศศาสตร์ เนื่องจากชอบการเขียนบทประพันธ์ เขียนนวนิยาย เขียนกาพย์ ฉันท์ โคลง กลอน มาตั้งแต่เด็ก ๆ
แต่ในขณะที่ศึกษาอยุ่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ก็เกิดเหตุพลิกชีวิตให้เบนเข็มเข้าสู่เส้นทางสายกฎหมาย เนื่องมาจากคุณแม่ถูกโกงที่ดินกว่า 100 ไร่ เกิดการฟ้องร้องในศาลแต่กลับแพ้ เพราะทนายกินทั้งสองฝ่าย
ฮึดเรียนกฎหมายเพราะแม่ถูกโกง
เหตุนี้เองทำให้ทนายอนันต์ชัยมุ่งเป้าไปที่การเรียนกฎหมาย เพื่อหวังจะสร้างความชิบให้เกิดในสังคม ไม่ต้องมีใครตกเป็นเหยื่อแบบคุณแม่ของตนอีก โดยทนายอนันต์ชัยเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อปี 2523 ใช้เวลาเรียนเพียง 3 ปีครึ่ง ก็สำเร็จการศึกษาในปี 2527
จากนั้นก็ไปศึกษาต่อเนติบัณฑิตไทย (นบท.) จากสำนักงานอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา สมัยที่ 39 อีก 1 ปีครึ่ง ก็เรียนจบในปี 2529 ต่อมาในปี 2546 ทนายอนันต์ชัยจบหลักสูตรโนตารีปับลิก รุ่นที่ 4 จากสภาทนายความ
ในปีถัดมา 2547 จบหลักสูตรประกาศนียบัตรกฎหมายชั้นสูง รุ่นที่ 6 จากสถาบันวิชาชีพกฎหมายชั้นสูง สภาทนายความ และศึกษาต่อเนื่องจนจบหลักสูตรเจ้าหน้าที่รายการวิทยุกระจายเสียง รุ่นพิเศษ 48 จากสถาบันการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ ในปี 2548
กระทั่งในปี 2556 ทนายอนันต์ชัยเรียนจบหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองบัญชาการกองทัพไทย รุ่น 4 จากสถาบันจิตวิทยาความมั่นคง สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ และในปี 2557 ก็จบหลักสูตรชั้นปริญญาโท นิติศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยอีสเทอร์นเอเชีย
ทนายหน้าอ่อนไส้แห้งที่ไม่เคยจับคดีดัง
หลังจบการศึกษาเนติบัณทิตไทยช่วงแรก ๆ ด้วยความทนายอนันต์ชัยเป็นคนต่างจังหวัด แถมยังจบกฎหมายจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำให้หลายคนดูถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นทนาย และไม่เคยได้จับคดีใหญ่ ๆ เลย อีกทั้งคดีเล็ก ๆ ที่เข้ามาก็ทำรายได้เพียงเล็กน้อย
ช่วงชีวิตวัยทำงาน ทนายอนันต์ชัยเผยว่าเปลี่ยนที่ทำงานบ่อยครั้ง แต่ถือเป็นโอกาสที่ดีในการฝึกฝนลับคมฝีมือการว่าความอยู่ตลอด จึงทำให้มีความสามารถในเรื่องกฎหมายหลากหลายด้านไปโดยปริยาย กระทั่งในปี 2534 จึงเปิดสำนักงานกฎหมายของตัวเองชื่อว่า “สำนักงานกฎหมายไชยเดช” แต่นั่นก็ถือว่ายังไม่ใช่สำนักงานของตัวเอง 100%
ที่มาฉายา “แจ๊กผู้อาสาฉีกหน้ากากยักษ์ขี้ฉ้อ”
แม้จะเปิดสำนักงานกฎหมายแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้จับคดีใหญ่ ทำให้ทนายอนันต์ชัยตัดสินใจออกมาตั้งสำนักงานของเอง ชนิดที่ว่าขอไปตายเอาดาบหน้า เพราะไม่มีลูกความใด ๆ ทั้งสิ้น แต่สำนักงานทนายความกฎหมาย อนันตชัย ไชยเดช (ชื่อเดิม) เริ่มเป็นที่รู้จักกันในคดีปลอมแปลงใบหุ้นของธนาคารทหารไทย (มหาชน) จำกัด เมื่อปี 2544
การว่าความในลักษณะถูกต้องแต่ไม่ถูกใจของทนายอนันต์ชัยเป็นที่โจษจันไปทั่วหน้าหนังสือพิมพ์ในยุคสมัยนั้น ถือได้ว่าเป็นคดีแจ้งเกิดของทนายอนันต์ชัยก็ว่าได้ จนได้ฉายาจากหนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย ฉบับลงวันที่ 4 ธันวาคม 2544 ว่าเป็น “แจ๊กผู้อาสาฉีกหน้ากากยักษ์ขี้ฉ้อ” ด้วยลีลาการว่าความที่ดุดัน กัดไม่ปล่อย และไม่กลัวผู้มีอิทธิพล
ชีวิตทนายเกือบ 40 ปี กับคดีดังนับไม่ถ้วน
ตลอดระยะเวลาการประกอบอาชีพทนาย ของทนายอนัต์ชัย ไชยเดช กินเวลายาวนานเกือบ 40 ปี ผ่านการว่าความในคดีดัง ๆ มาแล้วหลายครั้งหลายหน ดังนี้
พ.ศ. 2544 เป็นทนายความให้กับกลุ่มผู้ค้าหูฉลามย่านเยาวราช ฟ้องร้องดำเนินคดีกับองค์กรอนุรักษ์สัตว์ป่านานาชาติ (ไวล์ดเอด) จนปรากฏภาพข่าวโด่งดังไปทั่วโลก
พ.ศ. 2547 เป็นทนายความให้กับนายวีระ ลิมปะพันธ์ นายกสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ฟ้องร้องดำเนินคดีกับกรรมการของสมาคมฯ ที่กล่าวหาว่ายักยอกทรัพย์
พ.ศ. 2548 – 2549 เป็นทนายความให้กับนางสาวชุติมา นัยนา (เอ้) อดีตนางสาวไทย และดารานักแสดง ฟ้องร้องดำเนินคดีกับนิตยสารกอซซิปสตาร์ที่กล่าวหาว่านางสาวชุติมาเป็นแม่เล้า
พ.ศ. 2549 เป็นทนายความให้กับนางสาวสกาวใจ พูลสวัสดิ์ (อ๋อม) ดารานักแสดง ฟ้องร้องดำเนินคดีกับบริษัท เอ็น.บี.ดี เฮลแคร์ จำกัด ในข้อหาละเมิด หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีที่บริษัทแอบอ้างว่านางสาวสกาวใจเป็นตัวแทนงานโฆษณาของบริษัท
พ.ศ. 2549 – 2555 เป็นทนายความให้กับพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามผู้มีอิทธิพลเกี่ยวกับสถานบริการและแหล่งอบายมุข ฟ้องร้องดำเนินคดีกับ พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล และนายไพรจิตร ธรรมโรจน์พินิจ (ปอ ประตูน้ำ)
“ทนายกระดูกเหล็ก” แม้ถูกขู่ทำร้าย ก็เดินหน้าสู้ไม่ถอย
ในปี 2551 หลังการฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้มีอิทธิพล ทำให้ทนายอนันต์ชัยถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลใช้มีดสปาต้าฟันศีรษะที่บริเวณศาลอาญา อันเป็นผลมาจากจากการว่าความและดำเนินคดีในชั้นศาลโดยไม่เกรงกลัวต่อผู้มีอิทธิพล ซึ่งปรากฏภาพข่าวตามสื่อสารมวลชนทุกแขนง จนหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับลงวันที่ 23 เมษายน 2551 ได้ให้คำชมเชยเป็นฉายาว่า “ทนายกระดูกเหล็ก”
นั่งแท่นที่ปรึกษากฎหมายหลายบริษัท
นอกจากเป็นทนายว่าความในคดีดัง ๆ แล้ว ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ยังรับงานเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้กับหลายบริษัทอีกด้วย ได้แก่
- บริษัท โฟร์คิง สตูดิโอ จำกัด
- นิตยสารบริษัท เดทัมกรุ๊ป จำกัด
- บริษัท ฮาตาริเทคโนโลยี่ จำกัด
- บริษัท แคลร์เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
- บริษัท ศรุตยา จำกัด
- บริษัท เควสท์ (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัท สโตน บีลีฟเวอร์ จำกัด
ปัจจุบันทนายอนันต์ชัยรับหน้าที่เป็นทนายว่าความให้กับ บิ๊กโจ๊ก หรือ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล โดยตนเองจะมีการตั้งวอร์รูม ทีมทนายความขึ้นมา และดูการให้สัมภาษณ์ของแต่ละบุคคลผ่านสื่อ รวมถึงดูประเด็นต่าง ๆ ทั้งระบบ หากพบว่าใครที่พาดพิง ก็จะมาพิจารณาว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีหรือไม่