ที่ประชุม ครม.ไฟเขียว แผนก่อหนี้ใหม่ 1.94 แสนล้านบาท ปี 2567 หวังชดเชยขาดดุลงบปี 2566 พร้อมจี้ รฟท. และ ขสมก. เร่งรัดดำเนินการ หารายได้ให้พอจ่ายหนี้
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี “นายชัย วัชรงค์” เปิดเผยรายละเอียดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ (แผนฯ) ประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงินรวม 194,434.53 ล้านบาท เฉพาะในส่วนที่ ครม.มีมติอนุมัติแล้ว การบริหารหนี้ที่ครบกำหนด และการชำระหนี้ที่ประกอบด้วย แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงินรวม 194,434.53 ล้านบาท แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงินรวม 1,621,135.22 ล้านบาท และแผนการชำระหนี้ วงเงินรวม 390,538.63 ล้านบาท
ในส่วนของขั้นตอน การดำเนินงานตามแผนฯ หน่วยงานภายใต้แผนฯ จะต้องดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้ สาระสำคัญของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ 2567 มี 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 1.แผนการก่อหนี้ใหม่ 2. แผนการบริหารหนี้เดิม และ 3. แผนการชำระหนี้ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.แผนการก่อหนี้ใหม่
แผนการก่อหนี้ใหม่ ประกอบด้วย (1) การก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล ส่วนใหญ่เป็นการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณปี 2566 ที่มีการขยายเวลากู้เงินออกไปภายหลังจากวันสิ้นปีงบประมาณสำหรับการเบิกจ่ายกันเหลื่อมปีวงเงิน 40,000 ล้านบาท และการกู้เงินเพื่อดำเนิโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (2) การก่อหนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจ เป็นการกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนาที่สำคัญ รวมถึงเป็นการกู้เงินเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการทั่วไปของรัฐวิสาหกิจ
2.แผนการบริหารหนี้เดิม
ส่วนใหญ่เป็นการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เดิมที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ 2567
3.แผนการชำระหนี้
ประกอบด้วย แผนการชำระหนี้ของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหนี้หน่วยงานของรัฐจากงบประมาณ ปี 2567 วงเงิน 336,807 ล้านบาท และแผนการชำระหนี้จากแหล่งเงินอื่นๆ วงเงิน 53,731.63 ล้านบาท
สำหรับแผนฯ ประจำปีงบประมาณ 2567 มีรัฐวิสาหกิจ 4 แห่ง ได้แก่ การเคหะแห่งชาติ (กคช.) บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่มีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการต่ำกว่า 1 เท่า สามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ 2567
รฟท. และ ขสมก. เร่งรัดดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการของหน่วยงาน เพื่อเพิ่มรายได้ให้เพียงพอสำหรับการชำระหนี้ และเพื่อทำให้ฐานะทางการเงินของหน่วยงานดีขึ้น และขอให้ รฟท. และ ขสมก. รายงานความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการของหน่วยงานต่อคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
เพื่อทราบต่อไป สำหรับจีดีพี ณ สิ้นปีงบประมาณ 2567 จากการดำเนินการตามแผนฯ ที่เสนอในครั้งนี้จะยังอยู่ภายใต้กรอบการบริหารหนี้สาธารณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนดที่ไม่เกิน 70%
- ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ยืนยันยังทำงานกับเพื่อไทย เผยยังไม่มีใครมาทาบทาม
- ครม. ประกาศ ฟรีวีซ่า “จีน-คาซัคสถาน” เริ่ม 25 ก.ย. 66 หวังฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย