รู้จัก 4 โรคประจำตัว “ทักษิณ” สาเหตุต้องย้ายจากเรือนจำไปโรงพยาบาล
ชวนทำความเข้าใจ 4 โรคประจำตัว ทักษิณ ชินวัตร สาเหตุที่ทำให้ต้องออกจากเรือนจำ เพื่อย้ายไปโรงพยาบาลตำรวจกลางดึก พร้อมอาการที่ควรรู้
กลับมาประเทศไทยครั้งแรกในรอบ 15 ปี สำหรับอดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งในการกลับมาครั้งนี้ ทักษิณต้องรับโทษจำคุก 8 ปี โดยได้มีการส่งตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เบื้องต้นตรวจร่างกายพบว่า ทักษิณ ป่วยจาก 4 โรคประจำตัว ก่อนที่กลางดึกในวันเดียวกัน จะถูกหามตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ เพื่ออยู่ในการดูแลของทีมแพทย์
วันนี้ Thaiger เลยอยากถือโอกาส พาทุกท่านไปรู้จัก 4 โรคประจำตัวของ ทักษิณ ว่าจะมีรายละเอียดและอาการของแต่ละโรคอย่างไรบ้าง
4 โรคประจำตัว ทักษิณ ชินวัตร มีอะไรบ้าง
นายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาล ได้ออกมาแถลงถึงอาการป่วยของ อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร โดยระบุว่าทักษิณมีโรคประจำตัว 4 โรค ได้แก่ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด, ปอดอักเสบเรื้อรัง, ความดันโลหิตสูง และ ภาวะเสื่อมตามอายุ
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (ACS) เกิดจากการไหลเวียนของเลือดไปยังกล้ามเนื้อหัวใจลดลง สาเหตุหลักมาจากโรคหลอดเลือดแข็งตัว ซึ่งเป็นการสะสมของคราบจุลินทรีย์ในหลอดเลือดหัวใจที่คอยทำหน้าที่ส่งออกซิเจนและสารอาหารไปยังหัวใจ
อาการของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- อาการเจ็บหน้าอกหรือไม่สบาย: เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด และทำให้ผู้ป่วยรู้สึกแน่นหรือบีบรัดที่หน้าอก อาการปวดอาจลามไปที่แขน (ปกติจะเป็นแขนซ้าย) กราม คอ หลัง หรือแม้แต่ท้อง บางคนอาจมีอาการปวดเหมือนอาหารไม่ย่อยร่วมด้วย
- หายใจถี่: ผู้ที่เป็นโรค ACS อาจรู้สึกหายใจไม่ออกแม้ว่าจะมีการออกกำลังกายเพียงเล็กน้อยหรืออยู่ในระหว่างการพักผ่อนก็ตาม อาการนี้สามารถบ่งบอกได้ว่ากล้ามเนื้อหัวใจไม่ได้รับออกซิเจนเพียงพอเนื่องจากการไหลเวียนของเลือดลดลง
- คลื่นไส้หรืออาเจียน: ความรู้สึกคลื่นไส้หรืออาเจียน อาจเกิดขึ้นได้เนื่องจากการตอบสนองต่อความเครียดของร่างกาย เพราะการไหลเวียนของเลือดไปยังหัวใจลดลง
- เหงื่อออก: เหงื่อออกเยอะมาก ซึ่งมักเรียกว่าเหงื่อออกเย็นหรือชื้น
- อาการวิงเวียนศีรษะหรือหน้ามืด: การไหลเวียนของเลือดไปยังสมองลดลง เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดไปยังหัวใจที่ถูกรบกวน อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะหรือเป็นลมได้
- ความเหนื่อยล้า: ความเหนื่อยล้าหรืออ่อนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นอาการของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
- อาการปวดบริเวณอื่น ๆ: บางคนโดยเฉพาะผู้หญิง อาจมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดหลังส่วนบน คอ หรือขากรรไกร เป็นต้น
ปอดอักเสบเรื้อรัง จากการติดเชื้อโควิด19
โรคปอดอักเสบที่เกิดจากเชื้อโควิด-19 มาจากการติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ภาวะนี้มีตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรงและอาจนำไปสู่ปัญหาในระบบทางเดินหายใจได้
อาการของโรคปอดอักเสบจากเชื้อโควิด-19
- ไข้: อุณหภูมิร่างกายสูงเป็นอาการทั่วไปของเชื้อโควิด-19 และมักเป็นสัญญาณแรกของการติดเชื้อ
- อาการไอ: อาการไอแห้ง ๆ เรื้อรัง มักพบบ่อยในผู้ป่วยโรคโควิด-19 และผู้ที่มีอาการปอดอักเสบเรื้อรัง
- หายใจถี่: นี่เป็นอาการสำคัญของโรคปอดอักเสบ ทำให้หายใจได้ยากลำบาก และบางรายอาจถึงขั้นรู้สึกหายใจไม่ออก โดยเฉพาะในระหว่างออกกำลังกาย
- อาการเจ็บหน้าอก: บางคนที่เป็นโรคปอดอักเสบจากเชื้อโควิด-19 อาจรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บบริเวณหน้าอก มักเกิดจากความตึงเครียดในระบบทางเดินหายใจ
- ความเหนื่อยล้า: การรู้สึกเหนื่อยที่มากผิดปกติ หรือมีอาการอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด เป็นอาการที่พบบ่อยของเชื้อโควิด-19 และอาจรุนแรงขึ้นได้ในกรณีของโรคปอดอักเสบ
โรคความดันโลหิตสูง
โรคความดันโลหิตสูง เป็นภาวะทางการแพทย์ที่เกิดจากแรงดันเลือดสูงเกินกว่าปกติ (มากกว่า 140/90) เป็นภาวะเรื้อรังที่อาจทำให้หัวใจและอวัยวะอื่น ๆ เป็นอันตรายได้ และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา
อาการของโรคความดันโลหิตสูง
- อาการปวดหัว: ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงบางคน อาจมีอาการปวดศีรษะบ่อย ๆ ซึ่งมักจะเป็นที่ด้านหลังศีรษะ
- อาการวิงเวียนศีรษะหรือมึนศีรษะ: บางครั้งความดันโลหิตสูงอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
- หายใจถี่: ความดันโลหิตสูงทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ บางรายอาจมีอาการหายใจถี่ แม้ว่าจะมีการออกกำลังกายเพียงเล็กน้อยก็ตาม
- อาการเจ็บหน้าอก: ความดันโลหิตสูงสามารถส่งผลต่อความเครียดของหัวใจ ซึ่งอาจนำไปสู่ความรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บแปล๊บตรงหน้าอกได้ โดยเฉพาะในระหว่างที่ออกแรง
- การเปลี่ยนแปลงทางการมองเห็น: ในบางกรณี ความดันโลหิตสูงอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการมองเห็น เช่น มองเห็นไม่ชัด หรือแม้แต่สูญเสียการมองเห็น อาการนี้พบได้น้อยและมักเป็นสัญญาณของความดันโลหิตสูงหรือภาวะแทรกซ้อนขั้นรุนแรง
- ความเหนื่อยล้า: ความเหนื่อยล้าหรือความอ่อนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุอาจสัมพันธ์กับความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือด
- เลือดกำเดาไหล: ถึงแม้จะไม่ใช่อาการทั่วไปของความดันโลหิตสูง แต่บางคนอาจมีเลือดกำเดาไหล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากความดันโลหิตสูงมากผิดปกติ
ภาวะเสื่อมตามอายุ กระดูกสันหลังเสื่อมกดทับเส้นประสาท
การเสื่อมตามอายุ หมายถึง ความลดน้อยลงของศักยภาพในร่างกายมนุษย์ ซึ่งเป็นไปตามกลไกของธรรมชาติ โดยอาจเกิดขึ้นได้ทั้งในแง่ของร่างกายและจิตใจ อาทิ สุขภาพ การรับรู้ การเคลื่อนไหว ระบบภูมิคุ้มกัน และการทำงานของอวัยวะ
สำหรับกระดูกสันหลังเสื่อมกดทับเส้นประสาท เกิดขึ้นจากการที่กระดูกสันหลังเคลื่อนตัวแบบไม่มั่นคง โดยมีสาเหตุมาจากการเสื่อมสภาพของหมอนรองกระดูกสันหลัง ทำให้เกิดการเลื่อน นำไปสู่ปัญหาโพรงประสาทและการควบคุมร่างกาย
อาการกระดูกสันหลังเสื่อมกดทับเส้นประสาท
- ความเจ็บปวด: อาการที่พบบ่อยที่สุดของหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาทคืออาการปวด ความเจ็บปวดอาจแตกต่างกันตามความรุนแรงและตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของหมอนรอง เช่น ปวดหลังส่วนล่าง ต้นขา คอ และไหล่
- ชาและรู้สึกเสียวแปล๊บ: การกดทับเส้นประสาทจากหมอนรองกระดูกเคลื่อนอาจทำให้เกิดอาการชา รู้สึกเสียวแปล๊บขึ้นได้ ซึ่งบางรายอธิบายว่ารู้สึกคล้ายโดน “เข็มหมุด” ตำบนร่างกาย ความรู้สึกเหล่านี้มักเป็นไปตามแนวเส้นประสาทที่ได้รับผลกระทบ เช่น ที่ขาหรือแขน
- ความอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ: การกดทับของเส้นประสาทที่เกิดจากหมอนรองกระดูกเคลื่อน อาจส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง จนเริ่มเคลื่อนไหวและกิจกรรมได้ยากมากขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงปฏิกิริยาตอบสนอง: การกดทับของเส้นประสาทอาจส่งผลต่อปฏิกิริยาตอบสนอง โดยอาจสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในปฏิกิริยาตอบสนอง เช่น อาการกระตุกเข่าลดลง
- อาการปวดรุนแรงขึ้น: กิจกรรมบางอย่าง เช่น การยก การงอ จาม หรือไอ อาจทำให้อาการปวดแย่ลงได้ บ่อยครั้ง การเปลี่ยนตำแหน่งหรือการหาท่าทางที่สบายกว่าสามารถบรรเทาอาการได้ชั่วคราว
ทั้งหมดนี้คือ 4 โรคประจำตัวของทักษิณ ชินวัตร โดยแต่ละโรคเกิดขึ้นจากปัจจัยที่ไม่เหมือนกัน และมีอาการบ่งชี้ที่แต่งต่างกันไป โดยใครที่คิดว่าตัวเองมีอาการป่วยด้วยโรค ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด, ปอดอักเสบเรื้อรัง, ความดันโลหิตสูง หรือ ภาวะเสื่อมตามอายุ ควรรีบไปพบแพทย์เป็นการด่วน.