ข่าวอาหาร

ดราม่าลิขสิทธิ์ “ปังชา” ยังไม่จบ ! เพจดังแฉกลิ่นตุ โผล่เคสเจอทนายส่งโนติสเรียก 102 ล้าน

ลิขสิทธิ์ชื่อร้าน ปังชา ส่อวุ่นอีก เพจหมายจับกับรรจง โพสต์แฉร้านเล็กเจอทนายส่งโนติส เรียกค่าเสียหาย 102 ล้านบาท อีกราย 7 แสน ปมทรัพย์สินนทางปัญญาที่กำลังถูกถกเดือดในสังคม ทนายเกิดผล โผล่คอมเมนต์เริ่มได้กลิ่นตุ บอกแบบนี้เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ได้เลย

จากกรณีดราม่าสนั่น แฮชแท็กชื่อร้าน “ปังชา” ถูกเหล่าบุคคล โดยเฉพาะบนโลกโซเชียลพากันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวที่ ร้านอาหาร “ลูกไก่ทอง Thai Royal Restaurantโพสต์ข้อความระบุว่า ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “ปังชา” แล้ว พร้อมสงวนสิทธิ์ห้ามลอกเลียนแบบ ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข และสงวนสิทธิ์ห้ามนำชื่อแบรนด์ปังชา Pang Cha ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ไปใช้เป็นชื่อร้านหรือใช้เป็นชื่อสินค้าเพื่อจำหน่าย

อย่างไรก็ตาม ต่อมาทั้งผู้เชี่ยวชาญและนักกฎหมายหลาย ๆ คนก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นทำนองเดียวกันว่า ทางร้านมีการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า, สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ รวมถึงการจดแจ้งลิขสิทธิ์จริง แต่การที่จะไปห้ามมิให้กลุ่มคนหรือผู้ใดทำ “บิงซู” หรือน้ำแข็งไสใส่ชาไทย ประเด็นนี้คงไปใช้กฏหมายห้ามปรามเอผิดกันไม่ได้

เรื่องราวลิขสิทธิ์ปังชาที่ทางร้านออกมาเคลื่อนไหวนั้น กระแสวิจารณ์สนั่นเมืองถึงขั้นที่ว่าคีย์เวิร์ดคำว่า “ปังชา” ถูกค้นหาในเสิร์ชเอนจินเจ้าดังอย่างกูเกิล (Google) วันนี้ 30 ส.ค.2566 ในช่วงเวลาใกล้เที่ยงวัน (12.00 น.) แล้วกว่า 2 พันครั้ง และล่าสุดทางร้านต้นเรื่องก็ออกมาเคลื่อนไหวแสดงความรับผิดชอบต่อปมสาเหตุที่พาอลเวงทั้งหมดแล้ว

โดยเป็นการออกประกาศชี้แจงจากทางร้าน ดังนี้

“ร้านอาหารลูกไก่ทอง และร้านปังชา ขอประกาศชี้แจงถึงกรณีข้อความในโพสต์ที่ด้มีการโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียของทางร้าน ทางร้านขออภัยที่มีการสื่อสารและทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน”

“ทางร้าน ขอน้อมรับทุกคำติชม คำแนะนำ และจะปรับปรุง พัฒนา ทั้งในการสื่อสาร การบริการ สินค้า ต่อไป ขอขอบคุณกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้ให้ข้อมูลและหาแนวทางร่วมกันในการชี้แจงเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจทางแบรนด์เป็นอย่างดีที่สุด”

“ที่สำคัญที่สุด กราบขอบพระคุณด้วยความเคารพจากใจในทุก ๆ ท่านที่ร่วมกันโพสต์แสดงความคิดเห็นให้แนวทาง อธิบายข้อมูลที่มีเพื่อเป็นความรู้กับปังชาเป็นอย่างดีที่สุด ขอบพระคุณจริง ๆ ค่ะ”

“ที่ผ่านมาจากกระแสที่เกิดขึ้น ทางร้านลูกไก่ทอง และ ปังชา มิได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด แต่ได้มีการสอบถามและหาปรึกษาแนวทางร่วมกันชี้แจงกับกรมทรัพย์นทางปัญญาจึงออกมาชี้แจง ณ ที่นี้พร้อมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา”.

ร้านอาหารลูกไก่ทอง
ภาพ Facebook @Lukkaithong9

เรื่องไม่จบ ร้านเล็กเจอโนติสเรียกค่าลิขสิทธิ์ 102 ล้าน อีกเคส 7 แสน

อย่างไรก็ดี เรื่องราวยังทำท่าจะไม่จบง่าย ๆ เมื่อต่อมาเฟซบุ๊กแฟนเพจ ผู้สื่อข่าวคนดังอย่าง “หมายจับกับบรรจง” ได้ลงโพสต์เปิดเผยข้อมูลว่า ได้มีผู้ประกอบการร้านค้าโดนทนายส่งโนติส หรือ หนังสือทวงถาม เรียกค่าเสียหายเป็นจำนวน 102 ล้านบาท จากสาเหตุ เปิดร้านขายขนมปังปิ้ง-ชา เครื่องดื่มอยู่ที่จังหวัดทางภาคเหนือ เปิดมาตั้งแต่ปี 64 ใช้ชื่อร้านที่มีคำว่า”ปังชา” ล่าสุดมีบริษัทในกรุงเทพฯที่เพิ่งไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเมื่อประมาณ 2-3 เดือนก่อน

เคสนี้ ผู้ได้รับหนังสือโนติสดังกล้าวยังบอกด้วยว่า โลโก้ร้านตนเองก็ไม่เหมือนกับของบริษัทดังกล่าว อีกทั้งไม่ได้มีเจตนาที่จะไปลอกเลียนแบบใด ๆ

หมายจับกับรรจง
ภาพ Facebook @thailandmostwanted
ดูข่าว ร้านปังชาวันนี้
ภาพ Facebook @thailandmostwanted

เท่านั้นไม่พอ สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อ 2 ชม. ที่ผ่านมาของวันนี้ (30 ส.ค.66) หลังเพจออกมาเคลื่อนไหวเผยเคสเจอเรียกค่าลิขสิทธิกว่า 120 ล้านบาทไปไม่นาน

ปรากฏ ก็พบว่ามีร้านของผู้ประกอบการรายอื่นก็เจอเล่นงานแบบนี้ด้วยเหมือนกันและส่งเรื่องมาร้องเรียนกับนายบรรจง คนข่าวช่องทางเดียวกัน โดยจากการให้ข้อมูล ระบุ เคสล่าสุดนี้เจอทนายส่งหนังสือโนติสเรียกเงิน 7 แสน เป็นร้านอยู่ที่หาดใหญ่ จ.สงขลา ชื่อร้านทางช้างเผือก ขายนมสด-ขนมปังปิ้ง แต่มีป้ายหน้าร้านกล่องไฟมีคำว่า “ปังชา”

“มันเข้าข่ายกรรโชกทรัพย์แล้วนะเนี่ย” ความเห็นจากบัญชีเฟซบุ๊กทนายเกิดผล แก้วเกิด มือกฏหมายคนดังที่เข้ามาพิมพ์หล่นความคิดเห็นเกี่ยวกับแง่มมุข้อบังคับทางกฏหมายล่าสุดในกรณีนี้

ขณะที่ความเห็นอื่น ๆ ก็ระบุตรงกันว่า รู้สึกเสียความรู้สึกกับการกระทำของร้านลูกไก่ทองที่มีการส่งหนังสือทวงถาม เพื่อแจ้งเรียกค่าเสียหายดังกล่าว

“แปลกๆ แล้ว แบบนี้”

“พอจดลิขสิทธิ์ปุ๊บ ยื่นโนติสปั๊บ เหมือนมีข้อมูลในมือพร้อมฟ้องเลย ทนายก็ประหลาดไม่มีการแนะนำเลยเหรอว่ามันทำได้ไม่ได้”

ความเห็นกรณี ลิขสิทธิชื่อ ปังชา

“ปกติชอบร้านนี้มากนะ แต่ทำแบบนี้ไม่ค่อยน่ารักกับร้านเล็กๆ เท่าไหร่” ตัวอย่างความเห็น 2-3 ข้อความที่เข้ามาแสดงความเห็นใต้โพสต์เฟซบุ๊กเพจหมายจับกับบบรรจง โดยถึงตรงนี้คงต้องมารอติดตามกันว่าสุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดจะไปจบลงที่ตรงไหน โดยจะถึงขั้นเดินฟ้องร้องกันในชั้นศาลตามบริบทที่เกิดขึ้นจนเป็นประเด็นร้อนหรือไม่ หากมีความคืบหน้าจะมารายงานให้ทราบต่อไป.

คอมเมนต์ ดราม่าร้านปังชา

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ก็พอจะเปรียบได้กับ “น้ำผึ้งหยดเดียว” ที่ตอนนี้ลุกลามจนเล่นเอา ตัวแทนตลอดจนหัวอกผู้ประกอบการรายเล็ก ๆ ต้องออกมาเคลื่อนไหวเพื่อถามหาความเหมาะสมในการประกอบอาชีพสุจริตในสังคมที่ปัจจุบันแทบจะเรียกได้ว่า ต้องกลืนเลือดกันเพื่อออกมาค้าขายกันแล้วบ้างก็มี.

 

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button